Categories
เบเกอรี่

บลูเบอร์รี่ชีสพาย เบเกอรี่ทำง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่

บลูเบอร์รี่ชีสพาย

ใครชอบทานเบเกอรี่ยอดนิยม บลูเบอร์รี่ชีสพาย เชิญทางนี้เลยค่ะ เราจะชวนทุกคนมาทำเมนูเบเกอรี่โฮมเมดแบบง่ายๆด้วยตัวเอง มือใหม่ไม่เคยทำขนมมาก่อนเลยไม่ต้องกังวลนะคะ หากใช้สูตรนี้ทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย แถมยังทำออกมาได้นน่ารับประทานเหมือนเชฟเบเกอรี่มาเองเลยทีเดียว

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ บลูเบอร์รี่ชีสพาย

บลูเบอร์รี่ชีสพาย นอกจากจะเป็น เบเกอรี่ทำง่าย รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว เนื้อสัมผัสกรุบกรอบผสานความนุ่ม ที่ถูกอกถูกใจใครหลายๆคนแล้ว ยังเป็นหนึ่งใน ขนมหวาน มีประโยชน์ จากวัตถุดิบหลักอย่าง “บลูเบอร์รี่” ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สีม่วงรสหวานฉ่ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมายที่ดีต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเค แมงกานีส  สารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย

วัตถุดิบทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย

  1. แครกเกอร์ 100 กรัม
  2. เนยเค็มละลาย 40 กรัม 
  3. ครีมชีส (นิ่ม) 180 กรัม
  4. นมข้นหวาน 40 กรัม
  5. วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา 
  7. ซอสบลูเบอร์รี่กระป๋อง ปริมาณตามชอบ
  8. บลูเบอร์รี่สด ปริมาณตามชอบ
บลูเบอร์รี่ชีสพาย

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกในการทำ บลูเบอร์รี่ชีสพาย เริ่มจากการนำแครกเกอร์ไปบดหรือปั่นให้ละเอียด แล้วใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยเนยเค็มละลายลงไปคนให้เข้ากัน 
  2. นำฐานแครกเกอร์ใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ กดให้แน่นแล้วนำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 30 นาที
  3. ใส่ครีมชีสลงไปในชามผสม ใช้ไม้พายกดลงไปจนครีมชีสนิ่มไม่เป็นก้อน จากนั้นใส่นมข้นหวาน น้ำมะนาว และวิปปิ้งครีมลงไปคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปใส่ถุงบีบ
  4. บีบครีมชีสใส่ลงไปในพิมพ์ด้านบนของฐานแครกเกอร์ ใช้ช้อนเกลี่ยให้พอเรียบแล้วนำไปใส่ช่องฟิตเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และนำจากพิมพ์ด้วยการใช้มีดกรีดด้านรอบๆออก 
  5. ตักซอสบลูเบอร์รี่ตกแต่งหน้าขนมให้น่ารับประทาน เป็นอันเสร็จสิ้นรับประทานได้เลยค่ะ
บลูเบอร์รี่ชีสพาย

เมนูขนมทำง่าย บลูเบอร์รี่ชีสพาย ที่เราได้นำสูตรวิธีการทำง่ายๆ มาแชร์ให้ได้ทำตามกันในบทความนี้ เป็นหนึ่งใน ขนมสุดฮิต ที่พบเจอได้ทั่วไปตามร้านขายขนมหวาน และเบเกอรี่ ซึ่งในบางร้านก็นับว่าราคาสูงอยู่พอสมควร ดังนั้น การทำทานด้วยตัวเองจึงช่วยให้เราทานได้แบบจุใจเลยค่ะ และสำหรับใครที่อยากทำขายก็สามารถใช้สูตรนี้ได้เช่นกันนะคะ คุ้มค่าคุ้มกำไรแน่นอน

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com

Categories
เบเกอรี่

MILLEFEUILLE ขนมหวานขึ้นชื่อ จากฝรั่งเศส

MILLEFEUILLE

MILLEFEUILLE คือ ขนมอบสัญชาติฝรั่งเศสแสนอร่อย เชื่อกันว่าเมนูนี้ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงคริสต์ศตวรราที่ 16 ตามหลักฐานที่ปรากฏสูตรในตำราอาหารมากมาย สำหรับรูปร่างหน้าตาของขนมมีลเฟยเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบด้วยแป้งพายบางกรอบหลายชั้น สลับกันกับไส้ครีมรสหวานละมุน ในบางสูตรมักจะใส่ผลไม้หลากชนิดเพิ่มเข้าไป ทำให้ได้รสหวานอมเปรี้ยวที่ถูกปากใครหลายคน

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ MILLEFEUILLE สตอเบอรี่ รสหวานอมเปรี้ยว

เสน่ห์ของ ขนมมีลเฟย เห็นจะเป็นความกรอบของพายพัฟ ผสานกับความนุ่มของครีม จนมีเรื่องราวเล่าต่อกันมาจนเป็นตำนานเกี่ยวกับ MILLEFEUILLE เรื่องราวเล่าว่า เป็นขนมหวานเมนูโปรดของผู้นำทัพในประเทศฝรั่งเศส มีชื่อว่า “นโปเลียน” ต้องรับประทานในตอนเช้าของทุกวัน และยังมีหลักฐานการบันทึกว่า หลังจากที่ได้นำทัพไปบุกรุกรัสเซียแล้วจะมีการ ทำขนมมีลเฟย เป็นรูปทรงหมวกของนโปเลียน เพื่อเฉลิมฉลองในสงคราม

วัตถุดิบทำ มีลเฟยสตอเบอรี่

  1. แป้งพัฟเพสทรี (แบบรีดมาแล้ว) 400 กรัม
  2. น้ำตาลไอซิง 
  3. นมข้นจืด 125 มิลลิลิตร
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. แป้งข้าวโพด 25 กรัม
  6. น้ำมะนาวเลมอน 2 ช้อนชา   
  7. เจลาติน (แช่น้ำเย็นจัดให้นุ่มก่อนใช้) 2 แผ่น
  8. วิปปิ้งครีม 150 มิลลิลิตร
  9. สตอเบอรี่แช่แข็ง 150 กรัม
  10. สตอเบอรี่สดสำหรับตกแต่ง
MILLEFEUILLE

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกในการทำMILLEFEUILLE เตรียมถาดรองอบรองด้วยกระดาษไข ใส่แป้งพัฟเพสทรีวางลงไปแล้ววางทับด้วยกระดาษไข และถาดรองอบทับไว้อีกชั้น ก่อนจะนำเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิ 200 องศา เปิดพัดลม เป็นเวลา 15 นาที นำออกมาเอากระดาษไข และถาดรองอบด้านบนออก และนำเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิเท่าเดิม เป็นเวลา 10 นาที ครบเวลาแล้วตัดแบ่งให้เป็นสามชิ้นขนาดเท่ากัน พักไว้ให้เย็น
  2. นำสตอเบอรี่แช่แข็ง น้ำมะนาวเลม่อน และน้ำตาลทรายใส่ลงไปในหม้อแล้วเปิดเตาด้วยไฟกลาง เพื่อให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน ระหว่างนี้ให้นำนมข้นจืดมาผสมกันกับแป้งข้าวโพด ใช้ตะกร้อมือตีให้ละลายเข้ากัน เมื่อส่วนผสมที่ตั้งไฟไว้ละลายดีแล้วให้ปิดเตา นำออกมากรองด้วยตะแกรงใส่ลงไปในส่วนผสมของนมข้นจืด นำกลับไปตั้งไฟสักครู่แล้วคนตลอดเวลา เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี มีความเหนียวข้น นำไปหล่อในชามน้ำเย็นให้เย็นตัวลง 
  3. ตีวิปปิ้งครีมด้วยเครื่องผสมอาหารสปีดสูงสุดจนตั้งยอด จากนั้นนำส่วนผสมในขั้นตอนที่ 2 ที่เย็นสนิทแล้วมาตีเพื่อให้คลายตัวแล้วไปผสมให้เข้ากันกับครีม ก่อนจะนำไปใส่ถุงบีบ 
  4. วางพัฟเพสทรีแผ่นแรกลงบนจาน หรือภาชนะอื่นๆ บีบวิปปิ้งครีมลงไปให้ทั่วแล้วตกแต่งด้วยผลสตอเบอรี่สด ทำซ้ำจนกว่าจะครบสามชั้น สุดท้ายโรยหน้าน้ำตาลไอซิงตกแต่งด้วยให้สวยงาม
MILLEFEUILLE

เมนูขนมหวานยอดฮิตMILLEFEUILLE มีอีกหนึ่งชื่อคือ NAPOLEON ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับจักรพรรดินโปเลียน ในบางพื้นที่จะเรียกกันว่า เค้กพันชั้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีการรังสรรค์ดัดแปลงให้มีหลากหลายสูตร ตามความชื่นชอบของแต่ละคน หากใครอยากนำ สูตรขนมมีลเฟย สูตรนี้ไปดัดแปลงก็สามารถทำได้ตามชอบ

ufabet เว็บพนันออนไลน์อันดับ1 เล่นได้ตลอด 24 ชม. ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
ขนมไทย

ขนม โคกะทิ หรือขนมหัวล้าน หนึ่งในขนมไทยโบราณ

ขนม โคกะทิ

เชื่อว่าหากใครไม่ใช่คนท้องถิ่นในภาคใต้แล้ว คงไม่เคยรับประทาน ขนม โคกะทิ หรือขนมหัวล้านมาก่อน เพราะในปัจจุบันนั้นถือเป็นขนมไทยโบราณหาทานยาก ที่มักจะพบเจอได้น้อยในภาคอื่นๆของประเทศไทย บางท้องถิ่นของภาคใต้มักจะเรียกชื่อขนมชนิดนี้แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ขนมโคน้ำ,ขนมโคน้ำกะทิ,ขนมหัวล้านทอด,ขนมมด ซึ่งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันตามไปด้วย

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม โคกะทิ สอดไส้มะพร้าว

ขนม โคกะทิ หรือ ขนมหัวล้านกะทิ เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวเนื้อนุ่มนิ่ม ในสมัยก่อนจะเติมสีสันด้วยน้ำสมุนไพร สอดไส้ด้วยไส้หวานจากเนื้อมะพร้าวกับน้ำตาล และไส้เค็มจากถั่วเขียวกวนนั้นเอง นับเป็น ขนมโคกะทิสูตรโบราณ รับประทานคู่กับน้ำกะทิหวานมันที่เข้ากันเป็นอย่างดี

วัตถุดิบทำขนมโคกะทิ

  1. น้ำตาลมะพร้าวหั่นชิ้นเล็ก 100 กรัม
  2. กะทิ 250 มิลลิลิตร
  3. มะพร้าวอ่อนขูด 300 กรัม
  4. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. สีผสมอาหาร 
  7. งาขาวคั่ว ปริมาณตามชอบ
ขนม โคกะทิ

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนค่อนกลาง ใส่น้ำตาลมะพร้าวและน้ำเปล่าเล็กน้อย ทำการผัดส่วนผสมหรือไส้ ขนม โคกะทิ ให้ละลายดีแล้วใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไปผัดต่อ ให้มีความแห้งและเหนียวจนสามารถปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้วพักไว้ให้พออุ่น
  2. เตรียมชามผสมสองชามแล้วใส่แป้งข้าวเหนียวลงไปในปริมาณเท่ากัน ชามแรกใส่สีผสมอาหารลงไปนวดให้เข้ากัน จากนั้นทยอยใส่น้ำเปล่าลงไปในระหว่างนวด จนแป้งนุ่มเนียนจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดมือ  ชามที่สองทำเหมือนชามที่หนึ่งแต่ไม่ใส่สีผสมอาหาร (ในกรณีที่ต้องการใช้สองสีนะคะ)
  3. แบ่งแป้งออกมาเป็นวงกลม คลึงให้มีลักษณะแบนแล้วใส่ไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลาง แล้วทำการปั้นให้แป้งห่อหุ้มไส้ให้หมด ทำซ้ำจนกว่าแป้งและไส้จะหมด
  4. ตั้งเตาต้มน้ำเปล่าให้เดือดแล้วใส่ขนมลงไปต้ม เมื่อขนมเริ่มสุกจะลอยขึ้นมา ต้มต่ออีก 3 นาที เพื่อให้แป้งและไส้สุกดีเป็นสีใส จากนั้นใช้กระชอนตักขนมขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นจัด
  5. ตั้งหม้อด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่กะทิและเกลือลงไปต้มให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน รอจนกะทิเดือดแล้วจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
ขนม โคกะทิ

สูตร ขนม โคกะทิ สูตรนี้สามารถทำได้ง่าย ทุกคนที่อยากรับประทาน ขนมไทยอร่อย ก็สามารถหาซื้อวัตถุดิบได้ง่ายทั่วไป ไม่ต้องไปหาซื้อไกลถึงภาคใต้ก็ได้ทาน ขนมไทยภาคใต้ ที่ทำด้วยตัวเองกันแล้ว ดังนั้น อย่าลืมนำสูตรนี้ไปปรับใช้แล้วลองทำกันให้ได้นะคะ และอย่าลืมติดตามสูตรขนมต่างๆที่เราได้นำมาฝากกันในบทความอื่นๆ สำหรับบทความนี้ต้องขอลากันไปก่อน สวัสดีค่ะ

ufaball.bet เว็บพนันออนไลน์ เว็บตรง ฝากถอนได้ไม่มีขั้นต่ำ

Categories
ขนมไทย

ขนม ฝักบัว หรือขนมดอกบัว ขนมพื้นเมือง

ขนม ฝักบัว

ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานหรือกักตัวอยู่ที่บ้าน เราขอเชิญชวนทุกคนมาทำขนมไทยง่ายๆด้วยตัวเอง โดยใช้สูตรการทำ ขนม ฝักบัว หรือ ขนมดอกบัว ของดีปักษ์ใต้ที่นิยมรับประทานกันทั่วประเทศ ซึ่งส่วนตัวต้องบอกเลยว่าชื่นชอบขนมไทยเมนูนี้มาก ด้วยความกรอบของขอบผสานความเหนียวนุ่มด้านใน และรสชาติหวานมันกลมกล่อม นอกจากนี้ยังเป็น ขนมไทยมงคล ที่มีความหมายดี สื่อถึงโชคลาภ ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง ในอดีตจึงมักใช้ในพิธีสำคัญอย่างงานแต่งงาน หรือแม้แต่พิธีมงคลอื่นๆเพื่อความเป็นสิริมงคล

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม ฝักบัว ใบเตย ทำง่าย ไม่ต้องหมักแป้ง

แม้ว่าขนม ฝักบัว จะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน  แต่ในปัจจุบันนี้นับว่าเริ่มกลายเป็น ขนมไทยหาทานยาก หากไม่ใช่ตลาดแถวภาคใต้ก็จะพบเจอร้านที่ทำขายน้อยมากๆ (ในภาคใต้จะนิยมเรียกขนมไทยเมนูนี้ว่า จูจุ่น ) การ ทำขนมฝักบัว ทานด้วยตัวเอง จึงถือเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด โดยวัตถุดิบและขั้นตอนการทำนั้นก็แสนจะง่ายดาย แค่มีอุปกรณ์อย่างกระทะหลุมลึกติดครัวก็สามารถทำทานได้เองด้วยเวลาไม่นาน

วัตถุดิบ ทำขนมดอกบัว

  1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  3. หัวกะทิ 100 มิลลิลิตร
  4. น้ำใบเตยเข้มข้น 150 
  5. น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วยตวง
  6. น้ำตาลมะพร้าว 1/3 ถ้วยตวง
  7. เกลือ 1/2 ช้อนชา
ขนม ฝักบัว

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกนำหัวกะทิ และน้ำตาลมะพร้าวใส่ลงไปในหม้อ เปิดเตาด้วยไฟกลางค่อนอ่อนแล้วทำการคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน เมื่อเริ่มเดือดแล้วให้ลดเป็นไฟอ่อนเพื่อป้องกันไม่ให้กะทิแตกมัน จากนั้นพักไว้ให้พออุ่น
  2. เตรียมชามผสมใส่แป้งข้าวจ้าว แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายขาย และเกลือ ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ตามด้วยส่วนผสมของน้ำตาลมะพร้าวในขั้นตอนที่ 1 ทำการคนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วทยอยเทน้ำใบเตยลงไปในระหว่างคน เมื่อน้ำใบเตยหมดแล้วคนต่อจนส่วนผสมเริ่มข้นหนืด มีฟองอากาศเล็กน้อย 
  3. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปด้วยปริมาณเล็กน้อย (ประมาณก้นกระทะ) รอให้ร้อนจัดแล้วใส่แป้งลงไปตรงกลาง หากขนมเริ่มสุกพองถึงตรงกลางแล้วให้ตักน้ำมันราด เพื่อให้ขนม ฝักบัว สุกทั่วกันแล้วใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
ขนม ฝักบัว

ขนมไทยโบราณ อย่างขนม ฝักบัว ชื่อนี้มีความหมายถึงลักษณะของขนมที่คล้ายกับรูปทรงของดอกบัว อีกทั้งยังเป็นขนมไทยมงคลความหมายดีที่นิยมทำเพื่อไปทำบุญที่วัด หรืองานมงคลต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยมีหลักฐาน ประวัติความเป็นมาขนมฝักบัว จากหลายแหล่ง ทั้งหนังสือไตรภูมิพระร่วง และในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

gclub เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ที่ผู้ใช้นิยมมากที่สุด

Categories
ขนมไทย

ขนมพระพาย ขนมสีหวานแสนน่ารัก

ขนมพระพาย

ขนมพระพาย นอกจากจะเป็นขนมที่มีรูปร่างหน้าตา และสีสันที่สวยงามน่ารับประทานแล้วยังเป็น ขนมไทยชาววัง ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ กล่าวคือ ขุนพิทักษ์ราชกิจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระพิทักษ์ราชกิจ และได้จัดพิธีแต่งงานขึ้น ชาววิเสท (คนทำกับข้าวในวังหลวง) จึงได้คิดค้นขนมเพื่อใช้ในพิธีแต่งงาน ซึ่งนั้นก็คือ ขนม พระ พาย ที่ทำมาจากข้าวเหนียว สอดไส้ด้วยถั่วกวน โดยทั้งสองสิ่งนี้ก็มีความหมายที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมพระพาย ขนมมงคลความหมายดี

สำหรับชื่อของขนมพระพาย มีความหมายว่า ลม สื่อถึงความสงบร่มเย็น ชื่อนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อระลึกถึงงานแต่งงานของพระพิทักษ์ราชกิจ วัตถุดิบสำคัญที่ใช้ทำเองก็มีความหมาย เช่น ข้าวเหนียว หมายถึง ความรักที่กลมเกลียวเหนียวแน่น , พระพายไส้ถั่วกวน รสชาติหวานเหมือนความรักที่หวานชื่น ฯลฯ ดังนั้น จึงกลายเป็น ขนมไทยมงคล ที่ชาววังนิยมใช้กันในงานแต่งงาน

วัตถุดิบ ทำขนม พระ พาย

  1. แป้งข้าวเหนียว 1 1/2 ถ้วยตวง
  2. สีผสมอาหาร หรือสีธรรมชาติตามชอบ
  3. น้ำเปล่า สำหรับต้มขนม
  4. ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก 1 ถ้วยตวง
  5. น้ำตาลมะพร้าว 50 กรัม
  6. น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  7. แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. เกลือป่น
  9. กะทิ สำหรับใส่ไส้ขนม 100 มิลลิลิตร
  10. กะทิ สำหรับราดหน้าขนม 150 มิลลิลิตร
  11. กะทิ สำหรับใส่ตัวขนม 1 ช้อนโต๊ะ
ขนมพระพาย

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกนำถั่วเขียวนึ่งสุกมาปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่ลงไปในกระทะเติมน้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทราย กะทิสำหรับใส่ไส้ขนม และใส่เกลือเล็กน้อย เปิดเตาด้วยไฟอ่อนแล้วผัดให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน ผัดตลอดเวลาจนกว่าไส้จะแห้งจับตัวกันเป็นก้อน เสร็จแล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็น
  2. เมื่อรอจนถั่วเขียวเย็นแล้วให้นำมาปั้นเป็นก้อน (ขนาดเท่าเหรียญสิบ) เพื่อเตรียมไส้ขนมพระพาย
  3. ต่อมาให้ใส่กะทิสำหรับทำราดหน้าขนมลงไปในหม้อ ตามด้วยแป้งข้าวจ้าว และเกลือป่นเล็กน้อย คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันก่อนจะเปิดเตาด้วยไฟอ่อน คนต่อจนกระทั่งน้ำกะทิเดือด และมีความข้น
  4. ใส่แป้งข้าวเหนียวลงไปในชามผสม ใส่กะทิเล็กน้อยแล้วใช้มือนวดให้เข้ากัน ทยอยเติมน้ำเปล่าระหว่างนวดจนแป้งจับตัวก้อน 
  5. แบ่งแป้งออกเป็นส่วนๆใส่ชามผสมตามจำนวนสีที่ต้องการใช้ และใส่สีลงไปนวดให้เข้ากันกับแป้ง จากนั้นปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม แผ่ออกให้บางแล้วใส่ไส้ที่เตรียมไว้ลงไปตรงกลาง ก่อนจะปั้นเป็นรูปวงกลมห่อหุ้มไส้ ทำซ้ำจนกว่าส่วนผสมจะหมด
  6.  ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่ขนมที่ปั้นไว้ลงไปในหม้อ เมื่อเริ่มสุกแล้วตัวขนมจะลอยขึ้นมา ให้ต้มต่ออีก 5 นาที เพื่อให้แป้งและไส้สุกทั่วกัน จากนั้นตักขนมขึ้นมาพักไว้ให้คลายความร้อนเล็กน้อย
  7. จัดขนมใส่ถ้วยตะไล หรือภาชนะตามต้องการ ราดหน้าขนมด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จสิ้นพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
ขนมพระพาย

หลังจากจบบทความนี้แล้ว เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้ทำความรู้จักขนมพระพาย กันมากขึ้น ทั้งประวัติความเป็นมาของ ขนมมงคลความหมายดี รวมถึง สูตรขนมพระพาย และวัตถุดิบในการทำขนม จนสามารถนำไปทำทานได้ด้วยตัวเอง ทำเพื่อมอบให้กับคนพิเศษ หรือจะทำเพื่อใช้ในพิธีแต่งงานเพื่อเพิ่มความหวาน ด้วยขนมหน้าตาน่ารัก และความหมายดี

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com

Categories
ขนมไทย

ขนม ปั้นขลิบ หรือปั้นสิบ ขนมไทยโบราณ

ขนม ปั้นขลิบ

หากกล่าวถึง ขนม ปั้นขลิบ หรือปั้นสิบ หลายคนคงไม่รู้จัก และไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นหน้าตาของขนมแล้วคงคิดอีกว่าเป็นขนมกะกรี่ปั๊บชิ้นเล็ก ซึ่งขนมทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างที่รู้สึกได้เมื่อรับประทาน นั้นก็คือปั้นสิบมีความกรอบและแข็งมากกว่ากะหรี่ปั๊บ ทานเป็นขนมของว่างคู่ชากาแฟได้เข้ากันเป็นอย่างดี

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม ปั้นขลิบ ไส้ปลาทูน่า

ขนมปั้นขลิบ ถือเป็น ขนมไทยหาทานยาก มากในปัจจุบัน เพราะขั้นตอนวิธีการทำที่หลายขั้นตอน ประกอบด้วยขั้นตอนการทำแป้ง และไส้ของขนม ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยม ขนมปั้นสิบไส้ปลา แต่ก็สามารถรังสรรค์ได้หลายไส้ทั้งคาวหวาน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ หรือแม้แต่ถั่วเขียว สับปะรดกวน ฯลฯ หากใครอยากลองทำรับประทานด้วยตัวเองต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบเล็กน้อย และเทคนิคเล็กๆในการปั้นขนมให้เป็นรูปทรงน่ารับประทาน

วัตถุดิบทำไส้ปลาทูน่า

  1. เนื้อปลาทูน่าฉีก หรือปลาทูน่ากระป๋อง 125 กรัม 
  2. ถั่วลิสงค์คั่วบดละเอียด 150 กรัม                                           
  3. รากผักชีซอย 4 ราก
  4. พริกไทยขาวเม็ด 1/2 ช้อนชา
  5. หัวไชโป้หวานสับละเอียด 50 กรัม                                            
  6. หอมแดงซอย 160 กรัม
  7. น้ำตาลปี๊บ 90 กรัม                                               
  8. น้ำปลา 1 ช้อนชา                                              
  9. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา                                              
  10. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  11. น้ำมันหอมเจียว 1 + ½ ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบทำตัวแป้ง

  1. แป้งเอนกประสงค์ตราว่าว 300 กรัม                           
  2. น้ำมันพืชถั่วเหลือง 75 กรัม
  3. น้ำปูนใส 60 กรัม                         
  4. น้ำเปล่าเย็น 75 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 15 กรัม
  6. เกลือ 1 ช้อนชา
ขนม ปั้นขลิบ

ขั้นตอนวิธีการทำไส้ทูน่าขนม ปั้นขลิบ

  1. ขั้นตอนแรกในการทำ ไส้ขนมปั้นขลิบ นำรากผักชี และพริกไทยขาวมาโขลกรวมกันให้ละเอียด 
  2. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนรอให้ร้อนแล้วปรับเป็นไฟกลางค่อนอ่อน ใส่หอมแดงซอยลงไปเจียวจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอ่อน ให้ตักขึ้นมาพักไว้บนตะแกรงที่รองด้วยกระดาษทิชชู่เพื่อซับน้ำมัน
  3. เตรียมชามผสมใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา และซีอิ๊วขาว ใช้ช้อนคนเครื่องปรุงให้ละลายเข้ากัน จากนั้นตั้งกระทะด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันหอมเจียวลงไป ตามด้วยส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ลงไปผัดให้หอมแล้วใส่หัวไชโป้สับลงไปผัดต่อจนสุก แล้วใส่เนื้อทูน่ากับเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ลงไปผัดต่อ
  4. เมื่อผัดส่วนผสมจนเข้ากันดีแล้วใส่ถั่วลิสงบด และหอมเจียวลงไปผัดให้เข้ากันด้วยไฟอ่อนจนไส้เริ่มแห้งติดกัน เสร็จแล้วปิดเตานำออกมาใส่จานพักไว้จนเย็นสนิท 
  5. นำไส้ทูน่าขนม ปั้นขลิบ มาปั้นเป็นก้อนกลมน้ำหนักประมาณ 5 กรัม พักไว้ในถาด

ขั้นตอนวิธีการทำแป้งขนม

  1. ขั้นตอนการทำ แป้งขนมปั้นขลิบ เริ่มจากการร่อนแป้งอเนกประสงค์ใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันแล้วใส่น้ำปูนใส น้ำเปล่า และน้ำมันพืชลงไป ใช้ไม้พายคนเล็กน้อยแล้วใช้มือนวดให้ส่วนผสมจับตัวเป็นก้อน และคลึงเป็นก้อนกลมห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหาร พักไว้เป็นเวลา 30 นาที
  2. ครบเวลาแล้วให้แบ่งตัดแป้งให้ได้ขนาดชิ้นละ 6 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อนกลม คลุมด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อไม่ให้แป้งแห้ง 
  3. นำแป้งมาแผ่เป็นแผ่นกลมบนฝ่ามือ วางไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลางแผ่นแป้งแล้วห่อให้มิด ใช้นิ้วขลิบจีบให้สวยงามจนเป็นทรงคล้ายกระหรี่ปั๊บชิ้นเล็ก
  4. หลังจากที่ห่อแป้งเสร็จแล้วให้ตากลมไว้สักครู่เพื่อให้ผิวขนมแห้ง ก่อนจะนำไปทอด
  5. ตั้งน้ำมันให้พอร้อนด้วยไฟอ่อน เมื่อเริ่มร้อนแล้วให้ใส่ขนมลงไปทอดด้วยไฟอ่อนค่อนกลาง เมื่อผิวขนมตึง และเปลี่ยนเป็นสีขาวด้านแล้วให้ตักออกมาพักไว้ให้พออุ่น 
  6. ตั้งน้ำมันด้วยไฟกลางค่อนอ่อน นำขนมลงไปทอดเป็นรอบที่สองจนขนมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เสร็จแล้วตักขึ้นไปพักไว้บนตะแกรงจนเย็น เป็นอันเสร็จสิ้นรับประทานได้เลย
ขนม ปั้นขลิบ

เคล็ดลับความอร่อยของขนม ปั้นขลิบ นั้นอยู่ที่ไส้ของขนม หากจะทำเป็นไส้เนื้อสัตว์ต้องคัดสรรเนื้อสัตว์ที่สดใหม่ เพื่อลดกลิ่นเหม็นคาวของเนื้อสัตว์เมื่อนำมาทำ ขนมหวานไทย สำหรับใครที่อยากลองรับประทาน อย่าลืมนำสูตรนี้ไปปรับใช้กันนะคะ

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com

Categories
เบเกอรี่

ขนมคีโต บราวนี่สูตรไร้แป้ง สำหรับรักสุขภาพ

ขนมคีโต

ขนมคีโต คือ ขนมที่ปราศจากแป้งและน้ำตาล โดยใช้สารให้ความหวานเข้ามาแทนที่น้ำตาล จึงกลายเป็นขนมที่คนทานคีโต และสายคลีนทานได้แบบหายห่วง ดังนั้น ใครกำลังมองหาขนมเพื่อสุขภาพที่แสนอร่อย ห้ามพลาดกับเมนูเบเกอรี่ที่เราได้นำมาแนะนำในบทความนี้ กับ สูตรบราวนี่คีโต ขนมหวานทำง่ายสำหรับคนที่กำลังดูแลสุขภาพ หรือกำลังลดน้ำหนัก 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมคีโต เมนู บราวนี่เพื่อสุขภาพ

อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าขนมคีโตgป็นขนมที่ต้องพิถีพิถันในการเลือกร้านที่จะซื้อ เพราะส่วนผสมทั้งหมดที่ใช้ทำ ขนมเพื่อสุขภาพ ต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าร้านขนมเหล่านี้ไม่ได้บอกวัตถุดิบที่ใช้ทำขนมทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการใช้ สูตรบราวนี่คีโต ที่เราเลือกวัตถุดิบ และลงมือทำด้วยตัวเอง จึงเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุขภาพ แต่อยากทานขนมหวาน

วัตถุดิบส่วนที่ 1 

  1. ดาร์กช็อกโกแลต สูตรไม่มีน้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง
  2. เนยอุณหภูมิห้อง 1/2 ถ้วยตวง
  3. ผงโกโก้คีโต 3 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลหญ้าหวาน 1/2 ถ้วยตวง

วัตถุดิบส่วนที่ 2

  1. ไข่ไก่อุณหภูมิห้อง 4 ฟอง
  2. สารแต่งกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือชมพู 1/4 ช้อนชา
  4. ผงอัลมอนด์ 1 ถ้วยตวง
  5. เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  6. ถั่วพีแคน 1/4 ถ้วยตวง
  7. ดาร์กช็อกโกแลต สูตรไม่มีน้ำตาล ¼ ช้อนโต๊ะ
ขนมคีโต

ขั้นตอนวิธีการทำ บราวนี่คีโต 

  1. ขั้นตอนแรกในการทำขนมคีโตเริ่มจากการใส่เนย ดาร์กช็อกโกแลต และผงโกโก้ลงไปในชามผสม จากนั้นนำไปเข้าไมโครเวฟ 1 นาที เพื่อให้ส่วนผสมละลายดีแล้วนำออกมาใส่น้ำตาลหญ้าหวาน ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
  2. ใส่ไข่ไก่ลงไปในชามผสมอีกหนึ่งชาม ตามด้วยกลิ่นวานิลลา และเกลือชมพู ทำการตีส่วนผสมให้เข้ากันแล้วใส่ผงอัลมอนด์กับเบคกิ้งโซดาลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเดียว
  3. นำส่วนผสมในส่วนที่ 1 มาคนผสมให้เข้ากันกับส่วนผสมในขั้นตอนที่ 2 เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้วใส่ถั่วพีแคน และดาร์กช็อกโกแลตลงไปคนให้เข้ากัน 
  4. เตรียมพิมพ์ขนมด้วยการทาเนยให้ทั่วพิมพ์ ก่อนจะใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป ใช้ไม้พายเกลี่ยหน้าบราวนี่ให้เสมอกัน เคาะฐานพิมพ์กับพื้นเบาๆเพื่อไล่ฟองอากาศ แล้วโรยตกแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลต หรือถั่วต่างๆตามชอบ
  5. นำขนมเข้าเตาอบด้วยไฟ 180 องศา เป็นเวลา 35 นาที หรือจนกว่า ขนมบราวนี่ ของเราจะสุกดี เสร็จแล้วนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นแล้วจัดเสิร์ฟได้เลย
ขนมคีโต

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า หากเราทานขนมคีโตเมนูนี้แล้วจะทำให้น้ำหนักขึ้นหรือไม่ เราขอตอบเลยว่าหากรับประทาน บราวนี่คีโตง่ายๆ สูตรนี้ด้วยปริมาณที่พอเหมาะ จะไม่ทำให้น้ำหนักของเราไม่เพิ่มอย่างแน่นอน แถมวัตถุดิบต่างๆที่เลือกใช้ในเมนู บราวนี่ไม่อ้วน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ให้พลังงานสูง

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com