Categories
เบเกอรี่

FOCACCIA ขนมปังทำง่าย สูตรไม่ต้องเปลืองเวลานวด

FOCACCIA

FOCACCIA โฟคาชช่า หรือ ฟอคคาเซีย ขนมปังโบราณที่ได้รับความนิยมมากในประเทศอิตาลี มีรสชาติหวาน เค็ม อร่อย มีกลิ่นหอม สามารถรับประทานได้ในทุกมื้ออาหาร มีต้นกำเนิดในแคว้น LIGURIA เมืองทางตอนเหนือ ติดทะเล ด้วยความที่มีอากาศหนาวเย็น และมีไอเกลือ ทำให้ยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้ขนมปังชนิดนี้มีรูปร่างแบน แปลกตากว่าขนมปังชิ้นอื่น ๆ 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำ FOCACCIA ต้นตำรับพิซซ่าดั้งเดิม

รู้หรือไม่ว่า “พิซซ่า” ที่เรารับประทานกันอยู่เป็นประจำนั้น มีต้นกำเนิดมาจาก FOCACCIA หรือขนมปังแบน อีกทั้งยังเชื่อกันว่าเป็น อาหารประจำชาติ เมนูแรกของอิตาลี วัตถุดิบสูตรดั้งเดิมประกอบด้วยน้ำ แป้ง และน้ำมันมะกอกเพียงเท่านั้น ก่อนจะถูกส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น และถูกพัฒนาปรับปรุงสูตรจนกลายเป็นฟอคคาเซียอย่างในปัจจุบัน หากใครอยากลองรับประทาน เราก็ไม่พลาดที่จะนำสูตรวิธีการทำมาบอกต่อให้ได้ลองทำตามกันง่าย ๆ ดังนี้

วัตถุดิบทำขนมปัง

  1. แป้งทำขนมปัง หรือแป้งอเนกประสงค์ 250 กรัม 
  2. น้ำอุ่น 190 มิลลิลิตร
  3. ยีสต์ผง 1 ช้อนชา
  4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  5. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบสำหรับแต่งหน้าขนมปัง

  1. โรสแมรี่ ปริมาณตามชอบ
  2. น้ำมันมะกอก ปริมาณตามชอบ
  3. มะเขือเทศเชอรี่ ปริมาณตามชอบ
  4. มะกอกดำ ปริมาณตามชอบ
FOCACCIA

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกผสมแป้งอเนกประสงค์กับเกลือเข้าด้วยกัน ตามด้วยการใส่ยีสต์แล้วคนให้เข้ากัน เตรียมชามผสมอีกหนึ่งชามเพื่อใส่น้ำอุ่น และน้ำมันมะกอก จากนั้นนำแป้งที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ไม้พายกวนส่วนผสมให้จับตัวเป็นก้อน และไม่มีผงแป้ง 
  2. เมื่อแป้งได้ที่แล้วให้ห่อชามผสมด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร พักไว้ 20 นาที จากนั้นเทน้ำมันมะกอกใส่ลงไปในชามผสมเล็กน้อย ใช้มือจุ่มน้ำ และยืดแป้งเขย่าเล็กน้อย ก่อนจะพับทบเข้าหากันจนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทำซ้ำทั้งสี่ด้านแล้วกลับด้านแป้ง พักไว้อีก 20 นาที นำออกมาทำซ้ำ และพักแป้งครั้งที่ 3 ด้วยเวลาเท่าเดิม
  3. เตรียมถาดสี่เหลี่ยมสำหรับอบ ทาด้วยน้ำมันมะกอกให้ทั่วพิมพ์ โรยเกลือใส่ลงไปเล็กน้อย และนำแป้งที่เตรียมไว้แผ่ลงไปให้ทั่วพิมพ์ ใช้ปลายนิ้วมือกดให้ทั่วพิมพ์ ห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหาร พักไว้ 30 นาที
  4. โรยน้ำมันมะกอกลงไปให้ทั่วแป้ง จากนั้นตกแต่งหน้าขนมปังด้วยโรสแมรี่ มะเขือเทศเชอรี่ และมะกอกดำ ตกแต่งเสร็จแล้วใช้ปลายนิ้วกดลงไปที่แป้งให้ทั่วอีกครั้ง 
  5. นำขนมปังเข้าอบด้วยอุณหภูมิ 220 องศา เป็นเวลา 25 นาที หรือจนกว่าขนมปังจะสุกดี (แล้วแต่ความหนาของแป้ง) เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบ ตัดแบ่งเป็นชิ้นแล้วนำมารับประทานร้อน ๆ ได้เลย
FOCACCIA

ฟอคคาเซีย มีเสน่ห์ตรงรูปร่างของขนมที่ไม่แน่นอน สามารถทำได้ทั้งรูปสี่เหลี่ยม วงกลม หรือรูปร่างอื่น ๆ และด้วยความนิยม ทำให้ ขนมปังอิตาลี ชิ้นนี้มีมากมายหลากหลายสูตร ที่มีความแตกต่างกันอย่างลงตัว สามารถรังสรรค์ใส่สมุนไพร หรือวัตถุดิบอื่น ๆ เพิ่มเข้าไปเพิ่มรสชาติได้อร่อยเข้ากัน อีกทั้งยังเพิ่มสีสันให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น อย่าลืมนำสูตรเบเกอรี่ขนมปังไปลองทำกันที่บ้านนะคะ

Categories
ขนมไทย

ขนมลืมกลืน สูตรหวานมัน เนื้อเหนียวนุ่มละลายในปาก

ขนมลืมกลืน

ขนมลืมกลืน หนึ่งในขนมไทยโบราณประเภทกวนที่หลายคนยังไม่รู้จัก มีลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆประกอบด้วยสองส่วนที่แตกต่างกัน คือส่วนของตัวขนมสีหวานที่ทำมาจากแป้งถั่วเขียว หรือแป้งซ่าหริ่มเหนียวนุ่ม และหน้าขนมจากกะทิหวานมัน โรยด้วยถั่วทองเพิ่มความกรอบ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงความหวาน มัน เค็ม เรียกได้ว่าเป็นขนมไทยที่อร่อยครบในชิ้นเดียวเลยจริงๆ

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมลืมกลืน ขนมไทยโบราณหาทานยาก

การทำขนมลืมกลืน นั้นสามารถทำได้ง่าย ใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป ไม่ต้องทำหลายขั้นตอนเหมือนอย่างในสมัยก่อน ที่ต้องเตรียมวัตถุดิบเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็มีการรังสรรค์วัตถุดิบสำเร็จรูปขึ้นมา เพื่อให้การ ทำขนมไทย ในแต่ละครั้งสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในสมัยก่อนนั้นมักจะใช้กระทงใบตองในการใส่ขนม เพื่อให้ได้ความหอมของกลิ่นใบตอง แต่ในปัจจุบันสามารถใช้พิมพ์วุ้นในแทนที่ขนมลืมกลืนใบตอง ได้เลย

วัตถุดิบทำตัวขนมลืมกลืน

  1. แป้งถั่วเขียว 80 กรัม
  2. น้ำเปล่า 800 กรัม
  3. น้ำตาลทรายขาวปั่นละเอียด 240 กรัม
  4. สารแต่งกลิ่นตามชอบ 1/4 ช้อนชา
  5. สีผสมอาหารตามชอบ

วัตถุดิบทำหน้ากะทิ

  1. หัวกะทิ 300 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนตวง
  3. แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนตวง
  4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนตวง
  5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  6. ถั่วทองทอด สำหรับตกแต่ง
  7. ถ้วยวุ้นขนาดเล็ก 50 ถ้วย
ขนมลืมกลืน

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  • ขั้นตอนแรกในการทำขนมลืมกลืน ให้เตรียมชามผสมแล้วใส่แป้งถั่วเขียว น้ำตาลทราย สารแต่งกลิ่น และน้ำเปล่าลงไป ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้ละลายเข้ากัน
  • แบ่งส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ใส่ชามผสมในปริมาณเท่ากันตามจำนวนสีที่เลือกใช้ ผสมสีผสมอาหารลงไปคนให้เข้ากัน
  • เทแป้งสีแรกใส่กระทะแล้วเปิดเตาด้วยไฟอ่อน กวนแป้งไปในทางเดียวกันตลอดเวลาจนกว่าแป้งจะสุกใส เสร็จแล้วปิดเตานำไปเทใส่ถุงบีบแล้วบีบใส่พิมพ์วุ้น (บีบในขณะที่แป้งร้อน เพื่อให้แป้งเรียบ) ทำซ้ำขั้นตอนนี้กับสีอื่นๆที่เลือกใช้
  • ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำหน้ากะทิ เริ่มจากการใส่กะทิ แป้งข้าวจ้าว แป้งถั่วเขียว และเกลือลงไปในกระทะแล้วคนให้ละลายเข้ากันดี เปิดเตาด้วยไฟอ่อน จากนั้นคนตลอดเวลาเพื่อให้กะทิสุกข้น ปิดเตาได้แล้วตักกะทิใส่ถุงบีบ นำไปบีบตกแต่งบนหน้าขนมให้สวยงาม โรยด้วยถั่วทองทอด เป็นอันเสร็จสิ้น
ขนมลืมกลืน

ก่อนจะจากกันไปในบทความ สอนทำขนมไทย เมนูนี้ เราขอฝากข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของชื่อขนมลืมกลืน ที่มีอยู่หลายเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมา บ้างก็บอกว่า เมนูขนมไทย เมนูนี้อร่อยเสียจนคนที่ได้กินเคี้ยวเพลินจนลืมกลืนเลยทีเดียว บ้างก็บอกว่าชื่อนี้มาจากความนุ่มลื่น เคี้ยวแล้วกลืนง่ายของขนม เป็นที่มาของชื่อ

Categories
เบเกอรี่

คัพเค้ก เบเกอรี่ชิ้นเล็ก แต่งหน้าหลากหลาย อร่อยได้ไม่มีเบื่อ

คัพเค้ก

คัพเค้ก หรือ CUPCAKE เบเกอรี่รูปร่างหน้าตาคล้ายเค้กชิ้นเล็กที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เป็นเบเกอรี่ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกค้นพบครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1828 หรือในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยมีเรื่องเล่ากล่าวถึง เบเกอรี่เค้กชิ้นเล็ก นี้ว่าถูกคิดค้นสูตรโดยแม่บ้านที่มีความต้องการอยากทำเค้กชิ้นเล็กให้กับสมาชิกในบ้านได้รับประทาน จึงได้ใช้ถ้วยอาหารขนาดเล็กมาใช้แทนพิมพ์เค้กปอนด์ จากนั้นก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ คัพเค้ก แสนอร่อย

ในบทความนี้เราก็ไม่พลาดที่จะนำเอา สูตรคัพเค้ก แบบง่าย ๆ มาบอกต่อให้ทุกคนได้ลองทำรับประทานกันเองที่บ้าน โดยตกแต่งหน้าตาเบเกอรี่ได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นคัพเค้กแฟนตาซี , คัพเค้กการ์ตูน หรือแม้แต่คัพเค้กวันเกิดก็สามารถทำได้ โดยสูตรนี้สามารถทำ คัพเค้ก ได้ 20 ถ้วย หากต้องการทำในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หรือลดลง สามารถปรับอัตราส่วนได้เลยค่ะ

วัตถุดิบทำเค้ก

  1. แป้งเค้ก 75 กรัม
  2. ผงฟู 1/2+1/4 ช้อนชา
  3. ไข่ไก่เบอร์ 2 3 ฟอง
  4. น้ำตาลทรายละเอียด 75 กรัม
  5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  6. นมสดรสจืด 40 กรัม
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  8. เอสพี 11 กรัม
  9. น้ำมันรำข้าว 57 กรัม

วัตถุดิบแต่งหน้าขนม

  1. วิปปิ้งครีมนอนแดรี่ 350 กรัม
  2. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  3. สีผสมอาหารตามชอบ
  4. วัตถุดิบตกแต่งหน้าขนมตามชอบ
คัพเค้ก

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกใส่ไข่ นมสดรสจืด เกลือป่น น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาลงไปในชามผสม ตามด้วยการร่อนแป้งกับผงฟูลงไป 
  2. ใช้ตะกร้อมือตีให้เข้ากันเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งฟรุ้งกระจาย ตามด้วยการนำไปตีด้วยเครื่องผสมอาหารสปีดต่ำสุด ปิดเครื่องแล้วปาด SP ใส่หัวตะกร้อ เปิดเครื่องตีต่อด้วยสปีดสูงสุดประมาณ 5 นาที จนส่วนผสมขึ้นฟู ตีต่อด้วยสปีดกลางเป็นเวลา 2 นาที ระหว่างนี้ให้ทยอยเทน้ำมันที่เตรียมไว้ใส่ลงไปจนหมด และตีต่อเป็นเวลา 3 นาที จนแป้งไหลเป็นสาย ไม่ข้นจนเกินไป เสร็จแล้วนำแป้งใส่ถุงบีบ
  3. เตรียมถ้วยคัพเค้กขนาด 5 CM. วางเรียงกันในถาดรองอบ จากนั้นหยอดแป้งลงไปในปริมาณ ¾ ของถ้วยตวง เมื่อครบทุกถ้วยแล้วให้กระแทกถาดรองอบเบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ และนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 170 องศา ไฟบนล่าง เปิดพัดลม เป็นเวลา 15 – 20 นาที แล้วนำออกมาพักไว้ให้เย็น
  4. เตรียมชามผสม ใส่วิปครีม และกลิ่นวานิลลาลงไปตีด้วยสปีดกลางจนส่วนผสมขึ้นฟู ตั้งยอดแข็ง จากนั้นตีต่อด้วยสปีดต่ำเพื่อตัดอากาศ ให้ส่วนผสมเนียนขึ้น เสร็จแล้วนำมาแยกใส่สีผสมอาหารได้ตามชอบ และนำไปใส่ลงไปในถุงบีบ
  5. บีบวิปครีมลงไปตกแต่งหน้าขนม โดยเริ่มบีบวนจากตรงกลาง ก่อนจะวนขึ้นด้านบนให้สวยงาม ตกแต่งด้วยวัตถุดิบสำหรับแต่งหน้าขนมได้ตามชอบ เป็นอันเสร็จสิ้น รับประทานได้เลย
คัพเค้ก

การทำคัพเค้ก สามารถทำได้ง่ายกว่า ขนมเค้ก ทั่วไป แม้ว่าจะใช้วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำที่คล้ายกัน แต่สามารถรังสรรค์ตกแต่งหน้าตาได้หลากหลายกว่า และทำครั้งเดียวได้หลายชิ้น แบ่งกันรับประทานได้อย่างจุใจ แถมขั้นตอนการแต่งหน้าเค้กยังง่ายดาย และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน นำไปเป็นกิจกรรมยามว่างกับครอบครัวได้ อย่าลืมนำเอา สูตรคัพเค้ก ไปลองทำตามที่บ้านนะคะ

Categories
เบเกอรี่

เค้กแครอท การผสมผสานที่ลงตัวของแครอท และครีมชีส

เค้กแครอท

เค้กแครอท หรือแครอทเค้ก ขนมหวานทานง่ายมีส่วนผสมของผักสีส้มมากล้นประโยชน์ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และได้รับความนิยมเรื่อยมาในหมู่คนรักสุขภาพ และคนที่ชอบทานขนมหวาน ด้วยหน้าตาของขนมที่แปลกตาเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนเค้กชิ้นอื่น ๆ แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น เราจึงได้นำสูตรการทำขนมง่าย ๆ มาให้ทุกคนได้ลองทำกันในบทความนี้

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำ เค้กแครอท

ใครที่ยังไม่เคยรับประทานเค้กแครอท มาก่อนเลย ขอบอกว่า แครอทเค้ก มีเนื้อนุ่ม แน่น ชุ่มฉ่ำ ได้เนื้อสัมผัสกรุบ ๆ ของแครอทในระหว่างรับประทาน รสหวานของเครื่องเทศ และส่วนผสมอื่น ๆ ผสานกับ ครีมชีสรสเปรี้ยว แล้วเข้ากันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังหอมกลิ่นอบเชย หากได้ลองทานสักครั้งรับรองว่าต้องติดใจอย่างแน่นอน 

วัตถุดิบทำเนื้อเค้กแครอท

  1. เนื้อแครอทขูด  225 กรัม 
  2. น้ำตาลทราย 215 กรัม
  3. เนยเค็มละลาย 180 กรัม 
  4. แป้งเค้ก 225 กรัม 
  5. ผงฟู 2 ช้อนชา
  6. เบกกิ้งโซดา 1+1/2 ช้อนชา.
  7. ผงอบเชย  4 กรัม
  8. ไข่ไก่ 4 ฟอง
  9. วอลนัท 80 กรัม

วัตถุดิบทำครีมชีส

  1. ครีมชีส 125 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
  3. น้ำตาลไอซิ่ง 35 กรัม 
  4. น้ำเลม่อน 5 กรัม
เค้กแครอท

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลทรายลงไปในชามผสม ตีด้วยเครื่องผสมอาหารด้วยสปีดกลาง จนไข่ไก่มีสีอ่อนลง และขึ้นฟู ระหว่างรอให้ร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาลงในชามผสมอีกชาม จากนั้นทยอยเทลงไปรวมกับส่วนผสมส่วนแรกจน
  2. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ทยอยใส่ผงอบเชย กลิ่นวานิลลา และเนยละลายลงไปผสมในระหว่างที่เครื่องยังทำงาน ตีต่อสักครู่แล้วปิดเครื่องได้เลย
  3. ใส่แครอท และวอลนัทลงไปในชามผสมในขั้นตอนที่ 2 ตีด้วยเครื่องผสมอาหารสปีดกลาง จากนั้นปิดเครื่องนำส่วนผสมไปเทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8×8 นิ้ว (รองด้วยกระดาษรองอบ) จากนั้นเคาะถาดกับพื้นเล็กน้อยเพื่อไล่ฟองอากาศ
  4. นำขนมเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 175 องศา ไฟบนล่าง เป็นเวลา 40 – 45 นาที ครบเวลาแล้วนำออกจากพิมพ์มาพักไว้ให้เย็น
  5. ขั้นตอนการทำครีมชีส เริ่มจากการนำครีมชีส และน้ำตาลไอซิ่งใส่ลงไปในชามผสม ตีด้วยเครื่องผสมอาหารสปีดกลางพอให้เป็นเนื้อครีม จากนั้นทยอยเทวิปปิ้งครีมลงไปในระหว่างตีจนตั้งยอด เสร็จแล้วนำมาใส่ถุงบีบเตรียมตกแต่ง
  6. ตัดเค้กแครอทให้เป็นชิ้นตามชอบ และตกแต่งหน้าตาขนมหวานได้ตามความชอบ
เค้กแครอท

ขั้นตอนการทำ เค้กแครอท ถือได้ว่าง่าย ใช้เวลาทำไม่นาน และไม่มีความซับซ้อนเหมือนสูตรทำเบเกอรี่อื่น ๆ ที่ต้องเตรียมวัตถุดิบ และอุปกรณ์มากมาย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการหัดทำขนมหวาน เบเกอรี่  และกลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องการหา เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ มารับประทาน

Categories
ขนมไทย

ขนมเบื้องโบราณ ขนมไทยยอดนิยมที่ทำทานเองได้ง่าย ๆ

ขนมเบื้องโบราณ

หนึ่งในขนมไทยที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน คงจะหนีไม่พ้น “ขนมเบื้องโบราณ” ที่พบเห็นบ่อยตามท้องถนน และขาดไม่ได้เมื่อมีงานวัด ซึ่งขนมเบื้องที่พบได้บ่อยนั้นจะเป็นขนมเบื้องแบบสมัยใหม่ที่มีการใส่ไส้เยอะ ๆ ตกแต่งด้วยท็อปปิ้งหลากรสชาติ และสีสัน เห็นแล้วเป็นต้องซื้อติดไม้ติดมือไปรับประทานที่บ้านอย่างอดไม่ได้ และเราเชื่อว่าหลายคนคงหวนคิดถึงขนมเบื้องสูตรโบราณที่กำลังจะหาทานได้ยากแล้ว เราจึงได้นำสูตรทำขนมเบื้องแบบโบราณที่ครีมไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป มาแนะนำให้ได้ลองทำตามกันในบทความนี้

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมเบื้องโบราณ ด้วยตัวเอง

ขนมเบื้องโบราณ เชื่อว่าเป็นขนมไทยโบราณที่ถือกำเนิดขึ้นมาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นแผ่นกลม รสชาติหวานมันเค็มตามไส้ที่ใส่ลงไปเพิ่มรสชาติ เนื้อสัมผัสเมื่อขบเคี้ยวขนมเบื้องจะกรอบเนื้อแป้งด้านนอก และนุ่มเนื้อครีมด้านใน แม้ว่าวัตถุดิบจะดูเหมือนเยอะแยะมากมาย แต่ขั้นตอนวิธีการทำขนมเบื้องก็ง่ายดายมาก หากอยากรู้ว่าง่ายอย่างไรก็ขอให้มาศึกษาสูตรขนมเบื้องได้เลย

วัตถุดิบทำแป้งขนมเบื้อง

  1. แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม
  2. แป้งถั่วเขียว 50 กรัม
  3. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  4. น้ำปูนใส 100 กรัม
  5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  6. เกลือ ½ ช้อนชา

วัตถุดิบทำไส้ครีม

  1. ไขไก่ไข่ขาว 2 ฟอง
  2. น้ำไอซิ่ง 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วัตถุดิบทำไส้หวาน

  1. ใส้หวาน 
  2. ฝอยทอง
  3. มะพร้าวแก้ว
ขนมเบื้องโบราณ

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกใส่แป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่วเขียวใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยน้ำปูนใส ไข่ไก่ และเกลือ ใช้ตะกร้อมือตีคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ใช้มือบี้น้ำตาลปี๊บให้ละลายไม่เป็นเม็ด พักแป้งไว้ไปทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  2. นำไข่ขาวใส่ลงไปในชามแล้วใช้เครื่องผสมอาหารตีจนเนื้อเนียนขึ้นฟูด้วยสปีดสูงสุด ทยอยเทน้ำมะนาว และน้ำตาลไอซิ่งลงไปในระหว่างตีแล้วตีต่อจนขึ้นฟู เสร็จแล้วปิดเครื่องได้เลย

เปิดเตาเครปหรือกระทะเทฟล่อนด้วยไฟกลาง ก่อนจะใช้ทัพพีตักแป้งใส่ลงไปแล้วใช้ทัพหมุนวนเนื้อแป้งจนเป็นเนื้อบาง เมื่อเริ่มสุกแล้วให้ตักครีมใส่ลงไป ตามด้วยไส้หวานในปริมาณตามชอบ จากนั้นพับม้วนให้ขนมเบื้องโบราณพับเข้าหากัน และตักออกไปพักไว้ให้พอุ่นก่อนรับประทาน

ขนมเบื้องโบราณ

ขนมเบื้องไส้หวาน หรือ ขนมเบื้องโบราณ ชื่อนี้มีที่มาจากกรรมวิธีการทำขนมที่ต้องตักแป้งขึ้นมา ก่อนจะหยอดลงไปในกระทะที่เป็นกระเบื้องดินเผาของคนสมัยก่อน และในปัจจุบันนี้ขนมเบื้องมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ขนมเบื้องโบราณแบบดั้งเดิม , ขนมเบื้องไทยชาววัง , ขนมเบื้องญวน เป็นต้น