Categories
ขนมไทย

ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

ขนมไทยโบราณ คือ ขนมที่รับประทานกันในประเทศไทยในสมัยก่อน มีความเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ทั้งความประณีต พิถีพิถัน ส่งผลให้มีรูปร่าง และสีสันที่สวยงามน่ารับประทาน ความอร่อยหวานละมุน จึงถูกส่งต่อสืบทอดวิธีการทำกันมารุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน ให้เราได้รู้จัก ลองรับประทาน หรือแม้แต่ทำทาน และทำขายสร้างอาชีพ ซึ่งแต่เดิมนั้นขนมส่วนใหญ่จะประกอบด้วยวัตถุดิบหลักเพียง 3 อย่างเท่านั้น ได้แก่ น้ำตาล แป้ง กะทิ และน้ำตาล ล้วนเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายทั่วไป

ทำความรู้จักขนมไทยโบราณนาม ขนมชั้น 

ขนมชั้น เป็นขนมไทยโบราณที่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในยุคสมัยใด แต่เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่มีประเทศไทยมีการติดต่อซื้อขายกับต่างประเทศ และได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน รวมถึงการนำขนมต่างชาติมาดัดแปลงให้กลายเป็นของหวานไทย เพื่อให้สามารถทำได้ง่าย และถูกปากคนไทยมากขึ้น ซึ่งขนมชนิดนี้ก็สามารถพบเห็นได้ในประเทศต่าง ๆ เช่น มาเลเซีย เรียกกันว่า KUEH LAPIS มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันกับขนมของไทย จึงถือเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ

ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

หน้าตา เนื้อสัมผัส และรสชาติของขนม

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็น และเคยรับประทานขนมไทยโบราณอย่างขนมชั้นกันมาบ้างแล้ว เพราะขนมรูปร่างสี่เหลี่ยม สลับสับเปลี่ยนกันเป็นชั้น ๆ ตามชื่อ เนื้อสัมผัสมีความเนียน เหนียว นุ่ม เวลารับประทานสามารถทานได้เลยทั้งชิ้น หรือจะลอกออกมาเป็นแผ่นบาง ๆ รับประทานทีละชั้นก็ได้ความอร่อยที่แตกต่างกัน โดยขนมหวานชนิดนี้จะมีรสชาติที่หวาน แต่ไม่เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เพราะในแต่ละชั้นนั้นจะแฝงไปด้วยรสชาติ และเนื้อสัมผัสของขนมที่แตกต่างกัน สามารถทานได้เพลิน ๆ ไม่มีเบื่อเลยสักนิด

ความเชื่อของคนไทยที่มีต่อขนมชั้น

ในอดีตนิยมทำขนมชั้นใช้ประกอบในพิธีสำคัญ ๆ เช่น งานฉลองยศ งานมงคลสมรส เนื่องจากเป็นขนมไทยมงคลที่ชื่อมีความหมายดี ซึ่งสื่อความหมายถึงระดับขั้นยศตำแหน่ง จึงนิยมทำชั้นขนมไทยโบราณชนิดนี้มากถึง 9 ชั้น เพราะเลข 9 หมายถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือแม้แต่ในพิธีมงคลก็ถูกจัดอยู่ในขนมที่ประกอบอยู่ในพิธีขันหมากอีกด้วย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว จากความเชื่อที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เป็นขนมที่ไม่เคยถูกลืมเลือน หรือจางหายไปตามกาลเวลา 

ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

ประโยชน์ของขนมชั้น 

การรับประทานขนมไทยนั้นมีประโยชน์ และดีต่อสุขภาพ ไม่แพ้อาหารเสริมมากมายที่เราหามารับประทานเลยทีเดียว โดยเฉพาะขนมชั้นที่ใช้วัตถุดิบในการทำ รวมถึงสีสันที่มาจากธรรมชาติล้วน ๆ เช่น สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากอัญชัน ดังนั้น จึงมีสารอาหารมากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และวิตามินต่าง ๆ สามารถช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงมากขึ้นได้ อีกทั้งยังไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ นอกจากที่เราจะได้รับความอร่อยจากการรับประทานขนมไทยโบราณแล้ว ยังได้รับประโยชน์มากมายอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่างขนมชั้นในปัจจุบัน และในอดีต

หากจะให้บอกเล่าถึงความแตกต่างของขนมชั้นในอดีต และในปัจจุบัน จะขอเริ่มจากการรับประทาน แต่เดิมนั้นไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทานได้ในทุก ๆ วัน หรือในทุกเวลาที่อยากทาน เพราะจะมีการทำขนมไทยโบราณนี้แค่เพียงในงานมงคลต่าง ๆ เท่านั้น เนื่องจากขั้นตอนการทำนั้นค่อนข้างใช้เวลานาน แต่ในยุคปัจจุบันที่มีอุปกรณ์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก และวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายทั่วไป จึงสามารถทำขนมโบราณได้ง่าย และรวดเร็ว รวมทั้งยังสามารถนำพิมพ์ขนมมาใช้เพื่อทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ ให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำขนมชั้น

สำหรับวัตถุดิบในการทำขนมไทยโบราณ หรือขนมชั้น ส่วนใหญ่นั้นจะใช้กะทิ และแป้ง 3 – 4 ชนิด ตามแต่สูตรขนมที่ใช้ ซึ่งแป้งแต่ละชนิดนั้นจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสของขนมที่แตกต่างกัน เช่น แป้งท้าวยายม่อม ทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม มีความเหนียว หนืด ใส , แป้งมัน ทำให้เนื้อขนมเนียน เหนียว และแข็งเล็กน้อย , แป้งข้าวเจ้า ช่วยให้เนื้อขนมแข็ง และอยู่ตัว หากใครไม่สามารถหาแป้งท้าวยายม่อมวัตถุดิบสำคัญได้ก็สามารถใช้แป้งถั่วเขียวแทน เพราะจะเข้ามาช่วยให้ขนมอยู่ตัว ไม่เหนียวจนเกินไป 

วัตถุดิบในการทำขนมชั้น

  1. น้ำใบเตยคั้นสด 1 ถ้วยตวง
  2. หัวกะทิ 700 มิลลิลิตร
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  5. แป้งมัน 1 1/2 ถ้วยตวง.
  6. แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
  7. แป้งท้าวยายม่อม 1/3 ถ้วยตวง
ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

ขั้นตอนวิธีการทำขนมชั้น

  1. ขั้นตอนแรกใส่หัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปในหม้อ คนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วเปิดไฟอ่อน ระหว่างนี้ให้ค่อย ๆ คนให้ส่วนผสมละลายจนเริ่มเดือด แล้วปิดไฟพักไว้
  2. ใส่แป้งมัน แป้งมัน แป้งท้าวยายม่อมลงไปในชามผสม คนให้เข้ากันแล้วทยอยเทน้ำกะทิที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 ลงไป คนต่อให้เข้ากันจนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรงใส่ชามผสมอีกใบ
  3. แบ่งส่วนผสมที่เตรียมไว้เป็นสองถ้วยเท่า ๆ กัน จากนั้นเติมน้ำใบเตยลงไปในถ้วยอีกใบแล้วคนผสมให้เข้ากัน
  4. เตรียมพิมพ์สี่เหลี่ยม ทาน้ำมันให้ทั่วเพื่อไม่ให้ขนมติดพิมพ์ และนำพิมพ์ไปนึ่งโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วตักส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปบาง ๆ เป็นชั้นใบเตยชั้นที่ 1 ปิดฝานึ่งต่อเป็นเวลา 5 นาที แล้วตักเนื้อแป้งสีขาวใส่ลงไปบาง ๆ อีกหนึ่งชั้น นึ่งต่อเป็นเวลา 6 นาที ตามด้วยชั้นที่สามสลับสีกันเป็นชั้น ๆ โดยเพิ่มระยะเวลาการนึ่งชั้นละ 1 นาที จนครบทุกชั้น
  5. เมื่อขนมชั้นสุกทั่วทุกชั้นแล้ว ให้นำมาพักไว้ให้เย็นก่อนนำออกจากพิมพ์ ตัดขนมไทยโบราณแบ่งออกเป็นชิ้น ๆ ขนาดตามชอบได้เลย
ขนมไทยโบราณ
ขนมชั้น ขนมไทยโบราณในงานมงคล

เคล็ดลับในการทำขนมชั้น

ขนมชั้นที่อร่อยนั้นต้องไม่เหนียวจนเป็นยางยืด เพราะการที่เหนียวจนเกินไปจะทำให้ขาดอรรถรสในการรับประทานขนมไทยโบราณเมนูนี้ เราจึงขอบอกต่อเคล็ดลับในการทำเพื่อให้ขนมหวานออกมาอร่อยมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญในการทำข้อแรกคือการคนส่วนผสมทุกครั้งก่อนจะตักใส่ลงไปในพิมพ์ เพราะแป้งจะนอนอยู่ก้นชามทำให้ขนมหวานของเราเหนียมนุ่ม ต่อมาคือการรอคอยให้แป้งในแต่ละชั้นสุกก่อนจะใส่ชั้นต่อไป หากขนมชั้นแรกไม่สุก จะทำให้ชั้นต่อไปพาลไปสุกตามกันไปด้วย โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับปริมาณของแป้งที่ใส่ลงไปในแต่ละชั้น วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ เมื่อสุกแล้วเนื้อขนมจะมีความใสเงาน่ารับประทาน

บทสรุป

หลังจากได้เรียนรู้วัตถุดิบและวิธีการทำขนมไทยโบราณที่มีชื่อว่า ขนมชั้น กันไปแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสามารถนำสูตรนี้ไปทำทานเองที่บ้านได้โดยง่าย หรือจะนำไปต่อยอดทำขนมขายสร้างอาชีพได้ เพราะเป็นขนมไทยที่สามารถหาวัตถุดิบได้ทั่วไป แถมยังมีรสชาติอร่อยถูกปาก สามารถนำไปทำเป็นของว่างทานเล่น ขนมเบรก ของกินเล่นเพลิน ๆ เรียกว่าทำทานง่าย แถมทำขายคล่องเลยทีเดียวค่ะ 

Categories
เบเกอรี่

พายสับปะรด กรอบนอกนุ่มใน ขนมรับประทานระหว่างวัน

พายสับปะรด
พายสับปะรด กรอบนอกนุ่มใน ขนมรับประทานระหว่างวัน

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าขนมที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันนั้น เป็นขนมที่สามารถรับประทานได้ง่ายและหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พายสับปะรดเป็นขนมปังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีผู้คนซื้อมารับประทานในช่วงกลางวันหรือช่วงที่มีอาการหิว เป็นขนมที่ทานแล้วอิ่มท้อง เก็บไว้ทานได้อีกหากรับประทานไม่หมด เพราะมีแพ็คเกจที่เก็บง่าย ประหยัดพื้นที่ และไม่เปื้อนมืออีกด้วย

โดยในปัจจุบันจากการสำรวจนั้นสินค้าที่ขายดีมากที่สุดในร้านค้าคงจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก พายสับปะรด ขนมยอดนิยมสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นเมนูที่รับประทานง่ายและมีความอร่อยค่อนข้างสูง ผู้คนจึงนิยมซื้อมารับประทานกันในช่วงเวลาที่เร่งรีบ เหมาะสมหรับผู้ที่มีภารกิจในช่วงเช้า ไม่มีเวลารับประทานอาหารในมื้อเช้าต้องอาศัยขนมปังหรือเบเกอรี่ เพื่อทำให้ลดอาการหิวระหว่างวันและเป็นการรับประทานขนมรองท้องที่จะช่วยทำให้มีพลังงานในการทำงานในแต่ละวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากทุกท่านสามารถทำเมนูขนมดังกล่าวได้ด้วยตนเอง จะช่วยลด การใช้จ่ายในแต่ละวันหรือค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณและเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ในวันนี้เรามีขั้นตอนและวิธีการเกี่ยวกับการทำพายสับปะรด มาแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบกัน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบหลัก ส่วนผสมที่สำคัญในการทำพาย วิธีการทำแป้งพายที่สมบูรณ์แบบ และการนำส่วนผสมทุกอย่างมารวมกัน จะช่วยทำให้ภายในนั้นมีความอร่อยกรอบนอกนุ่มในมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลยว่ามีวัตถุดิบหลักที่สำคัญรวมถึงขั้นตอนในการปฏิบัติได้อย่างไร

พายสับปะรด
พายสับปะรด กรอบนอกนุ่มใน ขนมรับประทานระหว่างวัน

ส่วนผสมหลักที่สำคัญในการทำขนมปังไส้สับปะรด

ส่วนผสมหลักที่สำคัญที่จะช่วยทำให้ทุกท่านนั้นสามารถทำพายสับปะรดได้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น มีส่วนผสมที่สำคัญอยู่ไม่กี่อย่างแต่จะต้องใช้การจดจำที่แม่นยำ รวมถึงต้องใช้สติและสมาธิในการลงมือทำอาหารเสมอ ไปดูกันเลยว่ามีวัตถุดิบหลัก และส่วนผสมที่สำคัญในการทำเมนูดังกล่าวนี้อย่างไรบ้าง

– เนื้อสับปะรด ปริมาณ 500 กรัม (เป็นเนื้อที่บดละเอียดเรียบร้อยแล้ว)

– น้ำตาลทรายขาว ปริมาณ 90 กรัม

– เกลือป่น ปริมาณ 1/4 ช้อนชา

– เนยสด ปริมาณ1/2 ช้อนโต๊ะ หรือหากท่านใดไม่มีก็สามารถยกเว้นในการใส่ส่วนผสมดังกล่าวนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน

– แป้งสาลีอเนกประสงค์ ปริมาณ 120 กรัม

– ผงฟู ปริมาณ 1/8 ช้อนชา

– นมผง ปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ

– ไข่แดงสำหรับทาหน้าพาย

– ไข่ไก่ จำนวน 1 ฟอง

– กลิ่นวนิลา จำนวน 1 ช้อนชา

– น้ำตาลไอซิ่ง ปริมาณ 25 กรัม

ทั้งหมดข้างต้นเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำพายสับปะรด เบเกอรี่ ที่ทุกท่านสามารถทำเองที่บ้านได้อย่างแน่นอน 

พายสับปะรด
พายสับปะรด กรอบนอกนุ่มใน ขนมรับประทานระหว่างวัน

ขั้นตอนและวิธีการทำพาย เมนูยอดนิยมในปัจจุบัน

สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำพายสับปะรดเมนูขนมเบเกอรี่ทำได้อย่างง่ายดายโดยจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ขั้นตอนแรกจะเป็นการทำไส้สับปะรดโดยให้ทุกท่านนั้นนำหม้อมาตั้งในไฟปานกลาง เติมน้ำตาลทรายขาวและเกลือป่นลงไปผสมผสานให้เข้ากันอย่างดี หลังจากนั้นนำสับปะรดมากวนให้เกิดความเหนียวในหม้อ ปิดไฟและใส่เนยลงไปกวนส่วนผสมทุกอย่างให้คลุกเคล้าเข้ากันเป็นอย่างดี
  2. ขั้นตอนการทำแป้งพาย โดยให้ทุกท่านนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงไปในเครื่องปั่นอาหารปั่นจนละเอียด และนำออกมาห่อด้วยพลาสติกที่ช่วยในการถนอมอาหาร เมื่อทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยนำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที นำออกมารีดเป็นแผ่นบาง ๆ ความหนาประมาณ 1 ส่วน 4 นิ้ว
  3. ทำแป้งพายให้เป็นรูปกังหันและวางไส้สับปะรดลงไปกึ่งกลาง จากนั้นยกมุมของแป้งขึ้นเพื่อปิดให้ไส้สับปะรดไม่ไหลออกมา ทาไข่แดงบนหน้าพาย
  4. นำแป้งเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลาประมาณ 15 นาที เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยสำหรับการทำพายที่ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็มีขนมเบเกอรี่ไว้รับประทานระหว่างวันเป็นที่เรียบร้อย
Categories
ขนมไทย

ขนมข้าวเหนียวแก้ว เปลี่ยนข้าวเหนียวธรรมดาเป็นขนมไทยมงคล

ขนมข้าวเหนียวแก้ว
ขนมข้าวเหนียวแก้ว เปลี่ยนข้าวเหนียวธรรมดาเป็นขนมไทยมงคล

เมนูขนมไทยที่เราได้หยิบยกมานำเสนอให้ทุกคนได้ลองทำตามกันในวันนี้ คือขนมไทยที่ทำจากข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบหลักมารังสรรค์จนกลายเป็นขนมไทยที่มีรสชาติหวาน มัน เค็มนิด ๆ กลมกล่อมแบบสุด ๆ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของกะทิ งาขาวคั่ว และใบเตยในขณะที่รับประทาน ขนมชนิดนี้คือ ขนมข้าวเหนียวแก้ว ในอดีตนั้นนิยมทำรับประทานกันในช่วงเทศกาลงานบุญต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน ประเพณีปอยหลู่ข้าวหย่ากู๊ (ประเพณีของชาวไทใหญ่ ที่ทำการเกษตร จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงบุญคุณของข้าว จึงมักจะนำขนมชนิดนี้มาทำเป็นส่วนหนึ่งของประเพณี แต่ส่วนใหญ่จะทำขนมข้าวเหนียวแดง

ขนมข้าวเหนียวแก้ว
ขนมข้าวเหนียวแก้ว เปลี่ยนข้าวเหนียวธรรมดาเป็นขนมไทยมงคล

วัตถุดิบในการทำข้าวเหนียวแก้วมีเพียงไม่กี่ชนิด

ขนมข้าวเหนียวแก้วเป็นขนมไทยที่ทำจากวัตถุดิบหาง่าย เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น จึงเป็นขนมไทยที่เราสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน สำหรับข้าวเหนียวที่นำมาใช้นั้นจะเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงูกลางปี หรือข้าวเหนียวเก่า เพราะจะทำให้เม็ดข้าวนั้นออกมาสวย ไม่แตกหักง่าย แต่ก็ต้องอาศัยการล้างหลายครั้ง และหากใครชื่นชอบสีอื่น ๆ นอกจากสีเขียวของใบเตยก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสีอื่น ๆ ได้ตามชอบเลยค่ะ 

  1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเก่า 1 กก.
  2. กะทิ 1000 มิลลิลิตร
  3. น้ำตาลทรายขาว 700 กรัม
  4. น้ำใบเตย 150 มิลลิลิตร
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. งาขาวคั่วตามชอบ
ขนมข้าวเหนียวแก้ว
ขนมข้าวเหนียวแก้ว เปลี่ยนข้าวเหนียวธรรมดาเป็นขนมไทยมงคล

ขั้นตอนวิธีการทำขนมไทยสีสันสวยงาม

สำหรับขั้นตอนวิธีการทำขนมไทยสีสันสวยงาม รังสรรค์ได้ตามชอบอย่าง ขนมข้าวเหนียวแก้วนี้ ต้องขอบอกเลยว่าสามารถทำได้ง่ายมาก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการทำที่นานเสียหน่อย จึงเหมาะกับคนที่มีเวลาว่างจริง ๆ หรือหากใครจะแช่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูทิ้งไว้ก่อนทำก็ได้นะคะ เพื่อลดเวลาในการทำลงไป หากใครอยากลองทำขนมไทยชนิดนี้กันแล้ว มาดูวิธีการทำแบบง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกันเลยค่ะ

  1. เริ่มต้นจากการนำข้าวเหนียวเขี้ยวงูไปล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 3 – 4 รอบ หรือจนกว่าน้ำที่ใช้ล้างจะใส เสร็จแล้วแช่น้ำทิ้งไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  2. เมื่อแช่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูในน้ำไว้จนครบเวลาแล้ว ให้เตรียมหม้อนึ่งให้ร้อน และห่อข้าวเหนียวเขี้ยวงูด้วยผ้าขาวบางก่อนนำไปนึ่งเป็นเวลา 40 นาที
  3. ใส่กะทิ เกลือป่น และน้ำตาลทรายขาวลงไปในชามผสมแล้วคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี (ในขั้นตอนนี้ให้ลองชิมน้ำกะทิดูนะคะ หากต้องการเพิ่มรสชาติก็สามารถเติมได้เลย)
  4. นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่นึ่งสุกแล้วใส่ลงไปในชามผสม ใช้ทัพพีเกลี่ยเล็กน้อยให้เนื้อข้าวเหนียวเขี้ยวงูไม่จับตัวกันจนเกินไป จากนั้นใส่น้ำกะทิลงไปคนให้เข้ากันได้เลย เสร็จแล้วปิดฝาชามผสมพักไว้ประมาณ 30 นาที
  5. ใช้ทัพพีคนให้ข้าวเหนียวเข้ากันแล้วใส่น้ำใบเตยลงไปเพิ่มสีสัน และคนให้เข้ากันอีกครั้ง 
  6. ใส่ส่วนผสมของขนมข้าวเหนียวแก้วที่เตรียมไว้ลงไปในหม้อ จากนั้นเปิดเตาด้วยไฟอ่อน ใช้ทัพพีกวนตลอดเวลาจนกว่าเนื้อขนมจะแห้ง เพื่อป้องกันเนื้อขนมไหม้ติดก้นหม้อค่ะ เมื่อเนื้อขนมแห้งได้ที่แล้วให้ปิดเตา ตักออกมาพักไว้ให้เย็น จากนั้นจึงนำไปตักใส่ภาชนะตามชอบ โรยด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเสร็จสิ้น
Categories
เบเกอรี่

บราวนี่โกโก้ เบเกอรี่เนื้อหนึบ รสชาติเข้มข้น

บราวนี่โกโก้
บราวนี่โกโก้ เบเกอรี่เนื้อหนึบ รสชาติเข้มข้น

ในปัจจุบันนี้ขนมหวานถือได้ว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมหวานที่ช่วยเพิ่มพลังงานและให้น้ำตาลในแต่ละวันแก่ผู้ที่บริโภค บางท่านจะต้องรับประทานขนมหวานเป็นประจำทุกวันเพื่อที่จะทำให้ร่างกายสดชื่น พร้อมที่จะทำงานตลอดทั้งวัน และยังเป็นขนมหวานที่ให้ทุกท่านรับประทานหลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็น

เพราะเป็นขนมหวานที่ช่วยทำให้เกิดความสดชื่น และนุ่มลิ้นละมุนปากอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมหวานที่เราจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันในวันนี้ เป็นเมนูยอดฮิตที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจและมีวางขายตามท้องตลาดทั่วไป พร้อมทั้งมีกระแสนิยมในโลกโซเชียลและสื่อออนไลน์ คงจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก บราวนี่โกโก้ เมนูของหวานที่กำลังโด่งดังและฮิตในปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้คนให้ความสนใจและหาซื้อมารับประทานกันเป็นจำนวนมาก โดยเป็นเมนูขนมหวานที่บอกได้เลยว่าเมื่อทุกท่านรับประทานแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน 

มีรสชาติที่กลมกล่อม และมีความเข้มข้นของโกโก้ที่บอกได้เลยว่าเมื่อตัดเข้าไปคำแรกทุกท่านจะต้องติดใจ และยังมีส่วนผสมหลัก ที่ใส่เนยแท้มีความหอมละมุน จึงเป็นเมนูขึ้นชื่อในปัจจุบัน และวันนี้เราจะพาทุกท่านมาทราบถึงรายละเอียด ส่วนผสม วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำ ว่ามีสูตรเทคนิคเคล็ดลับอะไรบ้าง ที่จะช่วยทำให้เมนูดังกล่าวนี้ อร่อยครบสูตร ไปดูกันได้เลย

บราวนี่โกโก้
บราวนี่โกโก้ เบเกอรี่เนื้อหนึบ รสชาติเข้มข้น

วัตถุดิบในการทำบราวนี่โกโก้ ขนมหวานเมนูยอดนิยม

บราวนี่โกโก้ เมนูที่กำลังโด่งดังและผู้คนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเมนูที่มีความอร่อยและสามารถเก็บไว้รับประทานได้หลายวัน ซึ่งเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับส่วนผสมและขั้นตอนในการทำ โดยส่วนผสมหลัก ได้แก่

  1. ไข่ไก่ จำนวน 2 ฟอง หรืออยู่ในปริมาณ 70 กรัมต่อ 1 ฟอง
  2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ปริมาณ 75 กรัม
  3. เนยจืดในปริมาณ 135 กรัม
  4. น้ำตาลทรายปริมาณ 180 กรัม
  5. ผงโกโก้ปริมาณ 20 กรัม
  6. เกลือป่น 
  7. ช็อคโกแลต ประมาณ 165 กรัม หรือตามความชื่นชอบของทุกท่าน

จากทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นวัตถุดิบและส่วนผสมหลักที่ใช้ในการทำเมนูบราวนี่ พร้อมกับการผสมผสานระหว่างโกโก้และช็อกโกแลต ยิ่งจะช่วยทำให้บราวนี่มีความหอมและความหนึบ เป็นขนมเบเกอรี่ที่ขึ้นชื่อในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ทุกท่านสามารถหาวัตถุดิบและส่วนผสมได้ตามร้านค้าทั่วไป และห้างสรรพสินค้าทั่วไป พร้อมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนสูตรการทำและปริมาณส่วนผสมได้ตามความชื่นชอบของตนเองได้เลย 

บราวนี่โกโก้
บราวนี่โกโก้ เบเกอรี่เนื้อหนึบ รสชาติเข้มข้น

ขั้นตอนการทำบราวนี่ยอดนิยม รสชาติอร่อยที่สุด

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว ขนมที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันนั่นก็คือ บราวนี่โกโก้ ขนมยอดฮิตและมีกระแสนิยมในโลกออนไลน์และสื่อโซเชียล เป็นขนมเบเกอรี่ที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นเมนูที่กำลังโด่งดัง มีขั้นตอนและวิธีการทำดังต่อไปนี้

  1. เปิดเตาอบเพื่อจัดเตรียม บราวนี่เข้าไปอบโดยการเตรียมเตาอบในอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งรองกระดาษไข ในเตาอบให้เรียบร้อย
  2. นำส่วนผสมหลักสำคัญเนยและช็อกโกแลต ผสมลงในอ่างเพื่อนำไปวางบนหม้อน้ำร้อน รอเวลาให้เนยและช็อกโกแลตละลาย พักทิ้งไว้
  3. น้ำน้ำตาลและไข่ไก่ที่ได้เตรียมไว้นั้นผสมเข้าในอ่างที่ละลายเนยและช็อกโกแลตไว้ตีให้เข้ากัน
  4. นำแป้งอเนกประสงค์และผงโกโก้มาร่อนพร้อมกับผสมเกลือ และนำไปผสมกับส่วนวัตถุดิบที่ได้ทำการตีส่วนผสมไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเทใส่พิมพ์และนำเข้าเตาอบเป็นระยะเวลา 20 ถึง 25 นาที
  5. เมื่ออบจนสุกแล้วให้นำออกมาจากเตาอบพร้อมทั้งเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากนั้นสามารถรับประทานได้ทันที

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเป็นขั้นตอนและวิธีการทำที่เราได้สรุปมาแนะนำไว้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน หวังว่าจะสามารถปรับใช้กับขั้นตอนวิธีการทำของทุกท่านได้เป็นอย่างดี