Categories
ขนมไทย

แชร์ความอร่อย ตะโก้สาคู รสชาติหวาน หอมละมุนลิ้น เม็ดแป้งใส น่าทาน

ตะโก้สาคู

ใครที่ชอบทานขนมตะโก้มาทางนี้ เพราะวันเรามีเมนูขนมตะโก้มาแนะนำให้ลองทำตามง่ายๆ อย่าง ตะโก้สาคู มีความโดดเด่นของเม็ดสาคูสีเขียวใส เนื้อแป้งนุ่มนิ่มชวนทานสุด และที่สำคัญรสชาติหวาน หอมกลิ่นเผือกอร่อยจนลืมไปว่ากำลังลดน้ำหนักกันเลยทีเดียว สำหรับวิธีการทำขนมตะโก้สูตรสาคูก็ทำได้ไม่ยาก ถึงแม้จะไม่เคยทำขนมมาก่อนก็ตาม อีกทั้งตะโก้สาคู ส่วนผสมเพียงเล็กน้อย และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป โดยขนมตะโก้ที่นิยมทานกันมากที่สุด ได้แก่ สูตรตะโก้สาคูอัญชัน สูตรสาคูตะโก้ข้าวโพด เป็นต้น 

ขั้นตอนการทำ ตะโก้สาคู สไตล์มือใหม่ ทำง่ายๆ อร่อยด้วย

ตะโก้สาคู

หากพูดถึงตะโก้สาคู คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะขนมตะโก้เป็นขนมที่หาทานง่ายที่สุด แถมเนื้อจนมมีความอร่อยไม่เหมือนขนมชนิดอื่น อีกทั้งเนื้อเผือกที่มีความหอม และหนึบหนับ ทำให้ขนมสาคูตะโก้ได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งขนมตะโก้เป็นอีหนึ่งเมนูขนมหวานที่มีสูตรทำง่ายมากๆ และวันนี้เราจะมาแชร์สูตร ตะโก้สาคูที่สามารถทำได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งยังสามารทำทานได้ทั้งครอบครัว เรียกได้ว่าทำขนมเพียงหม้อเดียวสามารถทานได้ทั้งบ้านเลยทีเดียว

วัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งสาคูเม็ด 1 ถ้วยตวง
  2. ใบเตย 3 ใบ
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. เม็ดข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
  5. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
ตะโก้สาคู

ส่วนผสมสำหรับหน้ากะทิ

  1. แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมการทำขนมไทยอย่างตะโก้เรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำตะโก้ขนม โบราณ ใครที่เป็นมือใหม่ฝึกทำขนมไม่ต้องกังวลไป เพราะวิธีทำที่นำมาแชร์นั้นง่ายๆ ไม่ซับช้อน อีกทั้งยังสามารถอร่อยได้โดยไม่ต้องเป็นเรียนให้เสียเวลา

ตะโก้สาคู
  1. นำน้ำเปล่าใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง ตามด้วยใบเตย จากนั้นรอให้น้ำเดือดใส่เม็ดสาคูลงไป ลดไฟลง จากนั้นต้มไปประมาณ 15 นาที เม็ดสาคูจะเริ่มสุกให้นำใบเตยออก และใส่น้ำตาลลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันจนเม็ดสาคูสุก 
  2. เมื่อเม็ดสาคูสุกดีแล้ว ให้นำเม็ดข้าวโพดที่ต้มสุกแล้วใส่ลงไป คนส่วนผสมไปสักพัก จากนั้นยกหม้อออกจากเตา ปิดไฟ รอให้ขนมเย็น 
  3. ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำ น้ำราดกะทิ โดยนำหัวกะทิเทไปในหม้อ จากนั้นใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำมาพักไว้ก่อน
  4. ตักขนมใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยกะทิ ตามด้วยเม็ดข้าวโพดสุก เพียงแค่นี้ก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย 
ตะโก้สาคู

ตะโก้ สาคู ที่เรานำมาแชร์นั้นจะเป็นสูตรปรับสูตรให้สามารถทำง่ายมากขึ้น แต่ถ้าบ้านไหนที่มีใบตองสามารถนำไปตองมาทำกระทงใส่ตะโก้สูตรขนมไทย โบราณได้เลย เพราะกระทงใบตองจะช่วยให้ขนมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานละมุนตามฉบับขนม หวาน ไทยโบราณ นอกจากนี้ยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายด้วยตัวเองอีกด้วย

ข้อระวังในการทำ ตะโก้สาคู ให้รสชาติอร่อย ตามสูตรโบราณ 

ตะโก้สาคู

สำหรับการทำตะโก้สาคูให้รสชาติเหมือนกับสูตรโบราณนั้นไม่ยากอย่างที่คิด แต่ถึงแม้วิธีการทำขนม ไทย ง่ายๆ ตามแบบฉบับขนมไทย ทำเอง ดูไม่ยุ่งยาก แต่ต้องระวังการต้มสาคู เพราะสาคูเป็นแป้งเมื่อนำไปต้มต้องหมั่นคนให้สม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้น สาคูจะติดก้นหม้อ ทำให้สาคูไหม้ได้ นอกจากนี้ก่อนที่จะตักใส่ถ้วยควรรอให้ขนมเย็นก่อนจะทำให้ขนมมีรสชาติที่หวานอร่อยตามสูตร ขนม ไทยโบราณ แต่ถ้าอยากทานเย็นสามารถนำไปใส่ตู้เย็นก่อนนำมาทานจะได้ขนมที่หวานฉ่ำๆ 

สมัครเล่นเกมออนไลน์ Sagame และเพลิดเพลินกับประสบการณ์เล่นเกมที่น่าตื่นเต้นและมันส์ที่สุดกับเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูงสุด

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนม ตะโก้เผือก สูตรดั้งเดิม กะทิเข้มข้น เนื้อเผือกเน้นๆ อร่อยฟินทุกคำ

ตะโก้เผือก

เชื่อว่าหลายคนเคยลองทานขนมตะโก้มาบ้างแล้ว โดยวันนี้เราจะพาทุกคนมาลองทำขนมตะโก้ ตะโก้เผือก อย่างง่าย แบบขั้นตอนไม่ซับช้อน และไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย ซึ่งขนมตะโก้มีหลากหลายสูตรไม่ว่าจะเป็น สูตรตะโก้เผือกมะพร้าวอ่อน หรือจะเป็นตะโก้ข้าวโพด ตะโก้รวมมิตร เป็นต้น แต่ก่อนที่เราจะดูวิธีการทำขนมตะโก้ เรามาทำความรู้จัก ซึ่งตะโก้เผือก ประวัติมีมาอย่างยาวนาน โดยตะโก้มีส่วนผสมสองส่วน คือ แป้ง และกะทิ สำหรับเนื้อแป้งประกอบด้วย แป้ง และน้ำตาล ส่วนน้ำกะราดส่วนบนประกอบด้วย หัวกะทิ และเกลือ นั้นเอง 

วิธีทำขนม ตะโก้เผือก สูตรในตำนาน หวานละมุน เนื้อเผือกจัดเต็ม

ตะโก้เผือก

ตะโก้เผือกเป็นขนมหวานที่คนไทยทำทานมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มชาววัง เพราะความโดดเด่นของรสชาติที่หอมกลิ่นเผือกตัดกับความนิ่มนุ่มของเนื้อแป้งได้อย่างพอดี นอกจากนี้ยังเป็นที่ใช้วัตถุดิบในการทำเพียงน้อยนิด ที่สำคัญไม่ต้องใช้น้ำมัน และไม่ต้องใช้เตาอบอีกด้วย เรียกเป็นอีกหนึ่งเมนูตะโก้ที่สามารถลองทำได้ง่าย และวันนี้เราจะพามาทำตะโก้ สูตรตะโก้เผือกชาววัง ฉบับง่ายๆ มือใหม่ก็สามารถทำได้ แต่ก่อนที่จะทำขนมตะโก้ต้องมาเตรียมส่วนผสมก่อนดังนี้

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  2. กะทิ 1 ถ้วยตวง
  3. เผือก 90 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
ตะโก้เผือก

ส่วนผสมของน้ำราดขนม

  1. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวโพด ¼ ถ้วยตวง
  3. แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือ 1 ช้อนชา

เมื่อได้ส่วนผสมของขนมตะโก้เผือกโบราณครบแล้วในขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธีการทำขนมไทยในฉบับง่ายๆ และไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

ตะโก้เผือก
  1. มาเตรียมตัวแป้งตะโก้กันก่อนเลย อันดับแรกนำแป้งข้าวเจ้ามาผสมกับน้ำตาล และกะทิ ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ ทำการกวนส่วนผสมทั้งหมดไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเริ่มเหนียว กวนไปเรื่อยๆ แต่ต้องระวังอย่าใช้ไฟแรงเกินไป เพราะอาจจะทำให้ขนมไหม้ และมีกลิ่นติดขนมได้ หลังจากที่ขนมเหนียว และเริ่มใสแล้วใส่เผือกลงไป คนส่วนผสมเข้ากันสักพักให้นำหม้อออกจากเตา แล้วนำไปใส่ในกระทงที่เตรียมไว้ 
  2. ในขั้นตอนต่อมา ทำการเตรียมกระทิราดหน้าตะโก้ โดยเริ่มจากแป้งข้าวโพด แป้งข้าวเจ้า เกลือ และน้ำตาล ใส่ลงไปในกระทะ เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน และกวนต่อไปจนกว่าแป้งจะสุก และกะทิเหนียวข้นมากขึ้น เมื่อได้น้ำกะทิแล้วให้นำมาราดบนขนมตะโก้ ตามด้วยเผือกนึ่งหั่นเป็นชิ้นๆ โรยลงไปบนหน้าน้ำกะทิ 
ตะโก้เผือก

เมื่อทำขนมตะโก้เผือก สูตรขนม โบราณเรียบร้อยแล้ว จากนั้นรอให้เย็นก่อน แล้วนำไปเสิร์ฟได้เลย และถ้าอยากให้ขนมมีความอร่อยมากขึ้นสามารถนำไปแช่ในตู้เย็นจะทำให้เนื้อแป้งมีความน่มเด้ง และที่สำคัญรสชาติของขนมมีความหวานมากขึ้น นอกจากนี้ตะโก้ เป็น ขนม หวาน ไทยที่สามารถทำทานได้ทุกวัน หรือจะทำฝากเพื่อน หรือ ญาติพี่น้องก็ได้เช่นกัน แถมยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายมากๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนให้เสียเวลาอีกด้วย 

เปิดเคล็ดลับ วิธีการทำ ตะโก้เผือก ให้อร่อย ตามสูตรดั้งเดิม

ตะโก้เผือก

สำหรับเคล็ดลับในการทำตะโก้เผือก ซึ่งเป็นเมนูขนม ไทย ง่ายๆ ให้อร่อยตามสูตรขนมหวานดั้งเดิมนั้นต้องเลือกวัตถุดิบที่ดี อย่างเผือกจะต้องเลือกหัวใหญ่ เพราะจะได้ปริมาณเนื้อที่เยอะขึ้น และอย่านึ่งเผือกนานเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อเละไม่อร่อย ส่วนแป้งเข้าเจ้าอยากให้เนื้อแป้งมีความหอมมากขึ้นให้นำไปอบควันเทียน และอีกหนึ่งเคล็ดลับขนมไทย ทำเองที่บ้าน ในขั้นตอนสูตร ขนม ไทยชาววัง อย่างการกวนกะทิให้ใช้ไฟอ่อน และกวนไปเรื่อยๆ เพื่อให้กะทิมีเนื้อเนียนนุ่ม 

ทำความรู้จักกับเคล็ดลับในการเล่น ไฮโลไทยได้เงินจริง ที่นี่! เรามีเนื้อหาที่จะช่วยให้คุณเป็นนักเล่นไฮโลที่ประสบความสำเร็จ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ ทิปส์ และเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณทำเงินจริงจากเกมไฮโลไทยได้!

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนมหวานโบราณ ตะโก้ รสชาติหวาน มัน เค็ม หอมกลิ่นกะทิสด

ตะโก้

ตะโก้ เป็นหนึ่งในขนมของโทยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นขนมที่ทานง่าย และหาซื้อง่ายตามท้องตลาดทั่วไป อีกทั้งยังเป็นขนมที่มีขนาดเล็กสามารถพกพาไปตามสถานที่ต่างๆ ด้วย อีกทั้งสูตรของขนมที่ทานกันเป็นสูตรแบบดั้งเดิมสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับวิธีทำขนมทํา ตะโก้ กะทิสดแบบโบราณมีหลายคนคิดว่าทำยาก และขั้นตอนต้องซับช้อนแน่นอน แต่แท้จริงแล้ววิธีทำ และขั้นตอนไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แถมยังทำแล้วรสชาติอร่อยไม่แพ้ที่ที่ซื้อทานเลยทีเดียว

รวมขั้นตอนการทำ ตะโก้ สูตรโบราณ หวาน หนึบหนับ ละมุนลิ้นสุดๆ 

ตะโก้

สายขนมหวานต้องลองทานขนมตะโก้ ขนมที่เนื้อแป้งนุ่มหนึบหนับ หวานอร่อยกำลังดี แถมกลิ่นยังหอมชื่นใจ และที่สำคัญทานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ หรือถ้าอยากลองทำให้ครอบครัวทานก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังมีให้เลือกทำหลายสูตร อาทิ ตะโก้เผือก หรือจะเป็นตะโก้สาคู และตะโก้รวมมิตร เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนมาลองทำขนมตะโก้ สาคู ข้าวโพด เผือก สูตรขนมหวานอย่างง่าย 

ตะโก้

วัตถุ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งสาคูเม็ด ½ ถ้วยตวง
  2. เมล็ดข้าวโพดหวาน 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
ตะโก้

วัตถุดิบ และส่วนผสมของน้ำกะทิ

  1. หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา

สำหรับส่วนที่กล่าวมาข้างต้นของขนมตะโก้ คือ ส่วนผสมหลักที่ใช้ทำขนม นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มวัตถุดิบอื่นๆ ได้ อย่างเช่น เผือก มันนึ่ง เป็นต้น 

ตะโก้
  1. ในขั้นตอนแรก เราต้องเตรียมหม้อนำไปตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง เทน้ำเปล่าลงไป ตามด้วยข้าวโพด เผือก น้ำตาลทราย เกลือ และแป้งเม็ดสาคู ทำการคนต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อแป้งเหนียวหนืด และคนต่อไปห้ามหยุดกวน เพราะจะทำให้แป้งไหม้ก้นหม้อได้ 
  2. เมื่อแป้งสุกเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไปให้ตักใส่กระทงใบตอง หรือถ้าไม่มีใบตองสามารถพิมพ์ หรือภาชนะอื่นได้ตามใจชอบ จากนั้นพักไว้ให้เย็น 
  3. ต่อมาจะมาทำน้ำกะทิ โดยนำหัวกะทิเทใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ จากนั้นตามด้วยน้ำตาลทราย แป้งข้าวเจ้า เกลือป่น หมั่นคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อแป้งสุกแล้วให้ทำการยกหม้อออกจากเตา นำไปราดบนขนมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ โรยหน้าด้วยเม็ดข้าวโพด พร้อมเสิร์ฟได้ทันที 
ตะโก้

หากพูดถึง ตะ โก้ เป็นขนมไทยที่ในสมัยก่อนจะนิยมนำใบไม้ต่างๆ นำมาทำเป็นกระทงสำหรับใส่ขนม เพราะจะทำให้ขนม โบราณขนานแท้มีกลิ่นหอมตามใบไม้ที่เรานำมาทำเป็นกระทง ทำให้ขนมมีความหอมอร่อยมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญกระทงใบไม้ยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่ปัจจุบันใบไม้ตามธรรมชาติหายากมาก คนส่วนใหญ่จึงทำขนมไทย โบราณในภาชนะที่อื่นๆ แทน แถมรสชาติหวาน มัน เค็ม กลิ่นกะทิสดอร่อยกลมกล่อมเหมือนเดิม 

สอนทำขนมตะโก้ รวมมิตร อย่างง่าย ใส่อะไรก็ได้ตามใจชอบ 

ตะโก้

ตะโก้สามารถทำได้หลายสูตร แต่ถ้าไม่รู้จะทำสูตรไหนดี ขอแนะนำขนส ตะโก้รวมมิตรไปเลย ซึ่งทอปปิ้งที่จะใช้ทำขนม หวาน ไทยจะเป็น ข้าวโพด เผือก แห้ว เป็นต้น โดยวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามสูตรขนมไทย ทำเองที่เรานำมาแชร์ได้เลย แต่เปลี่ยนจากสูตร ขนม ไทย ตะโก้สาคู เป็นตะโก้ธรรมดา โดยขั้นตอนแรกให้นำแป้งมาต้มให้เหนียวหนืด จากใส่ข้าวโพด เผือก และแห้ว ตามลงไป กวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี นำมาใส่ในกระทงที่เตรียมไว้ ราดด้วยกะทิสูตรเข้มข้น โรยด้วยเม็ดข้าวโพด เผือก และแห้วสุก พร้อมรับประทานได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เข้าครัวชวนทำ ขนม ดอกจอก สูตรโบราณ กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน

ขนม ดอกจอก

ใครที่ชอบทานขนมหวานแบบไทยแท้ ต้องไม่พลาด ขนม ดอกจอก ที่มีแป้งกรุบกรอบ รสชาติหวานมัน หอมกลิ่นงามคั่ว อร่อย และเคี้ยวเพลินสุดๆ อีกทั้งสีสันของขนมยังชวนทานอีกด้วย สำหรับดอกจอก หนึ่งในขนมหวานของไทยสามารถหาทาได้ทุกที่ โดยเฉพาะตลาดจะมีให้ลองซื้อทานแบบไม่อั้น แต่ถ้าอยากลองทำทานเองที่บ้านในช่วงวันหยุด เรามีวิธีทำสูตรดอกจอก บางกรอบ แป้งไม่เหนียวมาให้ได้ลองทำตามกัน รับรองว่าจะได้ขนมที่รูปร่างสวยงาม และรสชาติอร่อยเหมือนซื้อทานแน่นอน

วิธีทำ ขนม ดอกจอก เนื้อแป้งบางกรอบ ไม่อมน้ำมัน รสชาติหอมอร่อย

ขนม ดอกจอก

ขนมดอกจอก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขนมหวานโบราณที่มีรสชาติหวานกรอบอร่อย ใครทานเป็นต้องติดใจกับความอร่อยที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งขนมดอกจอกยังมีหลากสูตร ไม่ว่าจะเป็นดอกจอกอัญชัน ดอกจอกสูตงาดำ และดอกจอกสูตรแฟนซี เป็นต้น สำหรับขนมชนิดนี้ถือว่าหาทานได้ยากในสมัยนี้ เพราะขนมทอดค่อนข้างอมน้ำมันทำให้ไม่มีคนชอบทานมากนัก ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์วิธี ทำขนมดอกจอก ไม่อมน้ำมัน เนื้อแป้งบางกรอบ หอมอร่อยตามฉบับโบราณ แต่ก่อนอื่นต้องไปหาเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดังนี้

ขนม ดอกจอก
  1. แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม
  2. แป้งมัน 70 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. หัวกะทิ 200 กรัม
  6. น้ำปูนใส 100 กรัม
  7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  8. งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ

ในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำขนมไทยดอกจอก สูตรขนม โบราณอย่างง่าย ตามฉบับมือใหม่ โดยมีขั้นต้อนการทำดังนี้

ขนม ดอกจอก
  1. นำแป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือป่น เทใส่ในภาชนะ จากนั้นใส่น้ำปูนใส หัวกะทิ และไข่ไก่ ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. เมื่อผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้ว ในขั้นตอนต่อมาให้นำมากรอง แบ่งแป้งสำหรับใส่สีผสมได้ตามใจชอบ เสร็จแล้วใส่งาดำตามลงไปคนให้เข้ากัน 
  3. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันลงไป รอให้น้ำมันเดือด นำพิมพ์จุ่มลงไปในแป้งขนมที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมาจุ่มในน้ำมันเดือด รอให้แป้งสุกกรอบ ประมาณ 3 นาที แล้วค่อยๆ เขย่าพิมพ์ให้ขนมหลุดออกจากพิมพ์ หลังจากนั้นกลับด้านขนม เมื่อแป้งขนมสุกดีแล้ว นำขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมัน และเมื่อขนมเย็นตัวแล้วสามารถรับประทานได้เลย
ขนม ดอกจอก

ขนมดอกจอก สูตรขนมไทย โบราณ ที่ทำเสร็จแล้ว จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับที่ทำขายในตลาด ส่วนรสชาติขนมที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะมีความหวานหอมกลิ่นงาคั่ว เนื้อแป้งบางกรอบ ไม่เหนี่ยว แป้งไม่หนา และที่สำคัญขนมมีสีสันสวยงามน่าทานสุดๆ สำหรับดอกจอก ขึ้นชื่อว่าเป็นขนม หวาน ไทยที่สามารถทานได้ทุกเทศกาล อีกทั้งยังสามารถทำเป็นของฝากได้ด้วย หรือทำเก็บไว้ทานได้หลายวันเลยทีเดียว 

แชร์เคล็ด (ไม่) ลับ ขนมดอกจอก ทำง่ายๆ ขายได้กำไร 

ขนม ดอกจอก

ขนม ดอกจอกเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ และยังใช้ส่วนผสมไม่มากนัก แถมไม่ต้องใช้เตาอบ โดยวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่างขนมดอกจอกสามารทำตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย แต่เคล็ดลับการทำขนมให้อร่อยนั้น ในขั้นการทอดขนม ก่อนที่จะจุ่มพิมพ์ในแป้งต้องนำไปจุ่มน้ำมันเดือดๆ ก่อน จากนั้นค่อยนำมาจุ่มแป้งจะทำให้แป้งติดพิมพ์ได้ดีขึ้น จากนั้นเมื่อทอดขนมสุกแล้วให้นำมาวางพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน และอีกหนึ่งเคล็ดลับของการทำขนมให้สวย เมื่อได้ขนมดอกจอกแล้วให้นำมาวางบนก้นถ้วยจะช่วยจัดรูปทรงให้ขนมบานมากขึ้น จากนั้นพักให้เซตตัวประมาณ 5 นาที นำไปวางบนตะแกรงให้ขนมเย็นตัว เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมไทย ทำเองที่บ้านอย่างง่าย ตามสูตร ขนม ไทยดั้งเดิม รสชาติ หอมกรอบอร่อยฟินทุกคำ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ชวนทำขนม ทอฟฟี่เค้ก เนื้อนุ่มนิ่ม รสชาติหวาน หอม คาราเมล เข้มข้น

ทอฟฟี่เค้ก

กลับมาตามคำเรียกร้อง กับเมนูขนมหวานฮอดนิยมที่สุดในตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ขนมเค้กทอฟฟี่เค้ก เนื้อชิฟฟ่อนนุ่มนิ่มละมุนลิ้น รสชาติหวานราคาเมลเขมข้น อร่อยจนต้องทานอีกชิ้นกันเลยทีเดียว และยังมีให้เลือกหลายสูตรอีกด้วย ว่าแต่ ทอฟฟี่เค้ก สูตรไหนอร่อยทานแล้วฟิน ขอแนะนำ ทอฟฟี่เค้กเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทอฟฟี่เค้กมอคค่าแมคคาเดเมีย ทอฟฟเค้กเนื่อชิฟฟ่อน ส่วนคนรักสุขภาพต้องลองทานเมนูสูตรคีโตมีรสชาติอร่อยไม่แพ้สูตรธรรมดาแน่นอน สำหรับใครที่อยากลองทานขนมเค้กทอฟฟี่อร่อยๆ ต้องลองไปทานทอฟฟี่เค้ก ชลบุรีแถวบางแสน รับรองไม่ผิดหวัง 

เปิดสูตรเมนู ทอฟฟี่เค้ก รสชาติเข้มข้น เนื้อเค้กนุ่มฟู อร่อยเหมือนทานที่ร้าน 

ทอฟฟี่เค้ก

วันนี้เรามีเมนูขนมหวานแสนอร่อยมานำเสนออย่าง ทอฟฟี่ เค้ก หนึ่งในขนมเค้กยอดนิยมที่หลายคนชอบทาน เพราะขนมชนิดมีความโดดเด่นด้วยซอสคาราเมลหวานเข้มข้นตัดกับเนื้อเค้กชิฟฟ่อนนุ่มละมุนอร่อยฟินทุกคำ และยังมีให้เลือกทานได้หลากหลายสูตรแบบไม่อั้น แต่เรามีสูตร ทอฟฟี่เค้ก เนื้อเค้กชิฟฟ่อนอย่างง่าย และขั้นตอนไม่ซับช้อนมาให้ทุกคนได้ทำตามว่าแล้วไปดูกันเลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องทำเนื้อเค้ก

  1. แป้งเค้ก 300 กรัม
  2. ผงฟู 4 ช้อนชา
  3. ผงกาแฟ 4 ช้อนโต๊ะ
  4. ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 400 กรัม
  6. ไข่ไก่ 9 ฟอง
  7. นมผง 2 ช้อนโต๊ะ
  8. เนยจืด 300 กรัม
ทอฟฟี่เค้ก

ส่วนผสมของซอสคาราเมล

  1. แป้งเค้ก 5 ช้อนโต๊ะ
  2. นมข้นจืด 130 กรัม
  3. เนยจืด 300 กรัม
  4. เกลือ ½ ช้อนชา
  5. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  6. ผงกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 200 กรัม

ในลำดับต่อมาเราจะมาสอนวิธีทำ Toffee Cake เนื้อนุ่ม สูตรชิฟฟ่อน โดยวิธีทำเบเกอรี่อย่างง่ายตามฉบับมือใหม่มีดังต่อไปนี้

ทอฟฟี่เค้ก
  1. นำแป้ง ผงฟู ผงโกโก้ นมผง และผงกาแฟมาร่อนใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นมาเตรียมถาดขนาดตามใจชอบ โดยปูด้วยกระดาษไขไว้ก่อน
  2. นำไข่มาตอกใส่ภาชนะสำหรับผสม ตีไข่ด้วยความเร็วสูงประมาฯ 5 นาที เสร็จแล้วเติมเกลือ ใส่น้ำตาล ตีจนไข่ขึ้นฟูเป็นเนื้อเนียน หลังจากนั้นเทส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน เทเนยลงไป ผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกครั้ง
  3. เมื่อได้เนื้อเค้กแล้ว ให้นำมาเทลงถาที่เตรียมไว้ เกลือเนื้อแป้งให้เท่ากัน นำไปอบที่อุฯหภูมิ 180 องศษเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วนำออกจาเตาอบ พักไว้ให้เย็น
  4. ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำหน้าทอฟฟี่ โดยนเนยสด น้ำตาลทราย นมข้นจืด และตามด้วยเกลือใส่ลงไปในหม้อใช้ไฟปานกลาง คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย ตามด้วยผงกาแฟ และเติมแป้งลงไปจนกว่าแป้งจะสุก เหนียวข้นดี จากนั้นใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป คนให้เข้ากันเล็กน้อย จากนั้นนำมาเทราดบนหน้าเค้ก จากนั้นนำเข้าไปอบที่อุณภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที 
  5. เมื่ออบเค้กเสร็จแล้ว นำถาดออกจากเตาอบ นำมาพักไว้ให้เย็น ก่อนจะตัดเป็นชิ้นๆ ใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
ทอฟฟี่เค้ก

จบไปแล้วกับขันตอนการทำเบเกอรี่ยอดนิยม อย่าง เค้กทอฟฟี่เค้ก ที่มีรสชาติอร่อย และหอมกลิ่นคาราเมลเข้มข้นทานได้ทุกวัน แถมยังทำแจกเพื่อนๆ ได้ด้วย แถมวิธีทำเบเกอรี่ง่าย ๆ มือใหม่ก็ทำได้

เคล็ดลับความอร่อย ทอฟฟี่เค้ก ชิฟฟ่อน นุ่มนิ่ม ทานได้ทั้งวัน 

ทอฟฟี่เค้ก

วิธีทำทอฟฟี่เค้ก ให้อร่อย ในฉบับเบเกอรี่ทำเองนั้น เพียงแค่ในขั้นตอนอบขนมเค้กเสร็จแล้ว เมื่อยกถาดออกจากเตาให้ยกพิมพ์ขึ้นแล้วปล่อยให้พิมพ์กระแทรกพื้นโต๊ะเบาๆ เพื่อให้เค้กเซตตัวดีขึ้น แล้วค่อยนำออกมาจากถาด แล้วพักไว้ให้เย็น เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กเนื้อนิ่มในแบบเบเกอรี่โฮมเมดทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

เปิดสูตร พิซซ่า มินิ สไตล์โฮมเมด ทำง่าย กลิ่นหอม รสชาติอร่อย

พิซซ่า มินิ

พิซซ่า ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูทานเล่นที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มเมนูสไตล์อิตาเลี่ยน เพราะรสชาติมีกลิ่นหอม แป้งนุ่มฟู ที่มาพร้อมกับชีสยืดๆ หอมอร่อยกลมกล่อม ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่สามารถได้ด้วยตัวเอง อย่าง พิซซ่า มินิ เป็นพิซซ่าสไตล์โฮมเมดที่สามารถทำทานได้ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ซับช้อน และไม่จำเป็นต้องใช้เตาอบ แถมยังไม่ต้องมีแป้งขนมปังก็สามารถทำเมนูมินิ พิซซ่าได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถทำขายได้ด้วย เพียงขายพิซซ่ามินิ 10 บาท ก็สร้างกำไรได้แล้ว 

วิธีทำ พิซซ่า มินิ ขนมปัง แบบโฮมเมด อย่างง่าย ฉบับมือใหม่ 

พิซซ่า มินิ

มาดูขั้นตอนการทำพิซซ่า มินิ อย่างง่ายกัน สำหรับคนที่ชอบทานพิซซ่า และอยากลองทำไว้ทานเล่นๆ หรือจะลองทำขายได้ง่าย เพราะมินิพิซซ่า 10 บาท ได้กำไรครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นเมนูทำง่ายๆ เพียงแค่ใช้กระทะใบเดียวก็สามารถทำเมนูนี้ได้แล้ว และสูตรที่จะนำมาแชร์คือ สูตรมินิพิซซ่าแฮมชีส รสชาติอร่อย ที่มาพร้อมกับชีสเยิ้มๆ อร่อยจนต้องทำฝากเพื่อนๆ กันเลยทีเดียว

พิซซ่า มินิ

วัตถุดิบ และส่วนผสมของยีสต์ที่ต้องเตรียม

  1. นมสด 130 กรัม
  2. ยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา
  3. น้ำตาล 1 ช้อนชา

ส่วนผสมของแป้งพิซซ่า

  1. แป้งขนมปัง 200 กรัม
  2. น้ำตาล ½ กรัม
  3. เกลือ 15 กรัม
  4. น้ำมันพืช 15 กรัม
พิซซ่า มินิ

วัตถุดิบ และเครื่องปรุง

  1. ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
  2. มายองเนส 2 ช้อนโต๊ะ
  3. ชีสมอซซาเรลล่า 10 กรัม
  4. แฮม 5 ชิ้น
  5. สับปะรดตามใจชอบ
  6. ออริกาโน่ตามใจชอบ
  7. ใบพาสลีย์ตามใจชอบ

เมื่อได้วัตถุดิบที่ต้องการแล้ว ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำพิซซ่าสไตล์มินิไว้ทานเป็นอาหารว่าง หรือวันที่เร่งรีบกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้

พิซซ่า มินิ
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนการทำแป้งขนมปัง โดยนำนมสดอุ่น น้ำตาล ยิสต์แห้ง มาใส่รวมกันชาม คนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้พลาสติกแรปปิดไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ยิสต์ทำงานเต็มที่ หลังจากนั้นใส่แป้งขนมปังลงไป ตามด้วยน้ำตาล เกลือ และน้ำมันพืช เสร็จแล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน และใช้มือนวดแป้งให้สามารถปั้นได้ 
  2. เทน้ำมันพืชลงภาชนะสำหรับพักแป้ง แล้วใส่แป้งที่นวดเสร็จ พักไว้ในแป้งฟูขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วให้นำแป้งมาโรยลงไปเล็กน้อย แล้วนำมาแป้งมีคลีนให้เป็นแผ่น โดยใช้พิมพ์ตัดได้เลย ซึ่งที่เหลือจากการตัดสามารถนำมาคลีนให้เป็นแผ่นอีกรอบได้
  3. ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน นำแป้งลงไปจี่ให้สุก จากนั้นทาด้วยซอสมะเขือเทศ ชีสมอซซาเรลล่า แฮม สับปะรด ออริกาโน่ และ ใบพาสลีย์ ทำการย่างให้ส่วนผสมทุกสุก จากนั้นนำมาจัดใส่จาน พร้อมทานได้เลย
พิซซ่า มินิ

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยขั้นตอน พิซซ่า สไตล์มินิ เมนูเบเกอรี่โฮมเมด แบบไม่ง้อเตาอบ แถมรสชาติอร่อย จนต้องทานเพิ่มอีกชิ้นเลยทีเดียว สำหรับเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมนี้สามารถทำทานได้ทุกวัน และไม่ทุกเวลาได้ไม่มีเบื่อ

สูตร พิซซ่า มินิ โฮมเมด ขนมปังแผ่นนุ่มนิ่ม ชีสเยิ้มๆ อร่อยติดใจ 

พิซซ่า มินิ

สำหรับบ้านไหนที่ซื้อขนมปังมาเยอะเกินทานไม่หมด และกลัวว่าจะหมดอายุก่อน เราขอนำนำเมนูสุดพิเศษอย่าง พิซซ่ามินิ ซึ่งเป็นเมนูที่ใช้แป้งขนมปังแทนแป้งพิซ่า ซึ่งวิธีทำเบเกอรี่ง่าย ๆ เพียงแค่นำขนมปังมาตัดให้เป็นวงกลม หรือจะไม่ตัดขอบก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาใส่ตามขั้นตอนที่เรานำมาแชร์ได้เลย ตามด้วยชีสเยิ้มๆ เพียงแค่นี้ก็จะได้เมนูเบเกอรี่ทำเองนั้นมีรสชาติอร่อยในแบบสไตล์เบเกอรี่โฮมเมด ที่มีความหอมกลมกล่อม 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตร โทสต์ ขนมปังนุ่ม หอมกลิ่นเนยสด อร่อยจนหยุดทานไม่ได้ 

โทสต์

สำหรับใครที่เบื่อการทานขนมธรรมดา อยากลองทานขนมปังแบบใหม่ดูบ้าง ขนแนะนำ ขนมหวาน โทสต์ หนึ่งในเมนูขนมหวานที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นเลยทีเดียว อีกทั้งโท ส ต์ อาหารเช้าแสนอร่อยในวันที่เร่งรีบ หรือใครอยากทานขนมหวานแคลอรี่น้อย เพียงแค่ราดน้ำผึ้งลงไปในขนมปังตามด้วยผลไม้หวานน้อย เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมหวานแสนอร่อยไม่มีเบื่อ

รวมขั้นตอนการทำ โทสต์ รสชาติหวาน หอม ท็อปปิ้งจัดเต็ม อร่อยไม่ซ้ำใคร

โทสต์

มาแล้วๆ กับเมนูขนมหวานที่มีรสชาติถูกอกถูกใจหลายๆ คน อย่างโทสต์จากขนมปังแสนธรรมดาสู่เมนูฮันนี่โทสแสนอร่อย และรสชาติไม่ซ้ำใคร อีกทั้งสามารถใส่ท็อปปิ้งได้หลายอย่างตามใจ อาทิ ผลไม้หลากหลายชนิด หรือถ้าอยากทานขนมปังกรอบๆ ก็สามารถเลือกทานเมนู เฟรนช์ โทสต์ เนื้อขนมกรอบนอกนุ่มในอีกสุดๆ อีกทั้งโทสต์ วิธีทําง่ายมากๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำสูตรเฟรนโทส อย่าง เฟรนช์โทสต์ แฮมชีสเยิ้มๆ 

โทสต์

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. นมสดรสจืด 50 กรัม
  2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  3. ขนมปัง 5 แผ่น
  4. เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ชิสแผ่น 1 ชิ้น
  6. ไส้กรอก 2 ชิ้น
  7. ไข่ดาว 1 ฟอง
  8. เกลือเล็กน้อย
  9. พริกไทยเล็กน้อย

ในส่วนของวัตถุดิบที่เป็นแผ่นชีส หากใครชอบขนมปังโทสชีสยืดเยิ้มๆ สามารถเพิ่มชีสเข้าไปอีกแผ่นได้ตามใจชอบ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถเพิ่ม หรือลดไข่ไก่ได้ด้วยเช่นกัน

โทสต์
  1. นำไข่มาตอกใส่ภาชนะแบนๆ อย่างเช่น ถาดขนาดเล็ก เพื่อจะได้ต่อการชุบขนมปัง เสร็จแล้วตีไข่ให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. นำแฮม และไส้กรอกไปอบ หรือนึ่งให้สุกก่อน จากหั่นแฮม และไส้กรอกเป็นชิ้นขนาดตามใจชอบ จากนั้นนำจนมปังมาหั่นครึ่ง แต่ไม่ต้องหั่นให้ขาด แค่พอให้สามารถพับขนมปังให้ได้ก็พอ
  3. หลังจากเตรียมส่วนผสมทั้งเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาตั้งกะทะด้วยไฟอ่อนๆ ใส่เนยลงไปทาให้ทั่วกระทะ หลังจากนั้นวางขนมปังที่เตรียมไว้ จากนั้นนำขนมปังลงไปซุบไข่ที่ผสมไว้ก่อนหน้านี้ เสร็จแล้วเอาไปทอดในกระทะให้ขนมปังสุกทั้งสองข้าง 
  4. เมื่อขนมปังสุกแล้วใส่แฮม ไส้กรอก และแผ่นชีส บนขนมปัง เสร็จแล้วประกบขนมปังเข้าหากัน เมื่อแฮม และไส้กรอกสุกดีแล้วให้ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้เลย
โทสต์

สำหรับวิธีทำขนมปังโทสต์ ถ้าไม่ชอบขนมปังแบบทอดสามารถนำมาเป็นขนมปังปิ้งได้ด้วย ซึ่ง French Toast ที่ทำเองจะมีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นชีสเยิ้มๆ โดยสามารถทานร้อนๆ ได้เลย ที่สำคัญเมนูเบเกอรี่ชนิดนี้สามารถทำทานเป็นอาหารเช้าได้อีกด้วย แถมยังอร่อยอิ่มท้องสุดๆ นอกจากนี้ยังใช้เวลาทำไม่นาน โดยสามารถทำเสร็จภายใน 15 นาที เรียกว่าเป็นเมนูอาหารเช้าที่เหมาะสำหรับคนที่เร่งรีบสุดๆ 

เปิดความอร่อย ฮันนี่โทสต์ สูตรหวานละมุน ช็อกโกแลต มิกส์ สตอเบอรี่ฉ่ำๆ 

โทสต์

โทสต์นอกจากจะทำเป็นเมนูเบเกอรี่ยอดนิยม ทานเป็นอาหารเช้า แล้วยังสามารถทำเป็นขนมหวานเบเกอรี่ง่าย ๆ แสนอร่อยได้ด้วย โดยสูตรที่เราจะมาแนะนำเป็นสูตรเบเกอรี่ทำเองช็อกโกแลตโทสต์ สตอเบอร์รี่จัดเต็ม โดยเริ่มจากนำขนมปังมีหั่นเป็นลูกเตาเล็กๆ จากนั้นอุ่นเนยจืด ทาให้ทั่วขนมปัง จากนั้นนำขนมปังเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 นาที หรือจนกว่าขนมปังจะกรอบ เสร็จแล้วนำมาจัดวางใส่จาน ต่อมานำช็อกโกแลตมาใส่หม้ออุ่นด้วยไฟอ่อนๆ ราดลงไปบนขนมปัง ตามด้วยสตอเบอร์รี่ชิ้นเล็กๆ ตามด้วยไอศครีมรสวานิลลา ราดด้วยน้ำผึ้งหวานๆ เพียงแค่นี้ก็จะได้เบเกอรี่โฮมเมดที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว น่าทานสุดๆ

อ่านบทความอื่นๆ: