Categories
ขนมไทย

ขนมไข่นกกระทา ขนมไทยหลากชื่อ

ขนมไทย
ขนมไข่นกกระทา ขนมไทยหลากชื่อ

ขนมไข่เต่า ขนมไข่หงส์ ขนมไข่นกกระทา ล้วนเป็น ขนมไทย อย่างเดียวกัน แต่จะเรียกแตกต่างกันไปแต่ละพื้นที่ เรียกตามลักษณะของขนมที่เป็นก้อนกลม แต่ชื่อแรกเลยก็คือ ขนมไข่เต่า แต่เนื่องจากเป็นสัตว์สงวน จึงเปลี่ยนมาเรียกเป็นชื่ออื่นแทน เป็นขนมกรอบนอกนุ่มใน หวานมันลงตัว อร่อยติดปากสุด ๆ ทั้งยังมีราคาที่ถูก สามารถทำได้ง่าย เป็นสาเหตุให้ขนมไทยชนิดนี้ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงปัจจุบัน โดยในอดีตนั้นจะทำขนมชนิดนี้กันในงานเลี้ยง เช่น งานมงคลสมรส เป็นต้น และถูกปรับปรุงเพิ่มรสชาติต่าง ๆ เข้ามามากมาย เช่น รสมันม่วง รสชีส รสช็อคโกแลต หรือแม้แต่รสสตอรว์เบอร์รี่

ขนมไทย
ขนมไข่นกกระทา ขนมไทยหลากชื่อ

วัตถุดิบในการทำขนมไข่นกกระทา ขนมโบราณหาทานง่าย

ขนมไทย นั้นเป็นขนมที่แสดงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยออกมาได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะใช้แป้ง ไข่ และกะทิเป็นส่วนประกอบ ซึ่งหาได้ง่ายมากในปัจจุบัน ขนมไข่นกกระทาที่เรานำมาให้ทุกคนได้ลองทำตามกันในวันนี้ เป็นขนมไทยโบราณที่หารับประทานได้ง่ายในปัจจุบัน แต่หากใครอยากลองทำทานเองก็มีวัตถุดิบดังนี้

  1. มันเทศนึ่งสุกหั่นชิ้น 2 หัวใหญ่ 
  2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  4. แป้งมัน 2 ถ้วยตวง
  5. แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง
  6. ไข่แดง 1 ฟอง
  7. กะทิ 100 มิลลิลิตร
  8. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  9. น้ำมันพืชสำหรับทอด
  10. ขนมไทย
    ขนมไข่นกกระทา ขนมไทยหลากชื่อ

    ขั้นตอนการทำขนมไทยให้ไม่หายกรอบ

    ปัญหาที่พบเจอบ่อยเมื่อเราไปซื้อ ขนมไทย ไข่นกกระทามารับประทาน คือ แม้ว่าจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก แต่สักพักก็จะเหี่ยวลง และไม่กรอบนอกนุ่มในเหมือนเอกลักษณ์ของขนมไทยชนิดนี้ สูตรที่เรานำมาฝากในวันนี้จึงเป็นสูตรที่ตอบโจทย์ เพราะแม้ว่าจะทิ้งไว้สักพักก็ไม่เหี่ยว หรือหายกรอบแน่นอน ดังนั้น เรามาดูขั้นตอนวิธีการทำกันเลย

    1.  ขั้นตอนแรกใส่แป้งมัน แป้งสาลี เกลือป่น ผงฟู และน้ำตาลทรายลงไปในชามผสม ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน แล้วนำมันเทศมานวดให้เข้ากันกับส่วนผสมแห้งที่ใส่ลงไป (ขั้นตอนนี้แนะนำให้ล้างมือให้สะอาด หรือใส่ถุงมือก่อนนะคะ) จากนั้นทยอยใส่กะทิลงไปในระหว่างนวดจนส่วนผสมจับตัวเป็นก้อน และใส่ไข่แดงลงไปนวดต่อเพิ่มสีสันให้สวยงามมากยิ่งขึ้น

    2.  เมื่อนวดแป้งจนจับตัวเป็นก้อนแล้วให้นำมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำ นำไปวางไว้ในถาดที่โรยแป้งมันเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวขนมติดกัน 

    3.  ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปรอให้ร้อนแล้วทยอยใส่ก้อนขนมของเราลงไป ระหว่างทอดให้ใช้ตะหลิวแซะก้นกระทะ เพื่อไม่ให้ขนมไหม้ติดก้นกระทะนะคะ เมื่อขนมเริ่มจะลอยตัวขึ้นมาแล้วให้ใช้กระชอนคลึงกดตัวขนมให้เนื้อในของขนมเป็นโครง เมื่อสุกเหลืองน่ารับประทานแล้วให้ตักขึ้นมาพักไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

Categories
เบเกอรี่

พายมะพร้าวอ่อน เมนูพายหวานมันละมุน

พายมะพร้าวอ่อน
พายมะพร้าวอ่อน เมนูพายหวานมันละมุน

ในสังคมปัจจุบันนั้นขนมทั่วไป ถือได้ว่าเป็นเบเกอรี่ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก เพราะรับประทานง่าย สามารถทานได้ตลอดระยะเวลา โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปยังร้านอาหาร หรือเดินทางไปรับประทานที่ศูนย์อาหารทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า เนื่องจากขนมนั้นสามารถนำใส่กระเป๋าติดตัวมาทำงานได้ง่าย มีขนาดกระทัดรัดผู้คนจึงนิยมนำมารับประทานในช่วงที่เร่งรีบ คงจะเป็นขนมอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก พายมะพร้าวอ่อน

ทุกท่านนำมารับประทานเบเกอรี่แทนการรับประทานอาหารมื้อเช้า เพราะเป็นเมนูที่สามารถหารับประทานได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป เป็นเมนูยอดฮิตที่มีความอร่อยหอม ละมุน ของเนื้อมะพร้าวอ่อนไส้ข้างในของพาย เมื่อท่านเร่งรีบสามารถซื้อมากักตุนไว้ และรับประทานในช่วงเช้าได้ทันที แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากขนมดังกล่าวนี้ ท่านสามารถทำได้เอง ด้วยสูตรขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณในแต่ละวันที่ท่านจะต้องซื้อมาไว้รับประทานอีกด้วย เราจึงมีขั้นตอนและวิธีการทำรวมถึงส่วนผสมที่ใช้ในการทำเมนูดังกล่าว มาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกัน 

พายมะพร้าวอ่อน
พายมะพร้าวอ่อน เมนูพายหวานมันละมุน

ส่วนผสมที่สำคัญของการทำพายมะพร้าวอ่อน

สำหรับส่วนผสมที่สำคัญของการทำ พายมะพร้าวอ่อน มีส่วนผสมหลักในการทำแป้ง ได้แก่

– แป้งสาลีอเนกประสงค์ ปริมาณ 400 กรัม

– น้ำตาลไอซิ่ง ปริมาณ 20 กรัม

– เกลือป่น ปริมาณ 1 ช้อนชา

– เนยสดจืด ปริมาณ 60 กรัม

– เนยขาว ปริมาณ 70 กรัม

– ไข่แดง จำนวน 2 ฟอง

– น้ำเย็นจัดปริมาณ 1/4 ถ้วย

– น้ำส้มสายชูปริมาณ 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสมในการทำไส้มะพร้าวอ่อน

– มะพร้าวอ่อน ปริมาณ 1/2 ถ้วย

– น้ำมะพร้าว ปริมาณ 1/2 ถ้วย

– แป้งข้าวโพด ปริมาณ 1/4 ถ้วย

– เนื้อมะพร้าวอ่อน ปริมาณ 400 กรัม- นมข้นจืดหรือนมสดปริมาณ 1/4 ถ้วย

– น้ำตาลทราย ปริมาณ 1/4 ถ้วย

– นมข้นหวาน ปริมาณ 1/3 ถ้วย

– เกลือ ปริมาณ 1 ช้อนชา เป็นส่วนผสมหลักในการทำพายเบเกอรี่

พายมะพร้าวอ่อน
พายมะพร้าวอ่อน เมนูพายหวานมันละมุน

ขั้นตอนและวิธีการทำพาย ไส้มะพร้าวอ่อนยอดนิยม

สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำ พายมะพร้าวอ่อน ยอดฮิตที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจในปัจจุบันนั้นมีขั้นตอนและวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นขนมเบเกอรี่ที่บอกได้เลยว่าทำง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนเมนูอื่น ๆ อย่างแน่นอน มีขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้

  1. ขั้นตอนแรกร่อนแป้งอเนกประสงค์รวมกับน้ำตาลไอซิ่งและใส่เกลือลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่เนยสดกับเนยขาวผสมลงไปในแป้งคลุกเคล้าจนมีลักษณะเป็นเม็ดทรายเล็ก ๆ 
  2. นำไข่แดงกับน้ำส้มสายชูและน้ำเย็นจัดผสมผสานคลุกเคล้าให้เข้ากัน และค่อย ๆ ทยอยเทลงไปในส่วนผสมของแป้งที่ได้ทำไว้ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 เมื่อแป้งจับเป็นก้อนแล้วให้กดลงเบา ๆ แต่ไม่ต้องนวดเพราะถ้าหากนวดจะทำให้แป้งเหนียวจนเกินไป
  3. หลังจากนั้นนำพลาสติกหรือที่ถนอมอาหารมาปิดก้อนแป้งไว้พักในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
  4. ทำไส้พายโดยนำน้ำมะพร้าวผสมกับแป้งข้าวโพดและพักทิ้งไว้ หลังจากนั้นใช้หม้อตั้งไฟระดับปานกลางและเทน้ำมะพร้าวลงไป
  5. เมื่อน้ำมะพร้าวเดือดให้ทุกท่านใส่เนื้อมะพร้าวลงไป และเติมนมข้นจืดทันที ตามด้วยนมข้นหวานและน้ำตาลทรายกับเกลือ กวนจนให้ส่วนผสมทุกส่วนเข้าด้วยกัน และให้ท่านชิมรสชาติ ขั้นตอนนี้สามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามที่ชื่นชอบได้เลย เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้วให้ผสมน้ำมะพร้าวกับแป้งข้าวโพดในขั้นตอนก่อนหน้านี้เทลงไปและกวนจนเข้ากัน
  6. นำแป้งพายออกมาจากตู้เย็นหลังจากนั้นนวดประมาณ 1-2 นาที แบ่งแป้งพายออกเป็น 2 ส่วน ในปริมาณก้อนใหญ่ให้ทำฐานและแป้งก้อนเล็กให้ใช้คลุมแผ่นพาย
  7. คลี่แผ่นพายออกเป็นแผ่นบาง ๆ และใส่ส่วนผสมของไส้เข้าไปทันทีหลังจากนั้นให้ทุกท่าน นำแป้งอีกส่วนมาเป็นส่วนคลุมด้านบนของพาย กดขอบแป้งให้ติดกันนำไปทาด้วยไข่แดงจะช่วยทำให้มีสีสันสดใสมากยิ่งขึ้น
  8. เข้าตู้อบในอุณหภูมิ 225 องศาเซลเซียสประมาณ 30 นาทีแล้วลดอุณหภูมิลงเหลือ 180 องศาเซลเซียสอบต่อในปริมาณ 30 นาที หลังจากนั้นเป็นที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยสามารถนำมารับประทานได้เลย
Categories
ขนมไทย

ขนมหม้อเงินหม้อทอง ขนมไทยมงคลความหมายดี

ขนมไทย
ขนมหม้อเงินหม้อทอง ขนมไทยมงคลความหมายดี

ขนมหม้อเงินหม้อทอง นั้นมีความหมายว่า หม้อที่เต็มไปด้วยทอง จึงนับว่าเป็น ขนมไทย มงคลอีกหนึ่งชนิด มักนำไปให้คู่สมรสเพื่ออวยพรให้รักกันยาวนาน เงินทองไหลมาเทมา หรือเรียกว่ายิ่งกินยิ่งเสริมโชคให้รวยตามความเชื่อโบราณ และยังมีอีกหนึ่งชื่อคือขนมหม้อตาล มีลักษณะคล้ายหม้อดินเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ด้านในมีสันสวยงามจากน้ำตาลหวานละมุนเข้ากันดี ปัจจุบันนั้นหาทานได้ยากมาก เพราะขั้นตอนวิธีการทำนั้นค่อนข้างสลับซับซ้อนทำได้ยาก ทำให้ไม่นิยมทำขายกันเหมือนขนมชนิดอื่น ทำให้ขนมอย่างหม้อเงินหม้อทองถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ไม่เป็นที่รู้จักของเด็กรุ่นใหม่

ขนมไทย
ขนมหม้อเงินหม้อทอง ขนมไทยมงคลความหมายดี

วัตถุดิบในการทำขนมไทย หม้อตาล

ขนมไทย นั้นเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรม มีความประณีตพิถีพิถัน ที่ไม่เหมือนกับขนมของชาติอื่น อีกทั้งยังมีการคัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างดีจนทำให้ขนมนั้นอร่อยไม่แพ้เบเกอรี่ที่นิยมรับประทานกันในปัจจุบัน ขนมหม้อเงินหม้อทอง แม้จะเป็นขนมที่หาทานยาก แต่วัตถุดิบการทำนั้นหาได้ง่ายมากตามตลาด ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสำหรับขายอุปกรณ์ทำขนม สำหรับใครที่อยากลองทำ ไปดูวัตถุดิบของขนมชนิดนี้กันเลยค่ะ

ส่วนตัวหม้อเงินหม้อทอง

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 90 กรัม
  2. ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. น้ำ 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
  5. กะทิ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนตัวไส้ในหม้อ

  1. น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
  2. น้ำเปล่า 30 กรัม
  3. สีผสมอาหารตามชอบ 3 สี
  4. สารปรุงแต่งกลิ่นตามชอบ
  5. ขนมไทย
    ขนมหม้อเงินหม้อทอง ขนมไทยมงคลความหมายดี

    วิธีการทำขนมหม้อเงินหม้อทอง ขนมมงคล ทานเสริมโชคลาภ

    ขนมหม้อเงินหม้อทองนั้นมีวิธีการทำที่สลับซับซ้อน บางขั้นตอนนั้นคล้ายขนมกระเช้าสีดาที่มีรูปร่างคล้ายกัน ในอดีตนั้นใช้มือในการปั้นขนมชนิดนี้ให้เป็นรูปร่างหม้อดิน แต่ในปัจจุบันมีพิมพ์ในการทำเข้ามาช่วย ทำให้ง่ายและสะดวกขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ก็ยังต้องอาศัยความประณีตในการทำ สำหรับใครที่ยังไม่เคยทาน ขนมไทย มงคลชนิดนี้ เรามีสูตรการทำง่าย ๆ มาให้ทุกคนได้ลองทำตามกันนะคะ

    1. นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ กะทิ เกลือ ไข่แดงไข่ไก่ และน้ำเย็นใส่ลงไปในถ้วยตามลำดับ ใช้ไม้พายกวนให้เข้ากัน ตามด้วยการใช้มือนวดแป้งจนกว่าจะเนียนจับตัวเป็นก้อน พักไว้ 20 นาที โดยใช้ผ้าขาวบางหรือฟิล์มถนอมอาหารคลุมไว้กันแป้งแห้ง
    2. นำแป้งที่พักไว้มานวดเล็กน้อยแล้วปั้นเป็นก้อนกลม แล้วใช้มือบีบเป็นแผ่นบาง ๆ จับจีบให้เป็นรูปหม้อดินให้มีหลุมตรงกลาง ทำซ้ำจนกว่าแป้งที่เตรียมไว้จะหมด ในขั้นตอนนี้สำหรับใครที่มีพิมพ์ปั้นรูปหม้อตาลก็สามารถใช้ได้นะคะ
    3. นำแป้งที่ปั้นเสร็จแล้วไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศา เป็นเวลา 10 นาที เพื่อให้ตัวแป้งสุกและกรุบกรอบ
    4. ต่อกันที่ส่วนของไส้ขนม โดยใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำ สารแต่งกลิ่น และสีผสมอาหารเล็กน้อยลงไปในกระทะ เปิดไฟอ่อนใช้ช้อนคนจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละลายเข้ากันเป็นสีใสน่ารับประทาน แล้วตักใส่หม้อดินกรุบกรอบที่เราเตรียมไว้ทันที ทำซ้ำกับสีอื่น ๆ ที่ต้องการจนกว่าหม้อดินที่ปั้นไว้จะหมด พักให้เย็นจนส่วนของไส้จับตัวกันเป็นก้อน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นสามารถรับประทานได้เลย 

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สูตรทำ ขนมหม้อเงินหม้อทอง แบบง่าย ๆ ที่เราได้นำมาให้ทุกท่านได้ลองทำตามกันในวันนี้ ง่ายกว่าที่คิดใช่ไหมละคะ เพราะเป็นสูตรประยุกต์จากสูตรเดิมที่ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย หากใครมีพิมพ์หม้อตาลจะทำให้สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว แถมรูปร่างหน้าตาของขนมก็จะน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น หากใครได้ลองชิมแล้วต้องติดใจกันแน่นอนค่ะ จากรสชาติหวาน ๆ ของไส้ ห่อหุ้มด้วยแป้งกรุบกรอบด้านนอก เข้ากันได้ดีทีเดียวละค่ะ อย่าพลาดที่จะลองทำทานกันดูที่บ้านนะคะ ทำกินง่าย ๆ ทำขายก็ดีค่ะ

Categories
เบเกอรี่

เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม

เค้กกล้วยหอม
เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม

ในสังคมปัจจุบันนั้นการทานขนมหวานถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง เพราะผู้คนนิยมทานขนมหวานเนื่องจากมีรสชาติที่กลมกล่อมและเป็นอาหารที่ช่วยตัดความคาวของเมนูมื้ออาหารก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูขนมหวานที่ครองใจใครหลาย ๆ คนนั่นก็คือ เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม ซึ่งเป็นขนมที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีประโยชน์และมีกระบวนการขั้นตอนวิธีในการทำที่ค่อนข้างง่ายดาย สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องมีเตาอบด้วย ซึ่งเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนสูตรตามความชื่นชอบหรือสูตรของแต่ละบุคคล วันนี้เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายรายละเอียดให้ทราบกันเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำรวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการทำแต่ละขั้นตอน 

ถือได้ว่าเป็นขนมที่กำลังมาแรงและมีต้นทุนราคาในการผลิตที่ค่อนข้างประหยัดงบประมาณ สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานขนมและยังสามารถใช้ในการเชิงพาณิชย์ นั่นก็คือ ค้าขายหรือเปิดหน้าร้านเพื่อจำหน่ายได้เลย โดยมีสูตรและส่วนผสมที่ถูกคัดกรองมาอย่างยอดเยี่ยม รวมถึงเป็นสูตรที่ถูกปรับตามความชื่นชอบของผู้ที่นำสูตรไปปรับใช้ไปดูกันเลยว่าเขามีส่วนผสมและวัตถุดิบหลักอย่างไรบ้าง

เค้กกล้วยหอม
เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม

เค้กขนมไทยขึ้นชื่อในปัจจุบัน

ถ้าหากจะพูดถึงเค้กซึ่งเป็นขนมไทยที่ขึ้นชื่อในปัจจุบันนั้นคงจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยมเป็นเมนูที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยากโดยส่วนผสมสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป เป็นเค้กเบเกอรี่ที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติและเป็นผลไม้ที่จะช่วยทำให้ทุกท่านนั้นเอร็ดอร่อย และได้ความหอมของเนื้อผลไม้ที่ผสมผสานเข้ากับแป้งเค้ก 

กระบวนการและวิธีการผลิตที่ทำให้หอมประมูลเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกนุ่มลิ้นและมุมปากเป็นอย่างมากเหมาะสำหรับทุกท่านที่ชื่นชอบรับประทานขนมหวานและเป็นส่วนผสมของขนมไทย เขามีส่วนผสมหลักที่สำคัญนั่นก็คือ 

  • กล้วยหอมที่นำมาบดจนสุก ½ ถ้วย
  • นมสด 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา 
  • แป้งที่ใช้ในการทำเค้กแป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เนยเค็ม 250 กรัม 
  • น้ำตาลทราย ½ ถ้วย 
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา 

ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญในการทำเค้กกล้วยหอม ซึ่งขั้นตอนและวิธีการทำนั้นก็ไม่ยาก ดังนี้ 

  1. เปิดเตาอบหรือใช้หม้อนึ่งในอุณหภูมิประมาณ 175 องศาเพื่อเตรียมที่จะนำส่วนผสมของ ขนมนั้นเข้าไปอบจนสุก
  2. จากนั้นให้ทุกท่านนำกล้วยหอมที่ได้บทและกลิ่นวนิลาผสมประสานคลุกเคล้าให้เข้ากันตามด้วยแป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟู เบกกิ้งโซดา ผสมคลุกเคล้าด้วยกันตีเนยเค็ม
  3. นำตะกร้อมือนั้นมาตีให้ฟูจนกลายเป็นสีนวลขาว ทยอยใส่ส่วนผสมอย่างอื่นลงไปคลุกเขาทั้งสองอย่างให้เข้ากัน 
  4. หลังจากนั้นทิ้งไว้และเอาเข้าเตาอบประมาณ 15 ถึง 20 นาที เป็นที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยให้นำมาพักไว้และแกะออกจากพิมพ์อบหรือหม้อนึ่งได้ทันที
เค้กกล้วยหอม
เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม

เมนูเค้กจากผลไม้ตามฤดูกาล

สำหรับใครที่กำลังมองหาเมนูขนมหวานที่ใช้สำหรับรับประทานในมื้อว่างและสามารถรับประทานแทนข้าวได้นั้น เราอยากจะแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับเมนูเค้กจากผลไม้ตามฤดูกาล ก็คือ เค้กกล้วยหอมขนมหวานยอดนิยม ที่กำลังโด่งดังและเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีวัตถุดิบหลักและส่วนผสมในการทำที่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป ผลไม้ที่ใช้กันเป็นจำนวนมากนั้นก็คือกล้วยหอม ที่เป็นผลไม้ตามฤดูกาลและมีให้ทุกท่านได้ทำตลอดเวลา 

เหมาะสำหรับที่จะนำมาแปรรูปเพื่อทำ เบเกอรี่ จึงได้มีการ ดัดแปลงสูตรจนกลายมาเป็นขนมเค้กอย่างที่ทุกท่านได้ทราบการข้างต้นแล้ว เป็นเมนูที่บอกได้เลยว่าน่ารับประทานอย่างมากเพราะมีส่วนผสมของกล้วยหอมที่ทำให้รู้สึกละมุนลิ้นและอิ่มท้องสามารถรับประทานเป็นอาหารว่างในช่วงระหว่างมื้อกลางวันได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทานขนม

Categories
ขนมไทย

ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมไทยสมัยรัชกาลที่ 4

ขนมไทย
ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมไทยสมัยรัชกาลที่ 4

ขนมปลากริมไข่เต่า หรือชื่อเดิมคือ ขนมแชงม้า หรือขนมแฉ่งม้า นั้นเป็น ขนมไทย โบราณที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เลยทีเดียว หลักฐานชิ้นสำคัญก็คือเพลงกล่อมเด็กในสมัยนั้นที่มีการใช้ชื่อของขนมแชงม้าร่วมด้วย “โอ้ละเห โอ้ละหึก ลุกขึ้นแต่ดึกทำขนมแฉ่งม้า ผัวก็ตี เมียก็ด่า ขนมแฉ่งม้าก็คาหม้อแกง” ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนคงไม่คุ้นเคยเพลงกล่อมเด็กเพลงนี้ เพราะไม่นิยมนำมาใช้ในปัจจุบัน แต่อาจมีบางคนที่เคยรับประทานขนมไทยชนิดนี้แล้ว

ขนมไทย
ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมไทยสมัยรัชกาลที่ 4

วัตถุดิบการทำขนมปลากริมไข่เต่า การผสมผสานอย่างลงตัวของขนมไทยสองชนิด

ขนมไทยอย่างขนมปลากริมไข่เต่เป็นขนมที่ในอดีตเป็นขนมที่ทำรับประทานกันในวัง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นขนมสองชนิดนำมารวมกัน นั่นก็คือ ขนมปลากริม ที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวคล้ายปลา รสชาติหวาน ส่วนขนมไข่เต่านั้นจะมีลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ รสชาติเค็ม เมื่อนำขนมทั้งสองชนิดนี้มารวมกันก็จะเรียกกันว่า ขนมแซงม้า ซึ่งถือเป็นขนมไทยที่ผสมผสานขนมทั้งสองชนิดได้อย่างลงตัวมาก ๆ และหากใครอยากจะรับประทานก็คงต้องตามหากันยากเสียหน่อย ในวันนี้เราจึงได้นำสูตรวิธีการทำขนมไทยชนิดนี้มาให้ทุกคนได้ลองทำทานกันที่บ้านค่ะ แต่ก่อนอื่นต้องไปเตรียมวัตถุดิบกันก่อน ดังนี้

  1. แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
  2. แป้งมัน 250 กรัม
  3. น้ำเปล่า 3 ถ้วย แบ่งใส่สองครั้ง
  4. หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
  5. หางกะทิ 2 1/2 ถ้วย
  6. เกลือ 2/4 ช้อนชา แบ่งใส่สองครั้ง
  7. น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม
  8. น้ำตาลมะพร้าว 1 กิโลกรัม
  9. ใบเตยล้างสะอาด 1 – 2 มัด
ขนมไทย
ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมไทยสมัยรัชกาลที่ 4

ขั้นตอนการทำขนมปลากริมไข่เต่า

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย รวมถึง ขนมไทย ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นผู้แต่งตำราแม่ครัวหัวป่าก์ ตำราอาหารไทยฉบับแรกที่มีขึ้นมาให้เราได้ศึกษากันในปัจจุบัน ได้มีผู้นำขนมปลากริม และขนมไข่เต่ามาถวาย พร้อมกับบอกท่านผู้หญิงเปลี่ยนว่าขนมทั้งสองชนิดนี้ต้องทานคู่กัน จึงจะได้รสชาติหวาน และเค็มที่ตัดกันแล้วอร่อยลงตัว และเข้ากันมาก ๆ จนกลายเป็นขนมปลากริมไข่เต่าในปัจจุบัน ซึ่งวิธีการทำก็มีดังนี้

  1. ขั้นตอนแรกให้แบ่งแป้งข้าวเจ้าออก 1 ถ้วย และนำแป้งข้าวเจ้าที่เหลือ และน้ำใส่ลงไปในหม้อ คนให้ละลายเข้ากันจนมีเนื้อหนืด หลังจากนั้นเปิดไฟกลางแล้วกวนต่อเป็นเวลา 1 นาที ให้หวนตลอดนะคะ ป้องกันการไหม้ก้นหม้อ จากนั้นยกออกมาพักไว้
  2. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนใส่น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าเล็กน้อยลงไปในกระทะ เคี่ยวจนน้ำตาลเป็นคาราเมลสีเข้ม ค่อย ๆ ใส่น้ำเปล่าลงไปจนหมดในขณะที่กวน เพื่อคลายความร้อน จากนั้นเปลี่ยนเป็นไฟกลางแล้วใส่น้ำตาลมะพร้าวของเราลงไปกวนให้ละลาย เมื่อละลายหมดแล้วปิดไฟได้แล้วใส่ใบเตยลงไปเพิ่มกลิ่นหอม 
  3. ทำน้ำกะทิสำหรับทำไข่เต่า ด้วยการตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่กะทิลงไปแล้วรอให้เดือด และปิดไฟได้เลยค่ะ
  4. นำแป้งข้าวเจ้าที่พักไว้ในขั้นตอนที่ 1 แล้วทยอยใส่แป้งมัน และหัวกะทิลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเวลาประมาณ 20 – 30 นาที จนแป้งนุ่มเหนียวเล็กน้อย
  5. นำแป้งที่นวดเสร็จแล้วไปตั้งหม้อด้วยไฟอ่อน ใส่เกลือ และทยอยใส่หัวกะทิลงไปกวนต่อให้แป้งสุก และจับตัวเป็นก้อน หลังจากนั้นปิดไฟแล้วนำแป้งออกมาแบ่งเป็นสองส่วน
  6. เมื่อแป้งอุ่นแล้วนำแป้งทั้งสองส่วนมานวดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงจนจับตัวเป็นก้อนนิ่ม ๆ ในระหว่างนวดหากแป้งแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ
  7. ตั้งหม้อจนน้ำเดือด เตรียมพิมพ์ที่กดขนมปลากริมไข่เต่ามาไว้บนหม้อแล้วทำการกดแป้งที่นวดไว้ถูไปข้างหน้าในพิมพ์ให้แป้งนั้นเป็นรูปทรงเส้นสวยงามลงไปในหม้อ เมื่อเส้นสุกแล้วจะลอยขึ้นมา ให้เราช้อนแป้งออกมาลอยใส่ลงไปในน้ำกะทิที่เราต้มไว้ได้เลยค่ะ และทำซ้ำกับแป้งอีกหนึ่งส่วนที่เหลือ แต่ให้นำไปลอยกับน้ำคาราเมลนะคะ พักไว้ให้แป้งดูดน้ำทั้งสองอย่างให้เข้าเนื้อ และตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

เอแคลร์ ขนมหวานทำทานง่าย ทำขายปัง

เอแคลร์
เอแคลร์ ขนมหวานทำทานง่าย ทำขายปัง

เอแคลร์ เป็นเบเกอรี่ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ภาพจำของหลาย ๆ คนนั้น มักจะเป็นก้อนกลม ๆ สอดไส้ตรงกลาง แต่แท้ที่จริงนั้นเบเกอรี่ชนิดนี้มีชื่อว่า ชูครีม แต่เบอเกอรี่นี้จะมีรูปร่างเป็นทรงยาว แตกต่างกันเพียงรูปร่างภายนอกเพียงเท่านั้น ซึ่งชื่อของเบเกอรี่ขนมหวานชนิดนี้มีความหมายว่า “ฟ้าแล่บ” เป็นการเปรียบถึงความอร่อยของขนม ที่เพียงแค่ได้ลิ้มลองหยิบเข้าไปในปาก ตัวขนมก็จะละลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแล่บนั้นเอง

เอแคลร์
เอแคลร์ ขนมหวานทำทานง่าย ทำขายปัง

วัตถุดิบสำหรับทำเอแคลร์ เบเกอรี่ที่อร่อยราวฟ้าแล่บ

เหตุผลที่ทำให้หลายคนนั้นเข้าใจชื่อของขนม เอแคลร์ ผิดเพี้ยนไปก็เป็นเพราะว่า ในยุคที่มีการค้าขายกับฝรั่งเศสประเทศมากล้นเบเกอรี่ ได้มีการนำขนมหวานทั้งสองชนิดเข้ามาทำในประเทศไทย โดยมีคนไทยเข้าไปช่วยทำด้วย ต่อมาเมื่อการสอบถามถึงชื่อขนมแล้วได้คำตอบมาว่า “ชู อา ลาเครม์” และ “เอแคลร์” ซึ่งชื่อแรกนั้นค่อนข้างออกเสียงยาก จึงนิยมเรียกรวมกันว่าเอแคลร์

วัตถุดิบสำหรับทำตัวขนม

  1. เนยจืด ½ ถ้วย
  2. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
  5. ไข่ 4 ฟอง

วัตถุดิบสำหรับทำครีมขนม

  1. นมสด 1 ½ ถ้วย
  2. ไข่แดง 3 ฟอง
  3. แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
  5. สารแต่งกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

วัตถุดิบสำหรับเคลือบช็อกโกแลต

  1. ช็อกโกแลต 4 ออนซ์
  2. เฮฟวี่ครีม ½ ถ้วยตวง
เอแคลร์
เอแคลร์ ขนมหวานทำทานง่าย ทำขายปัง

ขั้นตอนการทำเบเกอรี่

ขนมหวานนาม เอแคลร์ เบเกอรี่ที่กรอบนอก นุ่มใน หวานละมุนไส้ที่สอดใส่ไว้ตรงกลาง ในปัจจุบันมักจะมีไส้ที่หลากหลาย พร้อมเคลือบด้วยช็อกโกแลต หรือหน้าต่าง ๆ อย่างสวยงาม น่ารับประทานเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เราจึงนำขั้นตอนการทำ ขนมหวานเคลือบช็อกโกแลต ที่มีรสชาติหวานตัดกับรสขมเล็กน้อยของช็อกโกแลต ซึ่งก็มีขั้นตอนการทำ ดังนี้ 

  1. ขั้นตอนแรกตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่เนย และน้ำลงไปต้มให้ละลายเข้ากัน ต่อด้วยการใส่เกลือ และแป้งอเนกประสงค์ ระหว่างนี้ให้ทำการคนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าแป้งจะเข้ากันเป็นก้อนกลม ผัดแป้งต่อไปสักพักเพื่อให้แป้งสุกระเหยความชื้น 
  2. นำแป้งออกมาพักไว้ให้เย็นลง คนเป็นระยะ ๆ โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที ระหว่างนี้ให้ตีไข่ใส่ทีละฟอง และคนจนแป้งเนียนดี
  3. วอร์มเตาอบด้วยอุณหภูมิ 220 องศา ระหว่างนี้ให้ทาเนยบาง ๆ ให้ทั่วถาดรองอบ
  4. นำแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรกใส่ถุงบีบ แล้วบีบเป็นชิ้น ๆ ใส่ถาดรองอบ โดยเว้นระยะห่างกันเล็กน้อย แล้วนำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 220 องศา เป็นเวลา 20 – 30 นาที หรือจนกว่าขนมจะพองตัวเป็นสีน้ำตาลทอง ด้านนอกแข็ง และด้านในแห้ง เสร็จแล้วให้นำออกจากเตาอบมาพักไว้ในตะแกรงให้เย็น
  5. ต่อมาทำเพรสตี้ครีม ด้วยการตั้งหม้อด้วยไฟกลาง เพื่ออุ่นนม และน้ำตาล ระหว่างนี้ให้ตีไข่แดง แป้งอเนกประสงค์ และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน จนมีเนื้อเนียน จากนั้นใส่ส่วนผสมที่อุ่นไว้ลงไปทีละครึ่ง และคนตลอดเวลา 
  6. นำส่วนผสมในขั้นตอนที่ 5 ลงไปต้มในหม้ออีกครั้ง คนให้เข้ากันจนร้อน และเนื้อสัมผัสมีความข้นเหนียว เสร็จแล้วนำออกจากเตา ใส่สารแต่งกลิ่นวานิลลาลงไปคนให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะคลุมด้วยฟิล์มห่ออาหาร แช่ไว้ในตู้เย็นจนเย็นสนิท
  7. ทำช็อกโกแลตเคลือบ โดยเริ่มจากการหั่นช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วอุ่นเฮฟวี่ครีมด้วยไฟอ่อน เสร็จแล้วยกออกจากเตา ใส่ช็อกโกแลตลงไปคนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน พักไว้ให้เย็นแล้วคนด้วยไม้พายเป็นครั้งคราว
  8. สุดท้ายจะเป็นขั้นตอนการประกอบขนม โดยใส่เพรสตี้ครีมที่เตรียมไว้ลงไปในถุงบีบปลายแหลม เจาะรูที่ตัวขนมด้วยมีด แล้วบีบเพรสตี้ครีมสอดไส้เข้าไปจนครบทุกชิ้น จากนั้นนำช็อกโกแลตมาเกลี่ยเคลือบให้ทั่ว นำไปแช่เย็นก่อนรับประทาน
Categories
ขนมไทย

ขนมตะโก้ข้าวโพด ขนมไทยหลากหน้า หวานมันกลมกล่อม

ตะโก้ข้าวโพด
ขนมตะโก้ข้าวโพด ขนมไทยหลากหน้า หวานมันกลมกล่อม

ขนมไทยที่เราได้นำสูตรมาแนะนำกันในวันนี้ เป็นขนมที่หลายคนนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะได้รับความนิยมทำขายกันอย่างมากในปัจจุบัน โดยนำมาปรับปรุงสูตรให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน้าของขนมตะโก้ ที่ถูกนำมาผสมผสานกับขนมไทยหลากหลายทั้งสาคู ทับทิมกรอบ ฝอยทอง หรือแม้แต่ผักผลไม้แบบไทย ๆ เช่น ข้าวโพด เผือก แห้ว เป็นต้น ทำให้เราได้เลือกรับประทานกันอย่างไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากลองทำทานเองกันดูสักครั้งก็ตามมาดูสูตรการทำ ตะโก้ข้าวโพด ของเรากันเลยค่ะ

ตะโก้ข้าวโพด
ขนมตะโก้ข้าวโพด ขนมไทยหลากหน้า หวานมันกลมกล่อม

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำตะโก้ข้าวโพด ขนมไทยที่ชื่อคล้ายกับมลายู

หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า ขนมไทยของเรานั้นมีหลากหลาย และบางอย่างนั้นยังถูกประยุกต์มาจากขนมของต่างชาติ ซึ่ง ตะโก้ข้าวโพด เองก็เหมือนจะมีที่มาจากมลายู เพราะมีขนมที่มีความคล้ายคลึงกันทั้งรูปร่างหน้าตาของขนม และชื่อที่ใช้เรียก โดยคนมาเลเซียนั้นจะเรียกกันว่า กูอิฮ์ ตาโก หรือ Kuih Tako นั้นเองค่ะ แต่ส่วนใหญ่นั้นจะทำจากแป้งถั่วเขียวผสมกับน้ำตาลทราย ตักใส่กระทงใบตองเหมือนอย่างที่ไทยในสมัยโบราณทำกัน สำหรับวัตถุดิบอื่น ๆ ในวันนี้ เราก็ขอแบ่งออกเป็นสองส่วนนะคะ

วัตถุดิบทำตัวขนม

  1. เมล็ดข้าวโพดหวาน 1 ถ้วย
  2. น้ำต้มใบเตย 3 ถ้วยตวง 
  3. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
  4. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง

วัตถุดิบทำหน้ากะทิ

  1. หัวกะทิ 3 + 1/2 ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนตวง
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. เมล็ดข้าวโพดสำหรับแต่งหน้าขนม
ตะโก้ข้าวโพด
ขนมตะโก้ข้าวโพด ขนมไทยหลากหน้า หวานมันกลมกล่อม

ขั้นตอนวิธีการทำขนมไทยในกระทงใบตอง หรือใบเตย

ในอดีตนั้นคนไทยมักจะนำใบของต้นต่าง ๆ นำมาทำเป็นภาชนะสำหรับใส่ขนมหวาน นอกจากจะเป็นการประยุกต์ใช้ที่ไม่เกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อมแล้ว ยังทำให้ตัวขนม ตะโก้ข้าวโพด ของเรานั้นได้กลิ่นหอมจากภาชนะธรรมชาติที่นำมาใช้อีกด้วย แต่หากใครหาวัสดุสำหรับทำภาชนะเหล่านี้ไม่ได้ก็สามารถเลือกใช้พิมพ์ภาชนะใส่ขนมที่มีขายกันทั่วไปใส่ขนมไทยของเราได้เลยนะคะ

  1. หลังจากที่เราเตรียมวัตถุดิบจนพร้อมแล้ว ให้ตั้งกระทะใส่น้ำต้มใบเตย น้ำตาลทราย แป้งข้าวเจ้าลงไปคนให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้เปิดเตาด้วยไฟอ่อน กวนเรื่อย ๆ จนเนื้อแป้งข้นเหนียว ห้ามหยุดกวน เพื่อป้องกันการไหม้ก้นกระทะ ตามด้วยการใส่เมล็ดข้าวโพดลงไปกวนต่อ เสร็จแล้วปิดเตา
  2. นำขนมที่เรากวนเสร็จแล้วตักใส่ลงไปในกระทงใบตอง หรือพิมพ์ภาชนะใส่ขนมตามชอบ โดยเหลือพื้นที่ด้านบนไว้เล็กน้อย เพื่อใส่หน้ากะทิ

ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการทำหน้ากะทิ โดยนำหัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทรายขาว และเกลือป่นลงไปคนให้เข้ากันในหม้อ จากนั้นเปิดเตาด้วยไฟอ่อน คนเรื่อย ๆ ให้เข้ากันดี จนมีเนื้อข้นหนืด จากนั้นปิดเตารอให้อุ่นเล็กน้อย แล้วตักหยอดลงไปบนตัวขนม ตามด้วยการนำเมล็ดข้าวโพดมาตกแต่งหน้าขนมตามชอบเป็นอันเสร็จสิ้น

Categories
เบเกอรี่

Palmier พายผีเสื้อกรุบกรอบ เคลือบด้วยน้ำตาลหวานฉ่ำ

พายผีเสื้อ
Palmier พายผีเสื้อกรุบกรอบ เคลือบด้วยน้ำตาลหวานฉ่ำ

กระแสรอยสักรูปผีเสื้อจากซีรี่ย์ Nevertheless มาแรงจนฉุดไม่อยู่ ทำเอาสาว ๆ หลายคนติดกันไปจนแทบไม่ได้นอน และมักจะใช้มุก “ไปดูผีเสื้อกันไหม” นี้หยอกล้อกันสนุกสนาน และในวันนี้สายขนมหวานชิค ๆ อย่างเราก็มีผีเสื้อด้วยเช่นกัน แต่เป็น พายผีเสื้อ หรือ Palmier พายกรุบกรอบ เคลือบด้วยน้ำตาลหวานฉ่ำ จากประเทศฝรั่งเศสที่มีรูปร่างคล้ายกับปีกของผีเสื้อ มาชวนสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ลองทำทานกันที่บ้านแบบง่าย ๆ หรือจะชวนเพื่อน ๆ หรือคนรักมาทานด้วยก็รับรองว่าอร่อยไม่อายใคร และไม่แพ้ร้านดัง ๆ เลยค่ะ

พายผีเสื้อ
Palmier พายผีเสื้อกรุบกรอบ เคลือบด้วยน้ำตาลหวานฉ่ำ

วัตถุดิบสำหรับทำพายผีเสื้อ น้อย แต่อร่อยมาก

พายผีเสื้อ Palmiers มักจะถูกเรียกด้วยหลาย ๆ ชื่อ เช่น ชื่อแรกที่หมายความว่าต้นปาล์ม จากลักษณะขนม , ชื่อ Butterfly หรือผีเสื้อ ที่มาจากลักษณะของขนมอีกเช่นเคย เป็นขนมหวานจากฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบในการทำเพียงไม่กี่อย่าง โดยใช้วิธีการพับทบสลับกันไปมาคล้าย ๆ กับวิธีการทำครัวซองค์ แล้วนำไปอบจนกรอบเหลือง กรุบน้ำตาลขณะรับประทาน หรือต้องบอกเลยว่าทานเพลินจนหยุดไม่อยู่เลยค่ะ สามารถนำไปทานเปล่า ๆ หรือทานกับชา กาแฟ ก็อร่อยเข้ากันแบบสุด ๆ แต่ก่อนจะไปลองทำนั้นเราไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำ พายผีเสื้อ ของเรากันเลยค่ะ

  1. แป้งพายชั้น ½ ปอนด์
  2. น้ำตาลทรายละเอียดขนาดเล็กที่สุด 300 กรัม
  3. เนยละลายสำหรับทาถาด
พายผีเสื้อ
Palmier พายผีเสื้อกรุบกรอบ เคลือบด้วยน้ำตาลหวานฉ่ำ

ขั้นตอนการทำพายรูปร่างน่ารัก

“ไปดูผีเสื้อกันไหม” จากซีรี่ย์ยอดนิยมในตอนนี้ คงต้องแปรเปลี่ยนไปเป็น “มาทำ พายผีเสื้อ ด้วยกันไหม” ด้วยวิธีการทำง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ที่บ้าน จะทำทานเองคนเดียว หรือจะชวนคู่รักมาทำร่วมกันก็ช่วยสานความสัมพันธ์แบบน่ารัก ๆ จากขนมชิ้นจิ๋ว แสนอร่อย ที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ ทั้งยังสามารถทำเก็บไว้รับประทานได้นานเป็นอาทิตย์ โดยยังคงความกรอบเอาไว้ได้ค่ะ

  1. ขั้นตอนแรกวอร์มเตาอบทิ้งไว้ที่อุณหภูมิ 215 องศา และทาเนยที่ถาดเตรียมไว้ จากนั้นใช้ไม้นวดแป้งคลึงรีดให้แป้งพายชั้นมีขนาด ½ เซนติเมตร และตัดด้านข้างออก เพื่อให้เป็นทรงสวยงาม ไม่หยัก
  2. นำน้ำตาลละเอียดมาโรย และเกลี่ยให้ทั่วทั้งสองด้านของแผ่นแป้ง เสร็จแล้วทำการพับแป้งด้านซ้าย และด้านขวา ด้านละสองทบ เพื่อให้มาบรรจบกันตรงกลางได้พอดี เพื่อให้เป็นรูปทรงผีเสื้อสวยงาม จากนั้นใช้แผ่นถนอมอาหารห่อหุ้ม ไปพักไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 10 นาที เพื่อให้เซตตัว
  3. เมื่อพักไว้จนครบเวลาแล้วให้นำออกมาจากแผ่นถนอมอาหาร และตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร ใช้แปรงทาน้ำเปล่าเล็กน้อยมาทาให้ทั่วตัวขนม ต่อด้วยการนำไปคลุกด้วยน้ำตาลอีกที และนำไปวางเรียงไว้ในถาดสำหรับอบ ที่ทาไว้ด้วยเนย 
  4. นำขนมเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 215 องศา เป็นเวลา 15 – 20 นาที (เมื่อครบ 7 นาทีแล้วให้นำออกมากลับด้าน แล้วนำเข้าไปอบต่อ เพื่อให้ขนมสุกเท่ากันทั้งสองด้าน) เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้บนตะแกรงให้เย็น และเก็บใส่ภาชนะที่ไม่มีอากาศเข้าถึง หรือหากใครจะทานเลยก็สามารถจัดใส่จานรับประทานได้เลย