Categories
เบเกอรี่

ทาร์ตไข่ กินเพลิน อร่อยจนหยุดไม่ได้

ทาร์ตไข่

ทาร์ตไข่ ขั้นตอนการทำนั้นแสนจะง่าย อีกทั้งยังกินเพลิน ความอร่อยไม่ต้องพูดถึง เทียบเท่า สูตรทาร์ตไข่kfc ใครอยากลอง ต้องฝึกทำ

ส่วนผสมในการทำ ทาร์ตไข่

ทาร์ตไข่

ทาร์ตไข่เมนูขนมหวานแสนอร่อยที่สามารถหาซื้อกินเองได้ในห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านขนมทั่ว ๆ ไป ทำให้ขนมหวานเมนูนี้ เป็นที่นิยม ใครก็รู้จัก และยิ่งนำออกมาจากเตาอบร้อน ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ กัดกินในแต่ละคำ หอม อร่อยจนหยุดไม่ได้ และด้วยสาเหตุนี้ทำให้ แอดมินตัดสินใจรวบรวมสูตรการทำทาร์ตมาให้ผู้ที่ชื่นชอบได้ลองหัดเข้าครัวทำทาร์ตกินเอง และแน่นอน สูตรดังกล่าว สามารถทำได้แน่นอนและอร่อยด้วย เป็น สูตรทาร์ตไข่ง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้

วัตถุดิบสำหรับทำ ทาร์ตไข่

ความน่าสนใจของเมนูขนมหวานชนิดนี้นั่นก็คือ วัตถุดิบใช้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น อีกทั้ง ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยาก ทว่า ผลลัพธ์ที่ได้มา นั่นก็คือ ขนมหวานแสนอร่อย หอม ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานทาร์ต

ทาร์ตไข่

แป้งทาร์ต

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 11/2 ถ้วยตวง
  • น้ำมันหมู 1/4 ถ้วยตวง
  • เนยสด 1/4 ถ้วยตวง
  • เกลือ 1/2 ชช.
  • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ชต.
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • น้ำเปล่า 1-2 ชต.

ไส้คัสตาร์ด

  • นมข้นจืด ⅔ ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย ⅔ ถ้วยตวง
  • นมสด ⅔ ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ชต.
  • เกลือ ¼ ชช.
ทาร์ตไข่

วิธีทำทาร์ตง่าย ๆ 

แป้งทาร์ตไข่ วิธีทำ ทำอย่างไร? รวมถึง ในส่วนของไส้คัสตาร์ด ทาง แอดมินได้รวบรวมข้อมูลไว้แล้ว

ขั้นตอนที่ 1 แป้ง เกลือ น้ำตาลไอซิ่ง ผสมเข้าด้วยกัน จากนั้น ทำแป้งให้เป็นบ่อตรงกลางแล้วเทน้ำมันหมูลงไป เคล้าให้เข้ากัน

ขั้นตอนที่ 2 นำเนยมาตัดเป็นเม็ดถั่วเขียวเล็ก ๆ ใส่ลงในแป้ง ตามด้วยไข่แดง มาถึงการตะล่อมแป้ง ใช้น้ำเย็นจัดในการตะล่อมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้น นำแป้งสำหรับทำ ทาร์ตไข่ เข้าไปเก็บในตู้เย็นประมาณ 20 นาที

ทาร์ตไข่

ขั้นตอนที่ 3 ต้มน้ำในกะทะ โดยนำโถที่เล็กกว่ากะทะมาวางทับบนกะทะ จัดการผสมไข่และน้ำตาลทรายในโถ กวนและคนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี ตามด้วย นมสด นมข้นจืด กลิ่นวานิลลาและเกลือ

ขั้นตอนที่ 5 กรองครีมคัสตาร์ดด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักไว้ให้เย็น ในส่วนของ แป้งทาร์ตไข่ นำมากรุในถ้วยพาย ใช้ส้อมจิ้มเป็นรูเพื่อไล่อากาศ แล้วค่อยหยอด ครีมทาร์ตไข่ ลงในถ้วยพาย ในระหว่างนั้น วอร์มเตาอบที่ 220 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบนล่าง ก่อนทำการอบ

ขั้นตอนที่ 6 นำเข้าเตาอบ อบประมาณ 20 นาที แล้วค่อยเช็คดูว่า ไข่สุกหรือเปล่า ? จากนั้น เคลือบหน้าทาร์ตด้วยน้ำเชื่อมคาราเมล นำเข้าเตาอบอีกครั้ง รอบนี้ใช้ไฟบน อบจนหน้าขนมดูไหม้ ก็ถือว่าทำเสร็จแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet เว็บคาสิโนอันดับ1

Categories
ขนมไทย

ทองม้วนสดใบเตย หวานมัน ละมุนลิ้น กินแล้วจะติดใจ

ทองม้วนสดใบเตย

ทองม้วนสดใบเตย ขนมไทยที่ใช้วัตถุดิบในการทำค่อนข้างน้อยแต่อร่อย จะทำ ทองม้วนสดใช้แป้งอะไร พบคำตอบในบทความนี้

ส่วนผสม ทองม้วนสดใบเตย

ทองม้วนสดใบเตย ขนมไทยที่ใช้ส่วนผสมในการทำขนมเพียงไม่กี่อย่าง ทว่า รสชาติ กลับถูกอกถูกใจผู้ที่นิยมชมชอบในการกินขนม ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ทองม้วนกรอบ ที่กัดกินทีไร หอมอร่อยหวานกำลังดี ทว่า ในปัจจุบัน นอกเหนือจาก ทองม้วนกรอบที่คนชอบซื้อมากิน ทองม้วนสดก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน อีกทั้ง การกินทองม้วนสด ยังค่อนข้างได้อรรถรสมากกว่า กินทองม้วนกรอบ ทั้งในเรื่องของกลิ่นขนมที่ยังหอมเหมือนเดิม อีกทั้งยังได้ในเรื่องของ texture ระหว่างกำลังเคี้ยวทองม้วน ทั้ง งาดำ มะพร้าวอ่อน ซึ่งก็เป็นอะไรที่เข้ากันและลงตัว

ทองม้วนสดใบเตย

กระแสทองม้วนสด ยังคงเป็นที่นิยมไม่มีตก หลายคนฝึกทำจนสามารถสร้างอาชีพได้ วันนี้ แอดมิน ขออาสานำสูตรทองม้วนสดมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน ใครชอบกินขนมไทย ต้องไม่พลาดเมนูนี้

วัตถุดิบทองม้วนสดใบเตย

ทองม้วนสด ใบเตยเป็นการนำวัตถุดิบที่สามารถหาได้ในครัวเรือนมาทำขนมทองม้วน ดังนั้น ขนมทองม้วนสด ถึงเป็นขนมที่นำวัตถุดิบของคนไทยมาครีเอทและใช้ในการทำเมนูนี้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เรียกได้ว่า เป็นการอุดหนุนสินค้าเกษตรที่ปลูกเองในบ้าน

ทองม้วนสดใบเตย

1.หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

2.น้ำตาลปี๊ป 120 กรัม

3.ใบเตย 9-10 ใบ

4.น้ำใบเตย 2/4 ถ้วย

5.มะพร้าวอ่อน 1 ลูก

6.งาดำ 1-2 ช้อนโต๊ะ

7.แป้งมัน 1 ถ้วยตวง

8.แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

9.เกลือ 1/2 ช้อนชา

10.ไข่เป็ด 2 ฟอง

วิธีทำ

ทองม้วนสดใบเตย

ขั้นตอนที่ 1 นำแป้งมันและแป้งข้าวเจ้าผสมให้เข้ากันในชามผสมที่จะนำมาทำทองม้วนสดตามด้วยไข่เป็ดและเกลือ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้น นำส่วนผสมดังกล่าวไปเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

ขั้นตอนที่ 2 มะพร้าวอ่อน นำมาขูดให้เป็นเส้นสวย ๆ สำหรับกินคู่กับทองม้วนสด 

ขั้นตอนที่ 3 ใบเตยต้องนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ในชามสำหรับผสม

ขั้นตอนที่ 4 ใส่น้ำใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วย หัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ ขยำส่วนผสมทั้งหมดในชามจนเข้ากัน แล้วค่อยนำใบเตยออก เพื่อทำให้เนื้อขนมเนียนสวย นำส่วนผสมดังกล่าวกรอง 2 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 5 เอาแป้งที่เตรียมไว้ออกมาจากตู้เย็น เทส่วนผสมที่กรองไว้ลงในชามแป้ง จากนั้น ผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนดูเนียน

ขั้นตอนที่ 6 ใส่ส่วนผสมของทองม้วนสด ได้แก่ งาดำ มะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้น คลุกให้เข้ากัน

ขั้นตอนที่ 7 กะทะก้นแบนตั้งบนเตา ใช้ไฟอ่อน รอจนกะทะร้อน ตักแป้งลงไปละเลงให้ทั่วกะทะจนกลายเป็นแผ่น ด้านไหนสุกแล้ว ก็ให้พลิกกลับอีกด้าน จนกระทั่งสุกทั้ง 2 ด้าน แล้วค่อยตักขึ้นมาจากกะทะ นำมาม้วน ก็จะได้สูตร ทองม้วนสดที่อร่อยที่สุดในโลก จัดเสริ์ฟได้เลย

เห็นหรือยัง ขั้นตอนการเตรียมส่วนผสมน้อยมาก อีกทั้งขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก ใครที่อยากเริ่มต้นทำขนมไทย ลองเริ่มจากเมนูทองม้วนสดกันก่อน แล้วค่อยพัฒนาต่อยอด ทำขนมที่มีความสลับซับซ้อนเพิ่มขึ้นในภายหลัง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/สมัครบาคาร่า888 เว็บที่นักพนันให้ความไว้วางใจอันดับ1

Categories
ขนมไทย

สูตรสอนทำ ถั่วแปป ขนมไทยรสชาติหอมหวาน ทำง่ายขายดี เหมาะกับมือใหม่

ถั่วแปป ขนมไทยรสชาติอร่อยที่มีส่วนผสมหลักเป็น “ถั่วเขียวเลาะเปลือก” หุ้มด้วยแผ่นแป้งข้าวเหนียวแสนนุ่ม นิยมทานคู่กับน้ำตาลทรายผสมกับงาคั่วพร้อมกับมะพร้าวขูดหอม ๆ ซึ่งมีที่มายังไม่แน่ชัด แต่ในปัจจุบันยังสามารถหาทานได้ทั่วไปเนื่องจากเป็นขนมรสชาติดี สามารถทานได้มาก อีกทั้งขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทยที่มีประโยชน์ทางด้านโภชนาการมากเป็นอันดับต้น ๆ อีกด้วย

สูตรทำ ถั่วแปป รสโบราณตามต้นตำรับ ความอร่อยแบบคลาสิค

ถั่วแปป

ถั่วแปปเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวานมันมีเอกลักษณ์ เนื้อแป้งที่ห่อหุ้มไส้ถั่วเขียวนั้นเหนียวหนึบเคี้ยวเพลิน ตัดไปกับรสชาติของถั่วที่เข้มข้นมันได้ใจ เมื่อทานคู่กับมะพร้าวขูดและงาคั่วยิ่งช่วยให้ได้รสสัมผัสที่อร่อยมากขึ้น

วัตถุดิบและส่วนผสมสูตรถั่วแปบแป้งนุ่ม

  1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 500 กรัม
  2. เกลือ 1 ช้อนชา 
  3. น้ำแช่ดอกอัญชัน 1 ถ้วย
  4. น้ำสะอาด ประมาณ 1 ถ้วย 
  5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย 
  6. แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม (แบ่งเป็น 2 ถ้วย) 
  7. มะพร้าวขูดขาว 2-3 ถ้วย 
  8. งาดำคั่ว 1/2 ถ้วย 
  9. ใบเตย 2-3 ใบ
ถั่วแปป

ขั้นตอนการทำถั่วแปบโบราณไส้หวาน

  1. เตรียมซึ้ง ด้วยการต้มน้ำให้เดือด เอาถั่วเขียวเลาะเปลือกใส่ผ้าขาวบาง แล้วนึ่งประมาณ 30 นาที 
  2. นำมะพร้าวขูดขาว ใส่เกลือนิดหน่อย แล้วนึ่งประมาณ 5 นาที 
  3. เตรียมน้ำอัญชัน กรองด้วยผ้าขาวบาง 
  4. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียวลงไป ค่อย ๆ ใส่น้ำอัญชัน จนแป้งนุ่มและร่อนหลุดจากชามผสม 
  5. ทำแป้งสีขาวเช่นเดียวกัน โดยการเติมน้ำสะอาดลงไป ค่อย ๆ นวด พอได้แป้งสองสีแล้วก็ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เตรียมไว้ 
  6. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่ใบเตยลงไป บีบแป้งข้าวเหนียวเป็นแผ่นแบน ๆ ใส่หม้อต้ม พอสุกลอยขึ้นมา ก็ตักใส่ชามถั่วเขียวที่นึ่งไว้ 
  7. คลุกแป้งที่ได้กับถั่วให้ทั่ว ใส่ไส้แล้วพับครึ่ง แล้วคลุกมะพร้าวขูดขาวให้ทั่ว
  8. เตรียมชามผสม ใส่งาดำคั่ว หรือจะใช้ผสมกัน งาขาว งาดำ ใส่น้ำตาลทราย ผสมพอเข้ากัน ตักใส่ถ้วยไว้ 
  9. ขนมถั่วแปบจัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับน้ำตาลทรายที่ผสมงาไว้ 

สารพันประโยชน์ในขนม ถั่วแปป ของอร่อยกินดีที่หลายคนมองข้าม

ถั่วแปป

ถั่วแปปเป็นขนมไทยรสชาติมัน ๆ จากถั่วเขียวเลาะเปลือกซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนและไขมันดีที่มีวิตามินและเกลือแร่ที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ ใครที่ชอบกินถั่วแปบบอกเลยว่าคุณได้ทั้งความอร่อยเต็มอิ่มและสารอาหารแบบเต็มเปี่ยม

ประโยชน์แสนน่าทึ่งจาก “ถั่วเขียวเลาะเปลือก”

ถั่วแปป

ถั่วเขียวเลาะเปลือกจัดเป็นธัญพืชที่ที่หาได้ง่าย รสชาติอร่อย นำมาทำเป็นอาหารหรือขนมหวานได้อย่างหลากหลาย และทำขนมถั่วแปบด้วยเช่นกัน แถมยังมีประโยชน์ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนด้วย ได้แก่ 

  1. ถั่วเขียวเลาะเปลือกอุดมไปด้วย “แมกนีเซียม” ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องการเผาผลาญและการควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ และหากใครที่มักมีอาการบวมน้ำจากโซเดียม การเพิ่มระดับแมกนีเซียมก็ช่วยลดอาการบวมได้ด้วย
  2. เป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนักที่แสนน่าทึ่งและเห็นผลได้ดีมาก ๆ เพราะมีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอล
  3. มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  4. ถั่วเขียวเลาะเปลือกนั้นมี “โบรอน” ที่เป็นสารเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ทำให้สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างฉับไว มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“มะพร้าวขูด” และ “งาคั่ว” คือของดีมีประโยชน์

ถั่วแปป

มะพร้าวขูดและงาคั่วเปรียบเสมือนกับนางเอกของขนมเลยก็ว่าได้เพราะช่วยชูรสชาติพร้อมกับเสริมกลิ่นหอมแสนยวนใจให้กับขนมถั่วแปบโบราณนอกจากนั้นยังมีประโยชน์มาก ๆ อีกด้วยนะ

ประโยชน์ของมะพร้าวขูด

  1. เป็นแหล่งพลังงานที่ย่อยได้เร็ว ทำให้ตับไม่ต้องทำงานหนัก
  2. ช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงให้สมดุลมากยิ่งขึ้น
  3. บำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้เงางาม
ถั่วแปป

ประโยชน์ของงาคั่ว

  1. เสริมสร้างการเผาผลาญของร่างกาย ลดน้ำหนักได้ดี
  2. ช่วยป้องกันอาการริดสีดวงทวาร
  3. ช่วยให้ผู้มีปัญหาในการนอนหลับ นอนได้ง่ายยิ่งขึ้น

วิธีทํา ถั่วแปบ โบราณ สูตรทำขนมถั่วแปปใบเตยหอม ๆ ทานเพลินทั้งวัน

ส่วนผสมและวัตถุดิบ สูตรขนมถั่วแปบใบเตย

  1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 100 กรัม 
  2. แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม 
  3. น้ำใบเตย 90 มิลลิลิตร (6 ช้อนโต๊ะ) 
  4. กะทิ 135 มิลลิลิตร (9 ช้อนโต๊ะ) 
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม 
  6. งาขาว 50 กรัม 
  7. มะพร้าวขูด 200 กรัม (1ลูก)
ถั่วแปป

วิธีทำขนมถั่วแปบใบเตยให้อร่อยแบบง่าย ๆ

  1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกที่จะใช้ทำถั่วแปปมาล้างน้ำให้สะอาดประมาณ 7 ครั้งจนน้ำที่ล้างใส จากนั้นแช่ถั่วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างอีกครั้ง
  2. นำถั่วเขียวไปนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมง
  3. นำมะพร้าวขูดไปนึ่งประมาณ 5 นาที จากนั้นโรยเกลือเล็กน้อยที่ถั่วเขียวและมะพร้าวขูด
  4. นำแป้งข้าวเหนียวมาใส่น้ำใบเตยและคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  5. นำแป้งมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ แล้วเอามาแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นนำไปต้มให้สุกสังเกตุได้เมื่อสุกแป้งจะลอยขึ้นมา
  6. นำแผ่นแป้งไปวางบนมะพร้าวขูด ใส่ถั่วเขียวเป็นไส้ จากนั้นห่อถั่วเขียวให้มิด
  7. นำงาที่คั่วผสมกับน้ำตาลทรายและนำมาโรยขนมพร้อมเสิร์ฟ

สรรพคุณแสนมีคุณค่าที่ได้จากขนม ถั่วแปป

ถั่วแปป

ขนมถั่วแปปเป็นขนมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากไม่ใช่ขนมที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันแต่เป็นขนมที่ใช้การ “นึ่ง” นอกจากนั้นส่วนผสมหลัก ๆ ยังประกอบไปด้วยผลไม้ในธรรมชาติ พร้อมด้วยธัญพืชหลากหลายชนิดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นถั่วผ่าซีก งาดำ งาขาว มะพร้าวขูด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีโปรตีนและไขมันดี ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เทคนิคการใช้วิธีทําถั่วแปบให้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก!

ถั่วแปปเป็นขนมไทยที่ทำง่ายมาก ไม่ยุ่งยาก ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังใช้วัตถุดิบน้อย ต้นทุนต่ำ สามารถเป็นหนึ่งในลิสต์ขนมที่ควรทำขายช่วงสร้างรายได้เสริม แต่ถ้าใครอยากจะใช้เทคนิคที่ช่วยให้ประหยัดเวลามากขึ้นแล้วล่ะก็ ตอนที่จะทำการห่อแป้งเข้ากับไส้ถั่วแนะนำมาอย่าเพิ่งห่อในทันทีเพราะจะลื่นมือทำให้ห่อได้ยาก ควรนำแป้งด้านที่ไม่ได้ใส่ไส้คลุกกับมะพร้าวขูดก่อน จากนั้นค่อยห่อถั่วแปป แล้วนำชิ้นขนมไปคลุกกับเม็ดถั่วเขียวอีกรอบจะทำให้ขนมได้รูปทรงที่สวยน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/สมัครบาคาร่า888 สมัครบาคาร่าฟรีได้ง่ายๆที่นี่เลย

Categories
ขนมไทย

ขนม โสมนัส สูตรขนมไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา

สวัสดีค่ะคนรัก การทำขนมไทย ทุกๆคน ในบทความนี้เราจะพาทุกคนย้อนยุคกลับไปในสมัยอยุธยากับ เมนูขนมไทย ที่มีชื่อว่า ขนม โสมนัส ขนมอบยุคแรกเริ่มของไทยที่ทำมาจากไข่ขาว น้ำตาล และมะพร้าวคั่วหอมกรุ่น รสชาติและเนื้อสัมผัสของขนมนั้นจะมีความกรอบ เนื้อเบาคล้ายคลึงกันกับขนมเมอร์แรงก์ เบเกอรี่จากต่างประเทศ แต่จะมีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับขนมอบไทยเมนูนี้กันให้มากขึ้น พร้อมบอกต่อสูตรขนมทำเองได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย

ทำความรู้จัก ขนม โสมนัส ขนมไทยโบราณ ที่ถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น

ขนม โสมนัส

ขนมโสมนัสนั้นถือเป็น ขนมไทยมงคล อีกหนึ่งเมนู เพราะความหมายของคำนี้มาจากภาษาบาลีว่า “โสมมนสส” ซึ่งหมายถึง ความยินดี ความปลาบปลื้ม และในอดีตนั้นยังไม่ได้เรียกด้วยชื่อโสมนัส เหมือนอย่างในปัจจุบัน แต่ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเขียนว่า โคมนัส เชื่อกันว่ามีการเรียกเพี้ยนจากวัตถุดิบหลักของขนมอย่าง “โคโคนัท” หรือมะพร้าวนั้นเอง จนเวลาต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อขนมเป็นเหมือนอย่างในปัจจุบัน เพราะเป็นชื่อเรียกที่มีความหมายดี และยังมีความไพเราะเหมาะจะเป็นชื่อของขนมไทยโบราณ

ประวัติความเป็นมาของ โสมนัส

ขนม โสมนัส

จุดเริ่มต้นของ ขนมไทยโบราณ เมนูขนม โสมนัส ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่คนไทยได้มีการติดต่อกับต่างประเทศ โดยผู้คิดค้นสูตรนี้ก็คือ “เท้าทองกับม้า” หรือ “มารี กีมาร์” ราชินีขนมไทย ของเราอีกเช่นเคย โดยได้มีความคิดริเริ่มในการนำไข่แดงมาทำขนมไทย และใช้ไข่ขาวที่เหลือมาดัดแปลงทำเป็นขนมไทยเมนูนี้ให้ส่งต่อมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน

ขนมไทยมงคล ตัวแทนของความปิติยินดี 

ขนม โสมนัส

ขนมโสมนัสแม้จะไม่ใช่หนึ่งใน ขนมไทยตระกูลทอง ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ก็นับว่าเป็น ขนมมงคล ด้วยเช่นกัน เพราะชื่อของขนมสื่อถึงความปิติยินดี ปลาบปลื้มใจ จึงเหมาะที่จะทำขึ้นมาในงานพิธีเฉลิงฉลอง พิธีมงคล งานบุญ งานแต่ง หรือแม้แต่การมอบให้กับคนพิเศษในวันสำคัญ เพื่อเป็นของขวัญอวยพรให้แก่กันและกัน

ความแตกต่างของขนมไทย โสมนัส และเบเกอรี่ เมอร์แรงก์

ขนม โสมนัส

อย่างที่เราได้บอกไปแล้วในข้างต้นว่าขนม โสมนัส มีความคล้ายคลึงกันกับ ขนมเมอร์แรงก์ เบเกอรี่ยอดนิยมจากต่างประเทศ คือมีรูปร่างภายนอก และเนื้อสัมผัสเบากรอบ ละลายในปากเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงที่ เมนูขนมไทย โสมนัสจะใช้เนื้อมะพร้าวขูดขาวคั่ว ทำให้มีความกรุบกรอบที่แตกต่าง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะพร้าวคั่ว ที่จะส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วปากในทุกๆคำที่รับประทาน

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม โสมนัส ขนมอบไทยยุคแรกเริ่ม

ในปัจจุบันขนมโสมนัสไม่ใช่ขนมไทยที่หาทานได้ง่ายทั่วๆไปเหมือนอย่างขนมไทยเมนูอื่นๆ แต่เป็น ขนมไทยหาทานยาก ที่น้อยคนนักจะรู้จักกับ ขนมโบราณ เมนูนี้ ยิ่งกับคนรุ่นใหม่ด้วยแล้ว หากพบเจอเป็นอันต้องแปลกใจกันทุกราย เพราะไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อมาก่อน จึงเป็นขนมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีการทำนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย ทุกคนสามารถทำตามได้โดยใช้สูตรที่เรานำมาแนะนำ ดังนี้

ขนม โสมนัส

วัตถุดิบทำ ขนมโสมนัส

  1. มะพร้าวขูดขาว 1+1/2 ถ้วยตวง
  2. ไข่ขาว 3 ฟอง
  3. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  4. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  5. เกลือ 1/8 ช้อนชา

ขั้นตอนวิธีการทำ โสมนัส สูตรขนมทำง่าย

ขนม โสมนัส
  1. ขั้นตอนแรกในการทำ ขนมโสมนัส เริ่มต้นจากการตั้งกระทะเทฟล่อนด้วยไฟอ่อนแล้วใส่มะพร้าวขูด-ขาวลงไปคั่ว จนแห้งดี และเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็น
  2. ใส่ไข่ขาว และน้ำมะนาวลงไปในชามผสม ใช้เครื่องผสมอาหารตีต่อด้วยสปีดกลางจนขึ้นฟู จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปในระหว่างตีจนหมด ตามด้วยการใส่เกลือลงไป จากนั้นตีต่อจนตั้งยอด (ในขั้นตอนนี้สามารถใส่ผงโกโก้ ผงชาเขียว หรือสีผสมอาหารลงไปเพิ่มอรรถรสได้ตามชอบนะคะ)
  3. เมื่อส่วนผสมของไข่ขาวได้ที่แล้วให้ใส่มะพร้าวคั่วที่เตรียมไว้ลงไป ตะล่อมให้เข้ากันด้วยไม้พาย เสร็จแล้วนำไปใส่ถุงบีบเตรียมทำขั้นตอนต่อไปได้เลยค่ะ
  4. เตรียมถาดรองอบ รองด้วยกระดาษไข หรือกระดาษรองอบ และบีบขนมลงไปเป็นชิ้นพอดีคำ โดยเว้นระยะห่างให้ห่างกันเล็กน้อย เพื่อให้ขนมไม่ติดกันจนเกินไป 
  5. วอร์มเตาอบให้เรียบร้อย ก่อนจะนำขนมเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 50 นาที ครบเวลาแล้วนำออกจากเตาแล้วใช้ไม้พายตักออกมาพักไว้บนตะแกรง และนำมาบรรจุใส่กล่อง หรือนำมารับประทานได้เลยค่ะ

บทสรุป

ขนม โสมนัส

การทำขนมโสมนัส ถือเป็น ขนมอบ ที่ทำได้ง่ายๆมาก ในการทำหนึ่งครั้งสามารถเก็บบรรจุไว้ในกล่อง เพื่อรับประทานในครั้งต่อไปได้นานหลายวัน โดยตัวขนมยังคงความกรุบกรอบอยู่ เหมาะจะทำไว้เพื่อเป็น ของว่างทานเล่น คู่กับชาหรือกาแฟในยามเช้า หรือใครจะทำขายสร้างรายได้ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/สมัครบาคาร่า888 เว็บบาคาร่า888

Categories
ขนมไทย

ขนม ลูกเต๋า ขนมไทยมีไส้แสนอร่อย สไตล์ชาวจีนแต้จิ๋ว

ขนม ลูกเต๋า ขนมไทยหาทานยาก ในปัจจุบัน 

ในปัจจุบันนี้ ขนมโบราณ หลายชนิดถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมมากนักจากคนรุ่นใหม่ ขนม ลูกเต๋า เองก็เช่น เรียกว่าหาทานทั่วไปไม่ได้เหมือนอย่าง เมนูขนมไทย เมนูอื่น หากไม่ได้อาศัย หรืออยู่ในพื้นที่ชุมชนเก่าก็แทบจะไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นขนมไทยเมนูนี้มาก่อนเลย เราจึงถือโอกาสพาทุกคนไปรู้จักกับขนมไทยลูกเต๋า พร้อมบอกต่อสูตรวิธีการทำง่ายๆ

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมลูกเต๋า ด้วยกระทะเพียงใบเดียว

ขนม ลูกเต๋า

ขนม ลูกเต๋าหาทานยากก็จริง แต่ขั้นตอนการทำนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ใครเคยทำขนมเปี๊ยะมาก่อนจะสามารถทำได้โดยง่าย เพราะวิธีการทำไม่แตกต่างกันมากนัก เรียกว่าง่ายกว่าเสียด้วยซ้ำ และหากใครหวนคิดถึง ขนมไทยในวัยเด็ก ก็สามารถเตรียมวัตถุดิบส่วนผสมให้พร้อม ส่วนอุปกรณ์นั้นมีเพียงกระทะเทฟล่อนเพียงใบเดียวก็สามารถ ทำขนมง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้เตาอบ หรือไมโครเวฟเหมือนอย่างขนมเมนูอื่นๆ หากใครพร้อมแล้วไปเริ่มลงมือทำขนมกันได้เลยค่ะ

วัตถุดิบทำ ตัวขนม เปี๊ยะลูกเต๋า

  1. แป้งอเนกประสงค์ 250 กรัม 
  2. น้ำตาลปี๊บ 170 กรัม 
  3. กะทิ 50 กรัม 
  4. น้ำมันคาโนล่า 35 กรัม 
  5. ไข่แดงของไข่ไก่เบอร์2 1 ฟอง
  6. เนยสดเค็ม 15 กรัม
ขนม ลูกเต๋า

 วัตถุดิบทำ ไส้ถั่วกวน

  1. ถั่วเขียวเลาะเปลือกดิบ 250 กรัม 
  2. น้ำตาลทราย 300 กรัม 
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา 
  4. น้ำมันคาโนล่า 60 กรัม
  5. เนยสดรสเค็ม 40 กรัม

ขั้นตอนวิธีการทำ ขนม ลูกเต๋า ไส้ถั่วกวน

  • ขั้นตอนแรกในการทำขนม ลูกเต๋า เริ่มจากการถั่วเขียวเลาะเปลือกดิบไปล้างด้วยน้ำสะอาด ประมาณ 4 รอบ หรือจนกว่าน้ำจะใสไม่เปลี่ยนสี แล้วแช่น้ำทิ้งไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นกรองน้ำออกให้หมด และนำถั่วเขียวไปห่อด้วยผ้าขาวบาง นึ่งด้วยน้ำเดือดจัดเป็นเวลา 30 นาที หรือจนกว่าถั่วเขียวเลาะเปลือกจะสุกดี 
  • นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปบด หรือปั่นให้ละเอียดดี (หากแห้งเกินไปสามารถใส่น้ำเปล่าลงไปได้เล็กน้อย เพื่อให้เครื่องปั่นได้ง่ายขึ้น) หลังจากปั่นจนได้เนื้อถั่วเนียนแล้ว ให้นำมาใส่ลงไปในกระทะเทฟล่อน ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ เปิดเตาด้วยไฟกลางแล้วกวนส่วนผสมไปเรื่อยๆจนกว่าส่วนผสมจะละลายเข้ากัน ทยอยใส่น้ำมันลงไปในระหว่างกวนต่อ เมื่อน้ำมันแห้งดีแล้วสุดท้ายใส่เนยสดลงไปกวนต่อจนส่วนผสมแห้ง ร่อนออกจากกระทะ ไม่ติดมือ สามารถนำไปปั้นทำไส้ได้ ปิดเตาพักไว้ให้คลายความร้อน โดยการใส่ภาชนะคลุมด้วยผ้าขาวบางเปียก เพื่อไม่ให้ไส้ขนมของเราแห้งจนเกินไป
ขนม ลูกเต๋า
  • ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำตัวขนม เตรียมหม้อหนึ่งใบใส่น้ำตาลปี๊บ และกะทิลงไป เปิดเตาด้วยไฟอ่อนค่อนกลางแล้วใช้ไม้พายกวนจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากันได้ดีกับกะทิ ระหว่างนี้ให้คนผสมน้ำมันกับไข่ให้เข้ากัน และใส่เนยสดละลายลงไปกวนต่อให้เข้ากัน หลังจากส่วนผสมได้ที่ละลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วปิดเตา ใส่น้ำมัน และไข่ลงไปกวนให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วนำใส่ลงไปในชามผสม 
  • ให้ร่อนแป้งอเนกประสงค์ลงไปในชามผสมใบเดียวกันกับขั้นตอนที่ 3 โดยแบ่งทยอยใส่ลงไปในระหว่างนวด 1/3 ของแป้งที่เตรียมไว้ สลับกับการนวดจนกว่าแป้งที่เตรียมไว้จะหมด นวดต่อเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ให้เนื้อแป้งเนียนนุ่ม พักไว้โดยการห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหารเป็นเวลา 30 นาที
  • เมื่อครบเวลาแล้วให้ปั้นแป้งให้ได้ชิ้นละ 17 กรัม และไส้ 15 กรัม จากนั้นปั้นไส้เป็นวงกลมแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง เพื่อห่อหุ้มไส้ขนมให้มิด เสร็จแล้วปั้นคืนรูปให้เป็นวงกลม ทำซ้ำกับส่วนผสมที่เหลือ (หากแป้งแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำเปล่าลงไปได้เล็กน้อยแล้วนวดให้เป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเดิม)
  • เตรียมกระทะเทฟล่อน ทาด้วยเนยสดละลายให้ทั่ว ก่อนจะเปิดเตาด้วยไฟอ่อนรอให้ร้อนแล้วนำขนมที่ปั้นไว้ลงไปจี่บนหน้ากระทะ ใช้ไม้พายบีบกดลงไปให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เมื่อด้านล่างสุกแล้วให้พลิกไปด้านอื่นๆจนกว่าจะสุกทั่วกันทุกด้าน เสร็จแล้วนำไปวางพักไว้ในตะแกรงจนคลายความร้อน เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำ

บทสรุป

ขนม ลูกเต๋า

ก่อนจากกันในบทความนี้ เราขอบอกต่อเรื่องราวของขนม ลูกเต๋า กันต่ออีกสักนิดว่า ประวัติความเป็นมาของ ขนมลูกเต๋า นั้นเป็น ขนมของชาวจีน แต้จิ๋ว และเรียกกันว่า “ปอเต่าเปี้ย” ซึ่งมีความหมายถึง ขนมเปี๊ยะอัญมณี หรืออีกชื่อก็คือ “เตาแจ่เปี้ย” ซึ่งหมายถึงขนมเปี๊ยะลูกเต๋า มักจะมีขายทั่วไปในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน หากใครได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวควรลองทานแบบต้นตำรับกันดูนะคะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/สมัครบาคาร่า888 สมัครได้เลยไม่ต้องเสียเวลารอนาน

Categories
ขนมไทย

เปิดสูตรลับ บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน ขนมโบราณ กรอบนอก นุ่มใน 

บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน เป็นขนมที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับมะพร้าว ซึ่งสมัยก่อนขนมบ้าบิ่นได้รับอิทธิพลมาจากขนมของประเทศโปรตุเกสที่มีชื่อว่า เกลชาดาช เดอ กรูอิงบรา แต่คนไทยได้นำมาปรับสูตรขนมใหม่จากเนยแข็งมาเป็นมะพร้าวอ่อน และมีการเรียกชื่อของขนมเพี้ยนจากเดิมคือ ขนมป้าบิ่นมาเป็นขนมบ้าบิ่นในปัจจุบัน

แชร์ ขนม บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน สูตรดั้งเดิมตามต้นตำรับชาววัง ทำทานกันได้ทั้งครอบครัว

บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน

เปิดตัวขนมโบราณชื่อแปลกแต่รสชาติอร่อยสุดๆ นั่นก็คือ ขนมบ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน เป็นอีกหนึ่งขนมหวานของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน สำหรับสูตรบ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน เป็นสูตรบ้าบิ่นโบราณที่มีวัตถุดิบเพียงแค่มะพร้าวอ่อนกับข้าวหเหนียว และเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาล เพียงเท่านี้ก็จะได้ ขนมบ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน ที่รสหวาน และหอมกลิ่นมะพร้าวที่ลงตัวสุดๆ สำหรับในวันนี้จะเราจะมาแชร์สูตรบ้าบิ่นกรอบนอกนุ่มใน โดยใช้วัตถุดิบดังนี้

  1. แป้งข้าวเหนียวขาว 300 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 200 กรัม
  3. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  4. เนื้อมะพร้าวอ่อน 150 กรัม
  5. น้ำเปล่า 100 กรัม
  6. กะทิสด ½ ถ้วย
บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน

ในส่วนของวัถตุดิบของขนมบ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน สามารถใช้แป้งข้าวเหนียวขาวผสมกับแป้งข้าวเหนียวดำเล็กน้อย เพื่อให้ขนมมีสีสันที่น่าทานมากยิ่งขึ้น สำหรับวิธีการทำขนมไทยสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ในขั้นตอนแรก นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ กะทิสด และเนื้อมะพร้าว จากนั้นเติมน้ำลงไปเล็กน้อย ทำการนวดแป้งให้เข้ากัน ถ้าแป้งแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำลงไป เพื่อให้น้ำตาล และเกลือละลายจนหมด
  2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง จากนั้นทาน้ำมันพืชที่กระทะบางๆ เมื่อกระทะร้อนได้ที่แล้ว ใช้ช้อนตักขนมที่เตรียมไว้ลงไปหยอดลงไปให้เป็นวงกลมทอดจนกว่าขนมจะสุกทั้ง 2 ด้าน จากนั้นตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ 
บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน

ถ้าอยากเพิ่มความนุ่มหนึบ และกรุบกรอบของขนมมากขึ้น สามารถใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนเพิ่มลงไป เพียงเท่านี้ก็จะได้ ขนมบ้าบิ่นตามสูตรขนมไทยโบราณรสชาติหวานหอม กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นมะพร้าวกำลังดี

เคล็บลับเพิ่มความอร่อยขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ทานได้ทุกวัน อร่อยเหมือนเดิม

บ้าบิ่น มะพร้าว อ่อน

ถ้าใครเบื่อขนมบ้าบิ่น มะพร้าว อ่อนแบบสูตรดั้งเดิม วันนี้เราจะมาแชร์เคล็บเพิ่มความอร่อยให้ทุกคนได้ทำตาม โดยขั้นแรกเตรียมวัตถุดิบเหมือนกันกับสูตรบ้าบิ่นแบบโบราณ จากนั้นเติมผงมันม่วงเพิ่มลงไปผสมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี นำไปทอดในกระทะตั้งไฟอ่อนๆ เมื่อขนมสุกทั่ง 2 ด้าน ตักใส่จานพักไว้ให้เย็นก็เป็นเสร็จสิ้นกับขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนผสมมันม่วง ซึ่งบ้าบิ่นถือว่าเป็นอีกขนมมงคลที่ทำทานให้งานมงคลในสมัยก่อน อีกทั้งยังเป็นขนมไทยมงคลที่หาทานค่อนข้างยากในปัจจุบัน ถ้าใครอยากลองทำขนมหวานบ้าบิ่นก็สามารถทำตามสูตรของเราได้เลยไม่ผิดหวังแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเย เว็บพนันและคาสิโนออนไลน์ที่คนเล่นเยอะที่สุด

Categories
ขนมไทย

ขนม ผกากรอง ขนมดอกไม้สีหวาน ที่ถูกดัดแปลงมาจากขนมไทยโบราณ

เมนูขนมหวานรูปทรงดอกไม้สุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดู เมนูนี้มีชื่อว่า ขนม ผกากรอง ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นขนมไทยฟิวชั่น หรือขนมไทยสมัยใหม่ที่ได้นำเอาสูตรขนมไทยดั้งเดิม มาปรับปรุงดัดแปลงสูตรให้เกิดขนมไทยเมนูใหม่ขึ้นมา ให้สวยงามน่ารับประทาน เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็นสมควรที่จะหยิบยกเอาเมนูนี้มาขึ้นแท่น บอกต่อให้ทุกคนได้รู้จัก และได้ลองทำตามกันแบบง่ายๆในบทความนี้ค่ะ

ทำความรู้จักกับ ขนม ผกากรอง ขนมไทยสมัยใหม่ สีสันสวยงาม

ขนม ผกากรอง

นับว่าเป็นน้องใหม่ในวงการ ขนมไทย เนื่องจากพึ่งจะถูกคิดค้นสูตรขึ้นมาได้ไม่นานมานี้ และได้ถูกเผยแพร่ให้ทุกคนได้รู้จักในปี พ.ศ. 2557 โดยเมนูนี้ถูกดัดแปลงมาจาก ขนมช่อแก้ว ของสมาชิกในกลุ่มแบ่งปัน สูตรขนมไทย โดยคุณกาแฟดำดำ จนเวลาต่อมา อาจารย์สำเร็จ วรรณพิรุณ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนั้นได้นำสูตรไปปรับปรุง และได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “ผกากรอง”

ผกากรอง ขนมไทยความหมายดี

ชื่อของ ขนมไทย ผกากรอง สื่อถึงดอกผกากรองที่เป็นลักษณะของตัว เมนูขนมไทย เมนูนี้ที่จับจีบได้อย่างสวยงาม และมีสีสันสดใสน่ารับประทาน คำว่า ผกากรอง หมายถึง ความสดใสเบิกบานเหมือนดั่งดอกไม้ จึงเหมาะจะนำไปมอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษในโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบ วันสำคัญ หรือทำเป็น ขนมไทยมงคล ในงานเลี้ยง งานบุญ หรือในงานมงคล เป็นต้น

ขนม ผกากรอง

ความแตกต่างของขนมช่อแก้ว และผกากรอง

ขนมไทยชนิดนี้ถูกประยุกต์มาจาก ขนมช่อแก้ว โดยทำให้มีรูปร่างเป็นรูปทรงจับจีบคล้ายดอกผกากรองสวยงาม และรสชาติที่อร่อยถูกปากมากยิ่งขึ้น และวัตถุดิบในการทำจะมีความคล้ายคลึงกันกับ ขนมอาลัว ส่งผลให้เนื้อสัมผัสของขนมเหมือนกันกับขนมอาลัวสด คือมีความนุ่ม ยืดหยุ่น หวานละมุนลิ้นนั้นเอง

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม ผกากรอง ขนมไทยหลากสีสัน

วัตถุดิบสำหรับทำ ขนมผกากรอง ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบที่คน ทำขนมไทย หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ได้มีความแตกต่างจากขนมไทยชนิดอื่น แต่จะมีความหลากหลายที่ตัว ไส้ขนม สามารถใส่ไส้อะไรก็ได้ เช่น ถั่วแดงกวน ถั่วเหลืองกวน ทองหยอด หรือไส้อื่นๆตามชอบ ในบทความนี้เราใช้เป็น ไส้ถั่วกวน สูตรทำเอง อร่อยพอดี ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป เข้ากันได้ดีกับตัวแป้งแบบสุดๆ 

ขนม ผกากรอง

วัตถุดิบทำ ขนมช่อผกากรอง

  1. แป้งเค้ก 2 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
  3. หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร
  4. น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
  5. สารแต่งกลิ่นกลิ่นมะลิ 1/4 ช้อนชา
  6. สีผสมอาหารตามชอบ
  7. เกล็ดน้ำตาลเคลือบสี สำหรับตกแต่ง

วัตถุดิบทำ ไส้ถั่วกวน 

  1. ถั่วเขียวซีกดิบ 500 กรัม
  2. หัวกะทิ 500 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 450 กรัม
  4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  5. แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนวิธีการทำ ไส้ขนมผกากรอง

  1. ขั้นตอนแรกในการทำขนมไทยผกากรอง เริ่มจากการทำไส้ถั่วกวนของขนม โดยการนำถั่วเขียวซีกมาล้างด้วยน้ำสะอาด 3 – 4 รอบจนกว่าน้ำจะใส จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาแล้วให้กรองน้ำออก และถั่วเขียวนำมาห่อด้วยผ้าขาวบาง ก่อนจะนำไปนึ่งด้วยน้ำเดือดจัดเป็นเวลา 30 นาที หรือจนกว่าถั่วจะสุกดี
  2. หลังจากถั่วเขียวสุกได้ที่แล้วให้นำไปบดให้ละเอียดด้วยเครื่องบด เสร็จแล้วนำไปเทใส่กระทะเทฟล่อน ตามด้วยหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น และแป้งมัน คนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วเปิดเตาด้วยไฟกลางค่อนอ่อน กวนต่อจนกว่าส่วนผสมจะเดือด ปรับลดไฟลงเป็นไฟอ่อน กวนต่อจนถั่วแห้งร่อนไม่ติดกระทะ ได้ที่แล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็นสนิท
  3. นำถั่วกวนที่เย็นแล้วใส่ลงไปในถาด ใช้น้ำมันถูให้ทั่วมือก่อนทำการนวดไส้ถั่วกวนให้เนื้อเนียน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาด 10 กรัม จนกว่าไส้จะหมด พักไว้เตรียมทำขั้นตอนต่อไป โดยคลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ถั่วแห้งแตก
ขนม ผกากรอง

ขั้นตอนวิธีการทำ ขนม ผกากรอง

  1. ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการทำตัวขนม ให้นำแป้งเค้กใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยหัวกะทิที่เตรียมไว้ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า และสารแต่งกลิ่นมะลิ ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ก่อนจะเทแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในกระทะเทฟล่อน เปิดเตาด้วยไฟอ่อน กวนแต่งอย่างต่อเนื่องจนแป้งสุกดี และจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดกระทะ เสร็จแล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็น
  2. นำแป้งที่เย็นแล้วมานวดให้เนื้อเนียน และตัดแบ่งให้เท่ากันตามจำนวนสีผสมอาหารที่เลือกใช้ และใส่สีผสมอาหารลงไปผสมนวดให้เข้ากัน 
  3. ปั้นแป้งเป็นรูปวงกลมขนาด 15 กรัม (หากใครต้องการทำหลายสีในดอกเดียว สามารถหยิบแป้งแต่ละสีมาปั้นผสมกันได้เลยนะคะ) จากนั้นกดให้บางเพื่อใส่ไส้ด้านใน และปั้นคลึงให้กลมตามเดิม ก่อนจะใส่ลงไปในถ้วยวุ้น และใช้แหนบจีบช่อม่วงหัวใบไม้จับจีบแถวแรกด้านล่างสุดให้รอบ ตามด้วยการทำซ้ำในแถวต่อไป จนเป็นรูปกลีบดอกไม้สลับกันอย่างสวยงาม
  4. เมื่อขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้วางเกล็ดน้ำตาลเคลือบสีตกแต่งตรงกลางเป็นเกสรของดอกไม้ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น นำไปจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com แหล่งรวมพนันและคาสิโนออนไลน์ เว็บตรงไม่ผ่านเอเยนต์ เชื่อถือได้