Categories
เบเกอรี่

สูตรขนม คุกกี้ เนยสด หวาน กรอบ หอมกลิ่นเนยสดอบอวลชวนทาน

คุกกี้ เนยสด

คุกกี้ เนยสด ขนมที่หลายๆ คนมักคุ้นชินเป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในขนมที่ชอบซื้อทานเป็นประจำ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะหลงใหลในความหอมกลิ่นเนยสดที่อบอวลอยู่ในปากผสมผสานกับรสชาติอร่อยจนไม่สามารถหยุดทานได้เลย และแน่นอนว่าขนมอร่อยราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นสาวกคุกกี้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเราได้คัดสรรสูตร คุกกี้เนยสด ง่ายๆ สไตล์เบเกอรี่โฮมเมดมาฝาก เผื่ออยากลองทำทานเอง หรือทำขายในช่วงวันว่าง รับรองต้องถูกใจแน่นนอน 

ขั้นตอนการทำ คุกกี้ เนยสด สูตรอัลมอนต์ หอม กรุบกรอบ อร่อยทุกคำ 

ใครที่ชอบทานคุกกี้ เนยสดอยู่แล้ว และกำลังหาสูตร คุกกี้เนยสดทำเอง เราขอแนะนำ คุกกี้เนยสด อัลมอนต์ เนื้อแป้งกรุบกรอบ ละลายในปาก เมล็ดอัลมอนด์กรอบมันอร่อยโดนใจ ที่สำคัญมีวิธีทำอย่างง่ายไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อีกทั้งใช้ส่วนผสมคุกกี้เนยสดเพียงเล็กน้อย ดังนี้

คุกกี้ เนยสด
  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
  2. เมล็ดอัลมอนต์ ½ ถ้วยตวง
  3. เนยเค็ม 170 กรัม
  4. ไข่ไก่ 2-3 ฟอง
  5. นมผง 30 กรัม
  6. น้ำตาลไอซิ่ง 70 กรัม
  7. แป้งข้าวโพด 40 กรัม
  8. กลิ่นเนย ½ ช้อนชา

เมื่อได้ส่วนผสมต่างๆ ครบแล้ว ก่อนลงมือทำขนมคุกกี้ให้นำเนยเค็มไปแช่เย็นก่อนแล้วค่อยนำมาผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ต่อมาเริ่มเข้าสู่วิธี ทํา คุกกี้ เนย สด ง่ายๆ ที่เราจะพาทำดังต่อไปนี้ 

คุกกี้ เนยสด
  1. นำเนยเค็มที่แช่ในตู้เย็นออกมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ดะกร้อตีเนยให้นิ่ม และฟูขึ้น จากนั้นใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไป เสร็จแล้วใช้ไม้พายตะล่อมให้เข้ากัน ตีส่วนผสมทั้งหมดต่อไป จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเนื้อเดียวกัน
  2. จากนั้นใส่ไข่ไก่ กลิ่นเนยสด ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ พักไว้ก่อน หลังจากนั้นนำแป้งสาลี แป้งข้าวโพด นมผง มาร่อนเอาเศษกะตอนออก เสร็จแล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปใส่ในภาชนะที่ตีส่วนผสมต่างๆ ไว้แล้ว ค่อยๆ เทแป้งลงไป และใช้ตะกร้อตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเนียนละเอียด 
  3. นำส่วนผสมที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วทำการติดหัวบีบที่เป็นลวดลายต่างๆ ตามใจชอบ เตรียมถาดอบขนม ทาน้ำมันหรือจะใช้กระดาษไขรองถาดก็ได้เช่นกัน จากนั้นทำการบีบแป้งคุกกี้ลงไป เป็นชิ้นๆ ขนาดเท่าๆ กัน ตามด้วยเมล็ดอัลมอนต์วางไว้ด้านบนตรงกลางแป้ง
  4. ก่อนจะนำขนมเข้าอบต้องวอร์มเตาก่อน โดยเปิดเตาที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 5 นาที หลังจากครบกำหนดเวลาแล้ว ให้นำถาดขนมเข้าเตาอบ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วนำถาดอบขนมออกมาพักไว้ให้เย็น จัดใส่จานนำไปรับประทานกันได้เลย
คุกกี้ เนยสด

ขนมคุกกี้ที่เราทำการอบเสร็จแล้วจะมีสีเหลืองสวยงาม ที่มาพร้อมกับกลิ่นเนยสดเข้มข้น เนื้ออัลมอนต์กรอบมัน หากได้ลองทานสักชิ้นรับรองว่าจะต้องทานเพิ่มอีกแน่นอน สำหรับคนไหนที่อยากลองทำเบเกอรี่ง่าย ๆ และใช้ต้นทุนต่ำ ต้องลองทำคุกกี้อัลมอนต์เมนูเบเกอรี่ยอดนิยม ใช้งบน้อย ขั้นตอนทำง่าย ที่สำคัญรสชาติอร่อยถูกใจคนทั้งบ้าน 

เคล็ดลับทำคุกกี้ เนยสด เนื้อเนียนละเอียด ไม่แข็งกระด้าง

คุกกี้ เนยสด

คุกกี้เนยสด เป็นเบเกอรี่ทำเองที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน และใช้ส่วนผสมต่างๆ เพียงเล็กน้อย ซึ่งเคล็บลับการทำขนมเบเกอรี่ อย่าง คุกกี้ให้อร่อยนั้น ก่อนผสมวัตถุดิบอย่าง แป้งข้าวโพด นมผง แป้งสาลี จะต้องนำมาร่อนเอาตะกอนออกให้หมด จากนั้นค่อยนำไปผสมกับเนย ไข่ไก่ให้เข้ากัน และอีกหนึ่งเคล็บลับทำคุกกี้ไม่แข็งจะต้องใส่แป้งในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้เนื้อขนมไม่แข็งเกินไป ที่สำคัญขั้นตอนการอบต้องใช้ไฟบน-ล่าง เพื่อให้ขนมฟูกรอบอย่างทั่วถึงทุกชิ้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส

ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส
ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส

ขนมช่อม่วงขนมไทยที่นิยมใช้ทานกันในวังเป็นของว่างพร้อมกับผักกาดหอม ผักชี และพริกขี้หนู เป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นขนมที่ใช้ศิลปะและความอดทนในการทำ เพราะเป็นขนมไทยชาววัง จึงมีรูปร่างหน้าตาเป็นรูปดอกไม้ที่สวยงาม บ่งบอกถึงความประณีตตั้งใจของคนทำ อีกทั้งยังเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนขนมชาติอื่น ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานชาวไทยได้รู้จัก ซึ่งในปัจจุบันขนมช่อม่วงนั้นหาทานได้ยากมาก อาจจะเป็นวิธีการที่ยากบวกกับเป็นขนมที่มีความชื้นทำให้ไม่สามารถเก็บไว้นานได้ จึงไม่นิยมทำขายกันในปัจจุบัน

ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส
ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส

วัตถุดิบการทำขนมไทยโบราณสมัยรัชกาลที่ 2 

เป็นที่รู้กันดีว่าขนมไทยชนิดนี้เป็นขนมที่หาทานได้ยาก แม้วัตถุดิบในการทำจะเยอะแต่ก็หาได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไปในปัจจุบัน บางวัตถุดิบก็มีอยู่แล้วในครัวเรือน ส่วนผสมของช่อม่วงทำมาจากแป้งถึงสี่ชนิด ทำให้มีรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ยืดหยุ่นสู้ฟัน เชื่อว่าหากใครได้ลองชิมแล้วจะหลงรักจนลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว

  1. แป้ง ประกอบไปด้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง แป้งท้าวยายม่อม 1 ชต. แป้งข้าวเหนียว 1 ชต.แป้งมัน 1 ชต.
  2. เนื้อหมูสับละเอียด 200 กรัม
  3. หอมใหญ่หั่นเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
  4. สามเกลอ ประกอบไปด้วย รากผักชีโขลก 4 ราก กระเทียม1 ชต.พริกไทยเม็ด 1 ชช.
  5. น้ำดอกอัญชัญ 1 ถ้วยตวง ใช้ดอกอัญชัญประมาณ 15 – 20 ดอก
  6. น้ำมะนาวสดครึ่งซีก
  7. น้ำมันพืช 2 ชต.
  8. ซีอิ๊วขาว 4 ชต.
  9. เกลือป่น 1/2 ชช.
  10. น้ำตาลทรายขาว 3 ชต.
  11. น้ำมันกระเทียมเจียว 
ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส
ขนมช่อม่วงไส้หมู ขนมชาววังรสชาติครบรส

วิธีการทำขนมช่อม่วง ขนมไทยหลากหลายขั้นตอน 

ขนมช่อม่วงเป็นขนมที่มีรสชาติ หวาน มัน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สอดไส้รสชาติเครื่องเทศสามเกลอ และเนื้อหมู เป็นขนมที่มีรสชาติอร่อยครบรสทั้งคาวและหวานในคำเดียวกัน แต่กว่าจะเป็นขนมที่เราได้รับประทานนั้น มีวิธีการทำหลายขั้นตอน

  1. เริ่มจากการผัดไส้ขนม ด้วยการนำน้ำมันเทลงไปในกระทะแล้วรอจนน้ำมันร้อน ตามด้วยการใส่ สามเกลอโขลกละเอียด หอมใหญ่ ผัดให้หอมจนหอมใหญ่ใส ตามด้วยหมูผัดต่อจนเริ่มสุกแล้วปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว เกลือป่น ตามลำดับลงไปผัดให้เข้ากันจนไส้แห้ง ในขั้นตอนนี้สามารถชิมแล้วปรุงรสเพิ่มได้ตามชอบ
  2. นำแป้งทั้งสี่ชนิดมาร่อนรวมกัน 2 – 3 รอบ ใส่ถ้วยอะลูมิเนียมแล้วคนให้เข้ากันจนเนียนละเอียด บีบมะนาวลงไปในน้ำอัญชันแล้วคนให้เปลี่ยนเป็นสีม่วง จากนั้นค่อย ๆ เทน้ำอัญชันลงไปในแป้งที่เตรียมไว้ ตามด้วยน้ำมันพืช คนให้ส่วนผสมเข้ากันด้วยที่ตีไข่ 
  3. นำส่วนผสมที่เข้ากันแล้วกรองใส่กระทะ เพื่อนำมากวนด้วยไฟกลางค่อนแรงกวนตลอดเวลาจนแป้งร่อน ห้ามกวนนานจนแป้งสุก เพราะจะทำให้ช่อม่วงของเราแข็งกระด้าง
  4. นำแป้งออกจากกระทะแล้วใช้ไม้พายเป็นตัวช่วยในการนวดแป้งที่ยังร้อนอยู่ให้เนียน เมื่อแป้งเย็นลงแล้วให้ใช้มือแตะน้ำมันพืชมานวดแป้งต่อจนแป้งเนียน แล้วนำผ้าขาวบางคลุมพักแป้งไว้ 30 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งแห้ง
  5. จับแป้งที่พักไว้ขึ้นมาตามขนาดขนมที่ต้องการต่อหนึ่งชิ้น นวดคลึงเล็กน้อยก่อนจะปั้นเป็นวงกลมแล้วแผ่แป้งออกมาไม่ให้บางจนเกินไป ตักไส้ขนมปริมาณ 1 ช้อนชา ใส่ลงไปในแป้งที่แผ่ออกแล้วปั้นเป็นวงกลมห่อหุ้มไส้ขนม ทำซ้ำกับแป้งและไส้ที่เหลือจนกว่าจะหมด
  6. มาถึงขั้นตอนที่ต้องอาศัยความประณีตในการทำที่สุด คือขั้นตอนการจับจีบขนมให้เป็นรูปดอกไม้ โดยใช้แหนบสำหรับจับจีบขนมจุ่มลงไปในน้ำมันพืช จับจีบแป้งสอดไส้ที่เตรียมไว้ทีละชั้นให้เป็นรูปดอกไม้สวย ๆ ประมาณ 4 ชั้น 
  7. เตรียมหม้อนึ่ง วางพื้นหม้อนึ่งด้วยใบตองแล้วทาด้วยน้ำมันเพื่อให้ขนมไม่ติดก้นหม้อ ต่อด้วยการวางขนมลงไปบนใบตอง นึ่งด้วยไฟอ่อน โดยใช้เวลา 5 – 7 นาที สุกแล้วให้ทาน้ำมันกระเทียมเจียว เพื่อให้แป้งหอมและไม่แข็ง จัดเสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม ผักชี และพริกขี้หนู 
Categories
เบเกอรี่

ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า

ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า
ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า

ในสังคมปัจจุบันนั้นผู้คนให้ความสนใจกับการรับประทานอาหารเช้าเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพจะต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ และจะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย ในช่วงมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของร่างกาย จึงจะต้องรับประทานอาหารให้ถูกหลักอนามัยและเป็นอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย แต่เวลาไปทำงานจะต้อง เร่งรีบเป็นพิเศษจนไม่มีเวลารับประทานอาหารเช้าได้ตามที่ต้องการ เราจึงมีเมนูมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกัน เป็นเมนูขนมของว่างทานเล่นที่สามารถใช้ทดแทนอาหารเช้า มีประโยชน์และอร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญชาติแท้สไตล์ฝรั่งเศส รับประทานกันเป็นจำนวนมากเพราะเป็นขนมอบของสัญชาติฝรั่งเศส คงจะเป็นขนมอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากครัวซองต์ ขนมยอดนิยมที่มีวางขายตามห้างสรรพสินค้าและเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วไป ทุกท่านสามารถซื้อมาไว้รับประทานได้อย่างแน่นอน วันนี้เราจึงเลือก ที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการทำรวมถึงวัตถุดิบส่วนผสมหลักที่ใช้ในการทำว่ามีอะไรบ้าง ให้ทุกคนสามารถทำตามได้อย่างแน่นอน เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมที่สามารถหาได้ทั่วไปตามร้านขายของ หรือขายวัตถุดิบทำขนม ไปดูกันเลยว่ามีส่วนผสมหลักและวัตถุดิบที่สำคัญอย่างไรบ้างพร้อมทั้งมีปริมาณการใส่ส่วนผสมในอัตราเท่าไร

ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า
ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า

ขนมอบเนย กรอบนอกนุ่มใน

ครัวซองต์ ขนมปังอบเนยที่มีความหอมนุ่มละมุนลิ้นในทุก ๆ คำเมื่อรับประทาน ซึ่งเขามีส่วนผสมหลัก และวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับการทำขนม ดังต่อไปนี้

– แป้งขนมปัง ปริมาณ 500 กรัม

– ยีสต์ ปริมาณ 10 กรัม

– นมสด ปริมาณ 1 ถ้วยตวง

– น้ำตาลทรายขาว ปริมาณ 1/4 ถ้วย

– เนยสดจืด ปริมาณ 260 กรัม

จากที่เราได้กล่าวมาทั้งหมดเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำขนมเบเกอรี่หรือขนมปังอบเนย ที่ทุกท่านชื่นชอบ และรับประทานกันในช่วงเช้า ควบคู่กับกาแฟและนม ช่วยทำให้รสชาติของขนมนั้นมีความหอมละมุนมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้ง เมื่อรับประทานคู่กับกาแฟหรือนมแล้วจะช่วยทำให้ขนมมีความกลมกล่อม อิ่มท้องตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ทุกท่านยังสามารถเก็บไว้รับประทานในช่วงกลางวันระหว่างการทำงานได้อีกด้วย เป็นขนมที่เก็บไว้ได้หลายวัน หากผ่านขั้นตอนการทำที่มีความละเอียดอ่อน

ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า
ครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มในเมนูยอดนิยมในช่วงเช้า

ขั้นตอน และวิธีการทำครัวซองต์ขนมปังอบเนยหอม

สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำขนมปังอบเนยหอมหรือที่ทุกท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อของครัวซองต์ ซึ่งเป็นขนมปังยอดนิยมที่ทานคู่กับกาแฟจะมีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น เป็นขนมปังที่ผ่านกระบวนการทำอย่างละเอียดอ่อนอบด้วยเนยสด จึงมีความหอมกรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลินมาก เราจึงได้นำเมนูนี้มาอธิบายให้ทุกคนได้ทราบถึงขั้นตอนและวิธีการทำขนมเบเกอรี่ยอดฮิต ไปดูกันเลยค่ะ

  1. ผสมแป้งทำขนมปังโดยการนำนมสดมาเทรวมกับแป้งขนมปังและยีสต์ผสมผสานคลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยดี ค่อย ๆ ทยอยเทน้ำตาลทรายขาวลงไป และนวดแป้งให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด เสร็จแล้วให้พักแป้งทิ้งไว้เป็นเวลาประมาณ 5-10 นาที
  2. นำพลาสติกใส่ห่อแป้งที่ได้ทำการนวดไว้แล้ว เพื่อนำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
  3. นำเนยมารีดด้วยการตัดกระดาษไขให้มีขนาดเท่ากับกระดาษ A5 และนำเนยไปแช่แข็ง
  4. ตีแป้งให้มีขนาดเท่ากับกระดาษ A4 นำเนยมาวางไว้ตรงกลางของแผ่นแป้ง นำออกจากกระดาษไขในขนาด A5 นำแป้งขนาด A4 ให้หุ้มกับแป้งขนาด A5
  5. ห่อด้วยพลาสติกใสและนำไปแช่แข็งเป็นระยะเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นให้รีดแผ่นแป้งให้มีความยาว 45 เซนติเมตร และความกว้างอยู่ที่ 20 เซนติเมตร ทำการห่อและนำไปแช่แข็งอีกประมาณ 30 นาที
  6. ขึ้นรูปครัวซองต์ ให้มีความยาวประมาณ 50 cm และกว้าง 20 cm หลังจากนั้นตัดแป้งออกประมาณ 4 นิ้ว โดยการตัดให้เป็นมุมเฉียงเหมือนกับพิซซ่า และม้วนตามรูปลักษณะของขนม หรือใครจะใช้เครื่องสำหรับทำครัวซองต์ก็ได้ หลังจากนั้นนำไปเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียสประมาณ 20 นาที เป็นที่เรียบร้อย
Categories
ขนมไทย

ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก

ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก
ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก

ขนมจีบนกนั้นในอดีตเรียกกันว่าขนมไส้หมูเป็นขนมชาววัง หรือจะเรียกอีกชื่อว่าขนมจีบไทยก็ไม่ผิด โดยมีกรมหลวงนรินทรเทวีเป็นผู้ริเริ่ม เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อีกทั้งยังเป็นของทรงโปรดให้ทำไปถวายบ่อยครั้ง นิยมรับประทานกันเป็นอาหารว่างพร้อมกับผักชี ผักกาดหอม กะเทียมเจียว ตะลิงปริง และพริกขี้หนู มีรูปร่างสวยงามเป็นรูปตัวนก ภายในมีไส้หมูสับห่อหุ้มด้วยแป้งนุ่มจับจีบอย่างสวยงามด้วยความประณีต ในปัจจุบันนั้นเป็นขนมไทยที่หาทานได้ยากมาก ๆ หรือจะเรียกว่าไม่มีขายให้รับประทานเลยก็ไม่ผิด ทำให้หลายคนไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินชื่อของขนมไทยชนิดนี้ 

ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก
ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก

วัตถุดิบในการทำขนมจีบไทย

ขนมจีบหมูด้านนอกนั้นมีวัตถุดิบที่มากมายหลากหลายชนิด เนื่องจากเป็นขนมที่มีแป้งด้านนอก และไส้ด้านใน จึงขอแบ่งวัตถุดิบออกเป็นสองส่วน ดังนี้

ส่วนผสมไส้

  1. หมูสับ 350 กรัม หรือใครชอบรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดอื่นก็สามารถใช้แทนกันได้ในปริมาณเท่ากัน
  2. ไชโป๊วสับ 200 กรัม
  3. ถั่วลิสงคั่วบด 200 กรัม
  4. สามเกลอโขลกละเอียด ประกอบด้วย กระเทียม 5 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ รากผักชี 3 ราก
  5. น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม 
  6. เกลือ 1 ช้อนชา
  7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  9. หอมแดงสับ 100 กรัม

ส่วนผสมแป้ง

  1. แป้งข้าวจ้าว 200 กรัม
  2. แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม 4 ช้อนโต๊ะ 
  3. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  5. กะทิสำเร็จรูป 100 ml
  6. น้ำเปล่า 250 ml
  7. ของตกแต่ง งาดำ แครอท 
  8. น้ำมันกระเทียมเจียว
ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก
ขนมจีบนก ขนมจีบไทยโบราณ หน้าตาน่ารัก

วิธีการทำขนมจีบนก ขนมจีบของไทย

ขนมจีบนกนั้นหน้าตาและวิธีการทำคล้ายขนมช่อม่วงที่ทั้งประณีตและหลายขั้นตอน หากใครเคยทำขนมช่อม่วงจะทำได้อย่างง่ายดาย ในอดีตใช้มือในการจับจีบทำให้ใช้เวลาในการทำนาน แต่ในปัจจุบันนั้นมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการจับจีบอย่างแหนบจีบขนม ช่วยลดระยะเวลาในการทำและช่วยให้ทำได้ง่ายขึ้น หากใครอยากลองชิมดูสักครั้ง แนะนำให้ลองทำเองตามสูตรที่เราได้นำมาฝากกันนะคะ

  1. ขั้นตอนแรกตั้งเตาด้วยไฟอ่อนใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะรอจนร้อนแล้วใส่สามเกลอลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม ตามด้วยหอมแดงสับผัดต่อให้สุกจนมีสีใส ใส่หมูสับลงไปผัดต่อให้เข้ากันจนหมูสับเริ่มสุกให้ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ และเกลือป่นผัดให้เข้ากัน พอหมูสับสุกให้ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปผัดต่อจนน้ำตาลละลาย ใส่ไชโป๊วสับลงไปผัดให้สุก ตามด้วยถั่วลิสงคั่ว ผัดต่อให้แห้งและเหนียว เสร็จแล้วพักให้เย็น 
  2. นำไส้ขนมทั้งหมดมาปั้นเป็นก้อนกลมตามขนาดที่ต้องการ เพื่อเตรียมทำไส้ขนม
  3. ผสม แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย เกลือป่น กะทิ และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดต่อให้ละลายเข้ากันดี นำมากรองผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบางเพื่อแยกส่วนที่ยังไม่ละลายออก
  4. ตั้งกระทะเปิดเตาไฟอ่อนแล้วใส่แป้งที่ผ่านการกรองเสร็จแล้วลงไป ใช้ไม้พายกวนตลอดเวลาจนกว่าแป้งจะสุกจนจับตัวกันเป็นก้อน ปิดเตา ใส่ชามพักให้เย็น ขณะพักแป้งให้คลุมด้วยผ้าขาวบางเพื่อไม่ให้แป้งแห้งจนเกินไป
  5. นวดต่อให้แป้งเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (หากแป้งแฉะเกินไปให้โรยแป้งข้าวเจ้าใส่เล็กน้อย) 
  6. เมื่อแป้งเนียนแล้วให้นำแป้งไปปั้นขึ้นรูปคล้ายรูปชมพู่ และแผ่ตรงผลออกเพื่อใส่ไส้ลงไปแล้วห่อกลับไปให้เป็นรูปผลชมพู่อีกครั้ง ใช้แหนบสำหรับหนีบขนม หนีบรอบข้างให้เป็นปีกนก ทำซ้ำจนกว่าแป้งและไส้จะหมด
  7. แต่งหน้าขนมของเราด้วยงาดำติดเป็นตานก แครอทหั่นแหลมเป็นปากนกติดลงไป เพื่อให้มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายนกมากขึ้น
  8. นำใบตองมารองก้นหม้อเพื่อป้องกันไม่ให้ขนมติด และยังทำให้ขนมของเรานั้นติดกลิ่นหอมจากใบตอง ต่อด้วยการวางขนมลงไปบนใบตอง 
  9. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่หม้อนึ่งที่ใส่ขนมแล้วลงไปนึ่ง พรมน้ำให้ทั่วเพื่อไม่ให้แป้งแห้ง ปิดฝานึ่งด้วยไฟแรงเป็นเวลา 5 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุกตามความหนาของแป้งที่เราปั้น ทาด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว เสร็จแล้วนำมาจัดใส่จานตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผักกาดหอม ผักชี และพริกชี้ฟ้า หรือผักอื่น ๆ ตามความชอบ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับประทานขนมจีบนก ขนมไทยที่หาทานยากกันแล้วค่ะ

ทางเข้า gclub