Categories
ขนมไทย

ขนมเปียกปูน ใบเตยกะทิสด วิธีทำขนมไทยโบราณ ทำง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่

ขนมเปียกปูน

ใครชอบทำขนมไทยต้องห้ามพลาดกับสูตร ขนมเปียกปูน ขนมไทยโบราณ ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน ด้วยการเลือกวัตถุดิบ รวมถึงขั้นตอนการทำขนมที่มีความละเอียด ประณีต พิถีพิถั น ส่งผลให้ ขนมไทย มีรสชาติหวานละมุน สีสันสวยงาม และรูปลักษณ์น่ารับประทาน เป็นที่ถูกใจทั้งคนไทย และคนต่างชาติที่ได้ลองรับประทาน

ขนมเปียกปูน ขนมไทยเมนูนี้มีหลายเรื่องราวน่าสนใจ

เมนูขนมไทย ถูกคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และส่งต่อ สูตรขนม กันมามาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ โบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีขนมไทยมากมายให้คนสมัยใหม่อย่างเราๆ ได้รู้จัก โดยขนมไทยสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามขั้นตอนวิธีทำให้สุก เช่น นึ่ง ต้ม กวน ทอด ปิ้ง เป็นต้น 

ขนมเปียกปูน

ใครชื่นชอบการรับประทานขนมไทยโบราณ ต้องไม่พลาดกับเมนู ขนม เปียกปูน ใบเตยกะทิสด หนึ่งใน เมนูขนมไทยโบราณ ประเภทกวน เมนูนี้มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายรอคุณไปหาคำตอบ หากพร้อมแล้วไปเริ่มทำความรู้จัก ขนมเปียกปูนกะทิสด ก่อนจะไปเรียนรู้สูตรขั้นตอนวิธีทำง่ายๆ ที่เราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำตามได้อย่างแน่นอน

ประวัติความเป็นมาของขนมเปียกปูน

ประวัติขนมเปียกปูน ไม่มีข้อมูลหลักฐานแน่ชัดว่าถูกคิดค้น สูตรขนมเปียกปูน ขึ้นเมื่อใด มีเพียงข้อสันนิษฐานว่าเกิดจากภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ได้มีการดัดแปลงสูตรขนมจาก ขนมกวน หรือ กาละแม ให้กลายเป็นเมนูใหม่อย่างขนมเปียกปูน จึงมีวัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำคล้ายกัน แต่ไม่ใส่กะทิสดเป็นส่วนผสม 

ขนมเปียกปูน

หลายคนอาจสงสัยถึงสาเหตุที่ขนมไทยเมนูนี้ถูกเรียกว่า ขนม เปียกปูน นั้นก็เป็นเพราะว่า ใช้ “น้ำปูนใส” เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนม โดยน้ำปูนใสจะช่วยให้แป้งที่กวนสุกแล้วจับตัวเป็นก้อนแน่นขึ้นเมื่อเย็นลง 

ลักษณะ รสชาติ เนื้อสัมผัสของขนมเปียกปูน

ในสมัยก่อน ขนม เปียกปูน มีความแตกต่างจากปัจจุบัน คือ ขนมเปียกปูนโบราณ มีเนื้อแน่น ทำจากแป้งข้าวเจ้าเท่านั้น และมีสีดำจากกาบมะพร้าวเผา แต่ในปัจจุบันเห็นได้ว่า ขนมเปียกปูนสีเขียว ได้รับความนิยมมากกว่า เป็น สูตรขนมเปียกปูนใบเตย มักจะมีการผสมแป้งมัน หรือแป้งท้าวยายม่อมเข้าไปด้วย ทำให้มีเนื้อสัมผัสนุ่มหยุ่น หวานน้อย ส่วนสีเขียวได้มาจากน้ำใบเตยคั้นสด ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนรับประทาน

ขนมเปียกปูน

ลักษณะขนมเปียกปูน ในสมัยโบราณนิยมทำเป็นถาดทรงกลม เมื่อเนื้อขนมแห้งดีแล้วจึงนำมาตัดให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมพอดีคำ จนถูกเรียกกันอย่างติดปากว่า “สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน” เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม ผสานความกรอบของเนื้อมะพร้าวอ่อนขูดฝอยที่ใช้โรยหน้าขนม

ขนมเปียกปูน

รสชาติขนมเปียกปูน ต้องยกให้เป็นอีกหนึ่ง ขนมไทยโบราณ ที่อร่อยไม่แพ้ขนมไทยเมนูอื่นๆเลย มีทั้งความหวานมันกลมกล่อม เข้ากันได้ดีกับรสเค็มของกะทิ และเกลือที่ใช้สะบัดน้ำลงไปในมะพร้าวขูดฝอย เรียกได้ว่าใครได้ทานก็ต้องติดใจอย่างแน่นอน

ขนม เปียกปูน ขนมไทยทำง่าย ทำขายดี

ขนมเปียกปูนนอกจากจะเป็น ขนมไทยทำง่าย แล้วยังเป็น ขนมไทยขายดี เนื่องจากเป็นขนมไทยที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน จนเรียกได้ว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับขนมไทยอย่าง เปียกปูน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบเจอ ขนมเปียกปูนสีเขียว ได้บ่อยกว่าขนมเปียกปูนสีดำที่เป็นสูตรดั้งเดิม 

ขนมเปียกปูน

ไม่ว่าขนมเปียกปูนสูตรไหนก็นับได้ว่ามีความอร่อยที่ลงตัว จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่อยากแนะนำส่งต่อสูตรให้กับหลายๆคน ที่ต้องการทำขนมไทยขายสร้างรายได้ในยามว่างก็สร้างเม็ดเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และยังช่วยให้ขนมไทยของเราไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาอีกด้วย แต่หากใครยังทำขนมเปียกปูนไม่เป็น ก็สามารถใช้สูตรที่เรานำมาแนะนำ ไปลองทำตามกันได้เลย

ขั้นตอนวิธีการทำ ขนมเปียกปูนกะทิสด ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน หวานมัน

สำหรับ สูตรขนมเปียกปูนกะทิสด สูตรนี้เป็น ขนมไทยประยุกต์ สูตรทำตามได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเลยสักนิด ใช้วัตถุดิบอุปกรณ์ในการทำน้อย มีการผสม แป้งท้าวยายม่อม หรือแป้งมันเข้าไปเพื่อช่วยให้ขนมเปียกปูนนั้นเงาสวยกว่าสูตร ขนมเปียกปูนโบราณ ที่สำคัญหากทำขนมด้วยตัวเองแล้วละก็ สามารถปรับเพิ่มลดวัตถุดิบได้ตามชอบ ใครใคร่หวานเพิ่มน้ำตาล แต่หากใครไม่ชอบก็สามารถลดปริมาณลงได้ตามใจชอบเลยนะคะ

ขนมเปียกปูน

วัตถุดิบทำ แป้งขนมเปียกปูน

  1. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  2. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  3. น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  6. น้ำมะพร้าว 250 มิลลิลิตร
  7. น้ำปูนใส 250 มิลลิลิตร
  8. น้ำใบเตย 400 มิลลิลิตร
  9. กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์ 200 มิลลิลิตร

วัตถุดิบทำ หน้ากะทิสด

  1. กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์ 300 มิลลิลิตร
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม
  5. งาคั่ว ปริมาณตามชอบ

ขั้นตอน วิธีทำ เปียกปูนกะทิสด

ขนมเปียกปูน
  1. ขั้นตอนแรกของการทำ ขนมเปียกปูนกะทิสด เริ่มจากเตรียมชามผสมแล้วเริ่มใส่ส่วนผสมแห้งอย่าง แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลทราย น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลมะพร้าว เกลือ ตามด้วยกะทิ จากนั้นนวดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี จนไม่เหลือเม็ดแป้ง
  2. หลังจากนวดจนส่วนผสมได้ที่ดีแล้ว ให้ใส่ส่วนผสมของเหลวลงไป (น้ำมะพร้าว น้ำปูนใส น้ำใบเตย) ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี แล้วนำไปกรองด้วยกระชอนใส่ลงไปในกระทะทองเหลือง เพื่อแยกเศษของส่วนผสมที่ยังละลายไม่หมดออกไป
  3. ตั้งกระทะเปิดเตาด้วยไฟกลาง กวนเบาๆไปทางเดียวกันจนกระทั่งส่วนผสมสุกดี มีเนื้อข้นเหนียวจับตัวเป็นก้อน แล้วจึงกวนแรงขึ้นให้แป้งสุกทั่วกัน มีเนื้อเนียนใส และส่งกลิ่นหอมฟรุ้ง ปิดเตาได้ทันที
  4. ตักเนื้อขนมเปียกปูนใส่ถุงบีบแล้วบีบใส่ภาชนะสำหรับใส่ขนมเปียกปูน โดยแบ่งพื้นที่ด้านบนไว้สำหรับใส่หน้ากะทิ พักไว้ให้ขนมเซทตัวดี
  5. ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำ หน้ากะทิขนมเปียกปูน ให้ใส่กะทิลงไปในหม้อ ตามด้วยแป้งข้าวเจ้า เกลือ ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้เข้ากันดี ก่อนนำไปตั้งเตาด้วยไฟกลางแล้วคนต่อเรื่อยๆ จนกระทั่งหน้ากะทิเดือด และมีเนื้อข้นหนืด จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวลงไปคนต่อให้เข้ากัน และปิดเตาได้ทันที
  6. เมื่อเนื้อขนมเซทตัวดีแล้วตักหน้ากะทิใส่ลงไปเป็นชั้นที่สอง สุดท้ายโรยตกแต่งหน้าขนมด้วยงาขาวคั่ว

เคล็ดลับ ทำขนมเปียกปูน ให้อร่อย

ขนมเปียกปูนที่น่ารับประทานนั้นต้องมีรสหวานพอดี ไม่เลี่ยนจนเกินไป เคล้าไปด้วยกลิ่นหอมของใบเตย ผสานกลิ่นน้ำกะทิ เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มสู้ฟัน ซึ่งปัจจัยในการทำให้ ขนมเปียกปูนอร่อย เหนียวนุ่มนั้นขึ้นอยู่กับการเป็นเนื้อเดียวกันของเม็ดแป้ง 

ขนมเปียกปูน

การกวน ส่วนผสมขนมเปียกปูน อย่างสม่ำเสมอบนไฟอ่อนๆ จะช่วยให้เม็ดแป้งเป็นเนื้อเดียวกันพองตัวอย่างสม่ำเสมอ แป้งขนมเปียกปูน เมื่อผ่านการกวนที่ดี แป้งจะเปลี่ยนจากสีขุ่นเป็นสีใส จากนั้นจึงค่อยๆข้นขึ้น และมันเงาน่ารับประทาน แต่หากใช้ไฟแรงเกินไป จะทำให้แป้งจับตัวเป็นก้อน และสุกเฉพาะด้านนอกเท่านั้น 

บทสรุป

จบลงไปแล้วกับเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับขนมเปียกปูน พร้อมสูตรวิธีทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ราวกับจับมือทำ และเราเชื่อว่า ขนมไทยโบราณ แสนอร่อยที่เรานำมาบอกต่อให้ได้ลองทำตามกันในบทความนี้ จะมีประโยชน์กับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และนำไปลองทำรับประทานกันดูสักครั้ง 

หากใครสนใจขนมไทยเมนูอื่นๆ ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของเรา รับรองว่าได้รู้ครบจบทุกเรื่องที่อยากรู้ แถมยังนำไปทำตามได้จริงแน่นอนค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

มาทำ บา แก็ต ทานเองไปด้วยกันดีกว่า

บา แก็ต

ขนมปังอย่าง บา แก็ต นั้นถือว่านิยมมากในฝรั่งเศส แต่ถ้าคุณอยากลองทำ BAGUETTE ด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายกับสูตรนี้

บา แก็ต คืออะไร

บา แก็ต

มาเริ่มทำความรู้จักกับ บาแก็ต กันก่อนดีกว่าว่า BAGUETTE คืออะไร เมนูนี้คือขนมปังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาพร้อมกับทรงยาวกว่า 2 ฟุต เปลือกด้านนอกจะแข็งกรอบส่วนด้านในจะมาพร้อมความเหนียวนุ่ม ทำให้กลายเป็นขนมปังฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในประเทศอื่น ๆ ด้วย ส่วนใหญ่แล้วขนมปังชนิดนี้จะใช้ทานคู่กับซุปหรือจะทานกับเนยสด ทำแซนวิช ก็สามารถตอบโจทย์ได้ตามที่คุณต้องการ

วัตถุดิบสำคัญในการทำบาแก็ต

เราลองมาดูกันดีกว่าว่าถ้าคุณอยากลองทำบา แก็ตด้วยตัวเองนั้นคุณจะต้องเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบอะไรให้พร้อมสำหรับการทำขนมปังบา แก็ตกันบ้าง

บา แก็ต
  • วัตถุดิบหลักในการทำบาแก็ต
    • แป้งสาลีดูรัม 300 กรัม
    • แป้งขนมปัง 225 กรัม
    • ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
  • วัตถุดิบในการปรุงแต่งรสตามแบบขนมฝรั่งเศส
    • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
    • น้ำตาลทราย 20 กรัม
    • น้ำเย็น 300 มิลลิลิตร
    • น้ำมันรำข้าว 35 กรัม
    • แป้งสาลีดูรัม (สำหรับใช้คลุก)

วิธีทำบาแก็ต

เมื่อเตรียมอุปกรณ์สำหรับบา แก็ตพร้อมแล้วก็ถึงเวลาที่คุณจะเริ่มอบขนมปังที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศสชนิดนี้กันแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาลุยไปพร้อมกันเลยดีกว่า

บา แก็ต
  1. เตรียมอ่างผสม ใส่แป้งขนมปัง แป้งสาลี เกลือ ยีสต์ น้ำตาล น้ำเย็น น้ำมันรำข้าว ลงไปแล้วตีให้เข้ากัน โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  2. รวบแป้งให้ตึงแล้วทำการพักเอาไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จะสังเกตเห็นได้เลยว่าแป้งจะฟูขึ้นประมาณ 2 เท่าหลังจากที่คุณผสมเสร็จ
  3. เมื่อแป้งฟูแล้วให้แบ่งแป้งออกเป็น 8 ส่วนเท่า ๆ กัน แล้วคลึงเป็นลูกกลม ๆ จากนั้นพักไว้อีก 10 นาที
  4. นำแป้งสาลีที่เหลือมาคลุกแล้วรีดให้เป็นแผ่น จากนั้นม้วนให้แน่น วางลงในพิม แล้วพักให้ชึ้นฟูอีกประมาณ 80% แล้วกรีดบนตัวขนมปัง 3-4 รอย
  5. อบที่ 175 องศาฯ ไฟบนล่าง ประมาณ 25-30 นาที เรียบร้อยก็สามารถทานกันได้เลย
บา แก็ต

วันนี้คุณได้ทำการเก็บสูตร บาแก็ต กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเชื่อว่าสูตรขนมเบเกอรี่จากประเทศฝรั่งเศสจะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจในการทำขนมกันมากขึ้น แถมเมนูนี้ยังเป็นได้ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารว่าง รวมทั้งจานหลัก คุณสามารถออกแบบได้ตามความชอบของคุณกันได้เลย และยิ่งถ้าคุณทำตามสูตรที่เราพึ่งจะแนะนำไปยิ่งจะทำให้คุณได้รูปแบบของขนมปังชนิดนี้แตกต่างจนสามารถนำไปทำขายกันได้เลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตรการทำ สาคูไส้หมู อร่อย เหมือนครัวคุณต๋อยทำเอง

สาคูไส้หมู

สาคูไส้หมู ขนมทานเล่นแบบไทย ๆ หาทานยาก แต่วันนี้เรามีสุตรการทำง่ายๆและอร่อยจริง แบบฉบับสาคูไส้หมูเจ้าอร่อย ง่าย ๆ ที่ใครก็ทำกินเองได้ 

ส่วนผสมในการทำ สาคูไส้หมู

สาคูไส้หมู

สาคู ไส้หมู การเตรียมวัตถุดิบมีเพียงไม่กี่อย่าง เหมือนกับการทำสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ สำหรับใครที่ชอบเข้าครัวทำกินเอง บอกเลยเมนูนี้จะเป็นอีกหนึ่งเมนูในดวงใจที่เมื่อไหร่ก็ตาม ทำออกมาแล้ว เด็กก็ดี หรือผู้ใหญ่ในทุกช่วงวัย สามารถรับประทานได้ ใครที่อยากเพิ่มรสชาติความเผ็ด ให้รับประทานคู่กับพริกสดได้เลย ด้วยรสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ มาผสมรวมกับความเผ็ดจะทำให้ขนมกินเล่นเมนูนี้ เป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดสำหรับสมาชิกในครอบครัว

วัตถุดิบ สาคูไส้หมู

สาคูไส้หมูวัตถุดิบเน้นของสดใหม่ ซึ่งหาได้ไม่ยาก จะมีวัตถุดิบอะไรบ้าง มาดูกัน

สาคูไส้หมู
  • เม็ดสาคู 250 กรัม
  • หมูสับ 270 กรัม
  • น้ำมันกระเทียมเจียว
  • น้ำมันสำหรับทา
  • พริกไทย 1 ช้อนชา
  • รากผักชี 2 ราก
  • กระเทียม 3 กลีบ
  • หอมแดงสับ 5 หัว
  • ซีอิ้วขาว 1 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม
  • ถั่วลิสงคั่วบด 55 กรัม
  • ซีอิ้วขาว 1 ชต.
  • หัวไชโป้ว 100 กรัม (ล้างน้ำ 2 ครั้ง)

วิธีทำ

สาคูไส้หมู

ขั้นตอนที่ 1 เคล็ดลับความอร่อย สาคูไส้หมู เริ่มต้นจากตำกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด

ขั้นตอนที่ 2 ใส่นำมันลงในกะทะ ไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะ เพราะจะทำให้การทำไส้มีโอกาสที่จะเละได้ ให้นำสามเกลอที่โขลกรวมกันในขั้นตอนที่ 1 มาผัดให้หอม ตามด้วยหอมแดงสับ ผัดต่ออีกครั้งจนกระทั่งส่งกลิ่นหอม ดังนั้น สูตรสาคูดังกล่าว หัวหอมถือว่าเป็น สาคูไส้หมูส่วนผสม ที่ขาดไม่ได้

ขั้นตอนที่ 3 ตามด้วยหมูสับ ผัดจนกระทั่งหมูสับสุก ใส่น้ำตาลปี๊บที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากันแล้วปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ผัดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วนำถั่วลิสงคั่วใส่ลงไปตามด้วยหัวไชโป้วรสเค็มที่ผ่านการล้างน้ำมาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อลดความเค็ม นำส่วนผสมทั้งหมดผัดและคลุกรวมกัน จากนั้นพักให้ไส้เย็นเตรียมปั้น รับรองเลยว่าอร่อยสู้ สูตรสาคูไส้หมูครัวคุณต๋อย

สาคูไส้หมู

ขั้นตอนที่ 4 นำเมล็กสาคูมาแช่ในน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง น้ำที่ใช้เป็นน้ำแุณหภูมิห้องแบบปกติ กระทั่งได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ กรองน้ำทิ้ง นำเมล็ดสาคูที่แช่น้ำแล้วมาขยำ ให้ดูว่าเมล็ดพอติดกันหรือเปล่า ทว่า ไม่ต้องนวดเมล็ดสาคูแต่อย่างใด เพราะจะทำให้สาคูที่ปั้นออกมานั้นเหนียวจนเกินไป เหตุผลเพราะ สาคู ส่วนใหญ่แล้วทำมาจากแป้งมัน ถ้านวดนานไป ย่อมมีโอกาสที่เมล็ดสาคูจะเหนียวได้

ขั้นตอนที่ 5 นำไส้ที่เราเตรียมไว้ ปั้นเป็นก้อนกลใ ๆ แล้ววางลงตรงกลางของเม็ดสาคู ปั้นให้กลม พร้อมกับห่อไส้สาคูให้มิด จากนั้นนำมาเรียงเพื่อเตรียมนึ่งในลำดับถัดไป

ขั้นตอนที่ 6 ซึ้งสำหรับนึ่งสาคู ทาน้ำมันให้ทั่วแล้วมาวางบนลังถึงในขณะที่น้ำกำลังเดือด วางขนมสาคูที่เราเตรียมไว้ลงไป เพื่อไม่ให้ตัวขนมติดกัน จำเป็นต้องทาน้ำมันกระเทียมเจียว

ขั้นตอนที่ 7 นึ่งกระทั่งสาคูดูใส นำน้ำมันกระเทียมเจียวมาชโลมอีกครั้ง ก็ถือว่าเสร็จแล้ว เตรียมจัดขนมสาคูลงในจาน โรยกระเทียมเจียวอีกครั้ง ผักแนม ได้แก่ ผีกชี พริกขี้หนูสดและผักสลัด เตรียมรับประทานได้เลย

สาคูไส้หมู

สาคู ไส้หมู เมนูของกินเล่นแบบไทย ๆ ใครก็ทำได้ คิดจะหัดทำขนม ให้เริ่มจากขนมสาคูกันก่อน รับรอง ทำกินแล้วติดใจจนนึกจะทำขาย เพราะสูตรนี้การันตีความอร่อยและทำได้จริง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

สายหวานไม่ควรพลาด! ขนม ชู ครีม ก้อนกลม เนื้อนุ่มนิ่ม สอดไส้ครีมหวานเข้มข้น 

ชู ครีม

มาเอาใจสายหวานกันบ้าง กับขนมที่ยอดนิยมอย่าง ชู ครีม มีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ ที่มาพร้อมกับไส้ครีมเยิ้มๆ รสชาติหวานละมุนลิ้นสุดๆ หากใครได้ลองชิมรับรองติดใจแน่นอน สำหรับขนมชนิดนี้หลายคนอาจจะคิดว่าขั้นตอนของขนมยากมาก จนไม่มีใครอยากลองทำทานเอง แต่แท้จริงแล้วขนมชูครีมสอดไส้ครีมมีวิธีทำไม่ยากอย่างที่คิด หากใครพร้อมแล้วเราลองไปดูวิธีทำขนมกันเลย เผื่อจะได้เป็นตัวเลือกในการทำขนมไว้ทานเอง

ขนมไส้ครีมหวานฉ่ำๆ ชู ครีม ก้อนกลม สุดน่ารัก ทำเองได้ง่ายๆ 

ชู ครีม

ขนม ชูครีม สอดไส้ครีมเยิ้มๆ รสชาติหวานหอมกลิ่นเนยสดอร่อยอย่างลงตัว สำหรับขนม Choux Cream เป็นหนึ่งในขนมตระกูล Choux Pastry อาทิ เอแคลร์ ปารีสเบรสต์ และชูรอส เป็นต้น สำหรับขนมชูครีมที่อยากแนะนำให้ลองชิมคือชูครีม ญี่ปุ่น ที่มีให้เลือกทั้งแบบแป้งกรอบ และแป้งนุ่ม ที่สำคัญมีให้เลือกหลากหลายไส้อีกด้วย แถมสูตรชูครีม ญี่ปุ่นแบบต้นตำรับยังทำง่ายอีกด้วย ซึ่งส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีดังนี้

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้ง

  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. เนยสดจืด 70 กรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. เกลือ ½ ช้อนชา
ชู ครีม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของไส้ครีม

  1. แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
  3. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  4. นมจืด 500 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  6. วิปปิ้งครีม 150 กรัม
  7. น้ำตาลไอซิ่ง

ขั้นตอนการทำ ขนม ชู ครีม ต้นตำรับจากญี่ปุ่น ทำขายสร้างอาชีพ

เมื่อเตรียมส่วนผสม ขนมชูครีม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นการทำ ชูครีม ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ชู ครีม
  1. ในขั้นตอนแรก เรามาเตรียมทำแป้งขนมกันก่อน โดยเริ่มจาก นำแป้งเค้กมาร่อนใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้
  2. นำน้ำเปล่าใส่ในหม้อนำไปตั้งเตาไฟปานกลางให้น้ำเดือด จากนั้นใส่เกลือ และเนยสดจืดลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันปิดเตาพักไว้ให้เย็น
  3. นำแป้งที่เตรียมไว้ใส่ในหม้อต้มเนย เปิดไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมให้เข้ากันจนแป้งร้อน และใส่ลงไปผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นปิดไฟยกออกจากเตา
  4. น้ำแป้งที่ต้มไว้มาตักใส่ถุง จากนั้นตักใส่ถุงบีบลงถาดให้เป็นวงกลมเท่าๆ กัน นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที 
  5. ต่อมาเราจะมาทำไส้ครีมกัน เริ่มจากนำนมสดมาต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด จากนั้นยกออกจากเตาพักไว้ให้เย็น
  6. นำไข่ไก่มาแยกเอาเฉพาะไข่แดงใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และให้ไข่มีสีเหลืองอ่อน นำแป้งเค้ก และแป้งข้าวโพดที่ร่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใส่ลงไปในไข่ที่ตีไว้แล้วเรียบร้อย และตามด้วยนม คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟให้เดือด คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และเหนียวเข้มข้น ปิดไฟพักไว้ให้เย็น
  7. นำเค้กชูครีมอบแล้วมาเจาะก้นให้เป็นรู จากนั้นใส่ไส้ครีมในแป้ง จัดใส่จาน และโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ
ชู ครีม

ขนมชู ครีม ถือว่าเป็นเบเกอรี่ที่มีรูปร่างกลมน่ารัก แล้วเนื้อนุ่มนิ่ม และรสชาติหวานเข้มข้น อีกทั้งยังเป็นเบเกอรี่ยอดนิยมของสายหวานอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากลองทำขนมเบเกอรี่ง่ายๆ แนะนำชูครีม หนึ่งในเบเกอรี่ทำเองได้ที่บ้านสไตล์ เบเกอรี่โฮมเมด รับรองอร่อยแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เปิดสูตรต้นตำรับ ขนม หม้อแกง รสชาติหวานจัดจ้าน เนื้อเนียนนุ่ม ละลายในปาก

ขนม หม้อแกง

ขนม หม้อแกง เป็นขนมจากห้องครัวของท้าวทองกีบม้าในสมัยอดีตได้รับความนิยมมากจากชนชั้นสูงในวังหลวง ต่อมาเมื่อคนในห้องครัวได้แต่งงานออกเรือนได้นำสูตร และวิธีการทำหม้อแกงขนมชาววังออกมาถ่ายทอดให้คนทั่วไปได้รู้จักกับขนมหม้อแกง แต่ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นขนมขึ้นชื่อเมืองเพชรบุรีไปเรียบร้อย

เปิดครัวชวนทำ ขนม หม้อแกง สูตรชาววัง อบอวลไปด้วยกลิ่นไข่ และกะทิละมุนสุดๆ 

ขนม หม้อแกง

ถึงเวลาเข้าครัวทำขนม หม้อแกง กันแล้ว หลังห่างหายจากการทำขนมมานาน สำหรับขนมหม้อแกงที่จะมาแชร์คือ สูตรหม้อแกงโบราณต้นรำรับท้าวทองกีม้า สำหรับบ้านไหนไม่มีเตาอบ ไม่ต้องเสียใจไป เพราะวันนี้จะพามาทำขนมตามแบบวิธีทำ หม้อแกง แบบ นึ่งง่ายๆ แบบไม่ง้อเตาอบ แถมรสชาติอร่อยตามสูตรต้นตำรับ

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ขนม หม้อแกง
  1. ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 300 กรัม
  2. กะทิ 400 กรัม
  3. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  4. ใบเตย 2-3 ใบ
  5. น้ำตาลปิ๊บ 200 กรัม
  6. หอมแดงเจียว 20 กรัม

สำหรับขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบในการทำขนมหม้อแกง หากบ้านไหนไม่มีน้ำตาลปิ๊บสามารถน้ำตาลทรายแทนได้ หรือจะใช้น้ำตาลไม่พร้าวก็ได้เช่นกัน ส่วนวิธีทำขนมสามารถทำตามได้ดังนี้

ขนม หม้อแกง
  1. นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกมาแช่น้ำเปล่า 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ถั่วนุ่มขึ้น จากนั้นนำถั่วไปนึ่งในหม้อนึ่ง โดยใช้ไฟแรง รอให้ถั่วสุก และยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น
  2. เมื่อถั่วนึ่งเย็นแล้ว นำไปปั่นรวมกับน้ำน้ำกะทิ ปั่นจนกว่าถั่วจะมีเนื้อละเอียด
  3. นำไข่เป็ดตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยน้ำตาลปื๊บ ใบเตย ใช้มือขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นใส่ถั่วที่ปั่นเรียบร้อยแล้วลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ 
  4. เมื่อเตรียมแป้งขนมแล้ว นำมาตักใส่พิมพ์ หรือถ้วยขนมเล็ก เสร็จแล้วนำไปนึ่งในหม้อนึ่ง โดยใช้ไฟปานกลาง รอจนกว่าแป้งขนมจะสุก หลังจากนั้นยกออกจากเตา นำไปพักไว้ให้เย็น โรยหน้าด้วยหอมเจียว
ขนม หม้อแกง

จบไปแล้วกับขนม หม้อแกง ซึ่งเป็นหม้อแกง ทำเองง่ายๆ ไม่มีเตาอบก็ทำได้ อีกทั้งยังมีรสชาติจักจ้านอีกด้วย เรียกได้เป็นขนมไทยที่สามารถทำได้ทั้งอบ และนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าบ้านไหนมีเตาอบสามารนำหม้อแกงขนม โบราณเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที หรือจะทำแบบขนมไทย โบราณ โดยนำไปอบด้วยเตาถ่านจะทำให้รสชาติ และกลิ่นของขนม หวาน ไทยแบบสมัยในอดีต เรียกได้ว่าเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายอีกหนึ่งชนิด และรสชาติไม่แตกต่างกันมาก สำหรับใครที่อยากลองทำขนม ไทย ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แนะนำให้ลองทำหม้อแกงขนมขนมไทย ทำเองที่บ้านตามสูตร ขนม ไทยที่เรานำมาแขร์ได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ: