Categories
เบเกอรี่

บานอฟฟี่ การผสมผสานที่อร่อยลงตัว

บานอฟฟี่

บานอฟฟี่ (BANOFFEE) เมนูพายอังกฤษที่หลายๆคนชื่นชอบ ชื่อนี้มีที่มาจากการผสมผสานระหว่างคำว่า “BANANA” และ “TOFFEE” หมายถึงกล้วยกับคาราเมลซึ่งเป็นส่วนผสมหลัก เมนูเบเกอรี่ชิ้นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี ค.ศ. 1972 ประเทศอังกฤษ โดยเจ้าของร้าน THE HUNGRY MONK RESTAURANT และเชฟฝีมือดี ที่มีชื่อว่า นิเกล แม็กเคนซี และเอียนดาวดิง ซึ่งได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเมนู พายบลัมส์คอฟฟี่ทอฟฟีj

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ บานอฟฟี่ เบเกอรี่ทำง่ายไม่ใช้เตาอบ

เมนูเบเกอรี่ บานอฟฟี่ ถือว่าเป็นเบเกอรี่ที่มีความหลากหลาย ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ส่วนของฐานแครกเกอร์,กล้วย,ซอสคาราเมล,วิปปิ้งครีม เมื่อรับประทานไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงความกรอบ และความนุ่ม รวมถึงรสชาติที่หลากหลายพร้อมกันในคำเดียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่กลายเป็น เบเกอรี่ยอดนิยม ที่ใครๆก็ต่างหลงรัก

วัตถุดิบทำแครกเกอร์บานอฟฟี่

  1. แครกเกอร์ 300 กรัม
  2. เนยสดเค็มละลาย 150 กรัม

วัตถุดิบทำซอสคาราเมล

  1. น้ำตาลทรายชนิดละเอียด 250 กรัม
  2. น้ำเปล่า 70 มิลลิลิตร
  3. วิปปิ้งครีมอุ่น 150 กรัม 
  4. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  5. เนยสดเค็ม อุณหภูมิห้อง 50 กรัม

วัตถุดิบทำวิปปิ้งครีม

  1. วิปปิ้งครีม 500 กรัม 
  2. กลิ่นวานิลลา 1/2 ชช.
  3. ผงโกโก้ สำหรับโรยหน้า
  4. กล้วยหอม 8 ลูก
บานอฟฟี่

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกทำฐานพายบานอฟฟี่ เริ่มจากการนำแครกเกอร์ไปบดหรือทุบให้ละเอียด นำมาใส่ไว้ในชามผสมพร้อมกับเนยละลาย ใช้ไม้พายคลุกเคล้าให้เข้ากันจนเนื้อร่วนแล้วนำไปตักใส่ภาชนะ ด้วยปริมาณประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กดให้แน่นเล็กน้อยแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น เป็นเวลา 30 นาที
  2. ต่อมาเป็นขั้นตอนของการทำซอสคาราเมล ใส่น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าลงไปในหม้อ เปิดเตาด้วยไฟกลางเคี่ยวให้น้ำตาลทรายละลายดี เมื่อได้สีน้ำตาลอ่อนแล้วปิดเตา ใส่วิปปิ้งครีมลงไปคนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากันดี ตามด้วยเนยเค็มและกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ให้เย็นสนิท
  3. เตรียมชามผสม และหัวตีด้วยการนำไปแช่ช่องฟิตให้เย็น (ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ขึ้นฟูไวขึ้น) จากนั้นนำวิปปิ้งครีมและกลิ่นวานิลลาลงไป ตีด้วยสปีดสูงสุดจนตั้งยอดกลางแล้วตักใส่ถุงบีบ แช่พักไว้ในตู้เย็น
  4. หั่นกล้วยหอมให้เป็นแว่นบาง นำไปจัดวางไว้ในภาชนะที่ใส่พายเอาไว้ ตามด้วยซอสคาราเมล และวิปปิ้งครีม ตกแต่งให้เป็นชั้นๆแล้วโรยหน้าด้วยผงโกโก้ให้สวยงาม เป็นอันเสร็จสิ้น หากใครอยากตกแต่งเพิ่มเติมก็จัดเต็มได้ตามชอบ
บานอฟฟี่

ก่อนจะจากกันในบทความสอนทำบานอฟฟี่ เราขอฝากทริคดีๆในการทำบานอฟฟี่คาราเมล คือ การคาราเมลนั้นระหว่างเคี่ยวไม่ควรคนนะคะ เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้น้ำตาลตกผลึก หากใครกลัวว่า ซอสคาราเมลมานอฟฟี่ ของเราจะไหม้ ให้ใช้วิธีการเขย่าหม้อเบาๆแทนนะคะ

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์/

Categories
เบเกอรี่

เครปเค้กสายรุ้ง ขนมหวานสีสันสดใสที่ใคร ๆ ก็หลงรัก

เครปเค้กสายรุ้ง

เครปเค้กสายรุ้ง เบเกอรี่สัญชาติฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนเคยเป็นกระแสในโซเชียลมาแล้ว ด้วยหน้าตาของเค้กที่สวยงามน่ารับประทาน เมนูเครปเค้ก สามารถนำไปรับประทานได้ทั้งคาว และหวาน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะนำมารับประทานเป็น ของหวานทานเล่น เสียมากกว่า ในอดีตนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับเครปว่า หากไม่ทำเครปในวัน LA CHANDELEUR จะทำให้ต้นกล้าของข้าวสาลีนั้นเป็นโรค และตายลงไปในที่สุด

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ เครปเค้กสายรุ้ง เบเกอรี่ทำง่าย

ใครที่ชื่นชอบการรับประทาน เบเกอรี่ขนมหวาน และอยากลองลงมือทำขนมด้วยตัวเอง เราขอแนะนำสูตรการทำเครปเค้กสายรุ้ง ให้ได้ลองทำตามกัน ซึ่งเป็นสูตรที่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่มีเตาอบ เพราะมีเพียงกระทะใบเดียวก็สามารถรังสรรค์ เครปเค้กอร่อย ๆ ทานเองได้ง่าย ๆ โดยการใช้วัตถุดิบเพียงเล็กน้อย ดังนี้

วัตถุดิบทำเครปเค้ก

  1. ไข่ไก่ 7 ฟอง 
  2. น้ำตาลทราย  110 กรัม
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. แป้งเค้ก 150 กรัม
  5. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  6. น้ำมันรำข้าว 120 มิลลิลิตร
  7. นมสดจืด 630 มิลลิลิตร
  8. สีผสมอาหารตามชอบ
  9. วิปปิ้งครีม  600 มิลลิลิตร
  10. น้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม
  11. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  12. เนย สำหรับทากระทะ
เครปเค้กสายรุ้ง

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกใส่ไข่ไก่ลงไปในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นวานิลลา คนให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วเติมนมสด และน้ำมันรำข้าวลงไปคนให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. นำแป้งเค้ก และแป้งอเนกประสงค์มาร่อนลงไปในชามผสมเดียวกันกับขั้นตอนที่ 1 แล้วใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน ก่อนจะนำมากรองด้วยตะแกรงใส่ลงไปในชามผสมอีกหนึ่งใบ แล้วห่อชามด้วยฟิล์มถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
  3. เมื่อรอจนครบเวลาแล้วให้นำแป้งออกมาคนเล็กน้อย และตักแบ่งใส่ภาชนะตามจำนวนสีผสมอาหารที่เลือกใช้ด้วยปริมาณเท่า ๆ กัน และใส่สีผสมอาหารลงไปผสมในแต่ละถ้วย
  4. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ทาเนยบาง ๆ ให้ทั่วกระทะ และเทแป้งลงไปให้ทั่วกระทะ เมื่อสุกแล้วใช้ไม้พายตักแผ่นแป้งกลับด้านเพื่อให้สุดทั่วกัน เสร็จแล้วนำไปพักไว้บนตะแกรง และทอดแผ่นอื่น ๆ ต่อได้เลย
  5. นำวิปปิ้งครีม น้ำตาลไอซิ่ง และกลิ่นวานิลลาใส่ลงไปในชามผสม ใช้เครื่องผสมอาหารตีจนขึ้นฟู 
  6. ขั้นตอนสุดท้าย วางแป้งแผ่นแรกลงไปในภาชนะ ทาด้วยวิปปิ้งครีมให้ทั่ว และทำซ้ำให้เป็นชั้นสวยงาม ในชั้นบนสุดสามารถตกแต่งหน้าเค้กได้ตามชอบ
เครปเค้กสายรุ้ง

เมนูเบเกอรี่ เครปเค้กสายรุ้ง เมื่อทำเสร็จแล้วสามารถนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น เก็บไว้รับประทานได้นาน ขั้นตอนวิธีทำเครปเค้ก มีความง่ายเหมาะกับมือใหม่ ใช้เวลาในการทำไม่นาน สามารถทำเป็น เค้กวันเกิด หรือมอบให้คนสำคัญในวันพิเศษได้ หรือหากใครจะนำเอาสูตรนี้ไปทำขายเพื่อสร้างรายได้เสริมก็สามารถทำได้เช่นกัน

สนุกกับการเล่น บาคาร่า ออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ได้ที่นี่กับ gclubspecial168.com

Categories
เบเกอรี่

เค้กนมสด เค้กวันเกิดทำเองได้ง่ายๆ อุปกรณ์น้อย

เค้กนมสด

ขนม เค้กนมสด เบเกอรี่ยอดนิยมที่หลายๆคน มักนำมาเป็นหนึ่งในของขวัญวันสำคัญ และหากทำเค้กด้วยตัวเพื่อมอบให้คนพิเศษ คงสร้างความประทับใจให้กับผู้ได้รับได้มากมาย เราจึงได้นำสูตร เค้กวันเกิด ที่ถูกถามถึงมากที่สุด มาแนะนำให้ทุกคนได้ทำตาม โดยเป็นสูตร เค้กง่ายๆ สำหรับมือใหม่ นำไปทำได้แม้ไม่มีเตาอบ

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ เค้กนมสด สูตรไม่ใช้เตาอบ

เค้กนมสดทำเอง จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แม้จะไม่มีเตาอบก็สามารถใช้หม้อนึ่งแทนได้ หากไม่มีเครื่องผสมอาหารให้ใช้ตะกร้อมือตี และหากอยากปาดเค้กให้เรียบสวยให้ใช้ ไพ่ปาดเค้ก แทนไม้พายได้ เพียงเท่านี้ทุกคนสามารถใช้ สูตรเค้กทำง่าย สูตรนี้โดยไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์ให้วุ่นวายเลยค่ะ

วัตถุดิบ ทำเค้กนมสด

  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. นมผงเข้มข้น 30 กรัม
  3. ผงฟู 1 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่เบอร์ 2 4 ฟอง 
  5. น้ำตาลทรายขาว 80 กรัม 
  6. กลิ่นวานิลลา 1 ฝา
  7. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  8. วัตถุดิบตกแต่งหน้าเค้กตามชอบ
เค้กนมสด

ขั้นตอนวิธีการทำเค้กนมสดด้วยหม้อนึ่ง เนื้อนุ่มฟู

  1. ขั้นตอนแรกร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และนมผงใส่ชามผสม 
  2. ใส่ไข่ไก่ และน้ำมะนาวลงไปในชามผสมอีกหนึ่งชาม ตีด้วยเครื่องผสมอาหารสปีดสูงสุด ระหว่างนี้ให้ทยอยใส่น้ำตาลทรายขาว และสารแต่งกลิ่นวานิลลาลงไปเพื่อลดกลิ่นไข่ เมื่อไข่เริ่มขึ้นฟูแล้วให้ปรับลดลงเป็นสปีดต่ำ ระหว่างนี้ให้ทยอยใส่ส่วนผสมของแป้งในขั้นตอนที่ 1 ลงไป (หากติดขอบชามผสมให้ปาดลงมาด้วยไม้พาย 
  3. เตรียมพิมพ์เค้กรองด้วยกระดาษไข ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นหรือไม้จิ้มฟันคนวนเบาๆเพื่อไล่ฟองอากาศ จากนั้นใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป ก่อนจะนำไปนึ่งด้วยไฟแรงเป็นเวลา 30 นาที หรือจนกว่าขนมเค้กจะสุก (ห่อฝานึ่งด้วยผ้าขาวบาง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดใส่ตัวเค้ก)
  4. เมื่อเค้กสุกแล้วให้คว่ำออกจากพิมพ์บนกระดาษไข ดึงกระดาษไขที่ติดกับตัวเค้กออกแล้วพักไว้ให้เย็น
  5. ใส่วิปปิ้งครีมลงไปในชามผสม ตีด้วยสปีดสูงสุดจนหน้าวิปปิ้งครีมขึ้นริ้วฉี่แล้วให้ปิดเครื่องได้เลย
  6. ตัดแบ่งครึ่งเนื้อเค้กที่เตรียมไว้ ปาดวิปปิ้งครีมลงไปตรงกลางให้ทั่ว วางทับด้วยเนื้อเค้กอีกหนึ่งชิ้นให้เสมอกันแล้วปาดวิปปิ้งครีมให้ทั่ว เสร็จแล้วตกแต่งเค้กนมสด เพิ่มได้ตามชอบ
เค้กนมสด

เค้กนมสดนอกจากจะทำเพื่อมอบให้เป็น เค้กของขวัญ แทนใจแล้ว ยังสามารถทำทานในครอบครัวได้ในวันว่างๆ และยังนำสูตรนี้ไป ทำเค้กขาย เพิ่มรายได้เสริมให้กับตัวเองได้อีกด้วย เพราะใช้วัตถุดิบน้อยในราคาย่อมเยา ดังนั้น จึงเป็นเมนูเบเกอรี่ที่น่าสนใจมากทีเดียว

Categories
เบเกอรี่

ไดฟุกุ สตอเบอรี่ถั่วแดง ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น

ไดฟุกุ

ไดฟุกุ DAIFUKU ขนมหวานญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับขนมโมจิ เนื่องจากถูกดัดแปลงมาจากขนมโมจิตั้งแต่สมัยเอโดะ วัตถุดิบในการทำจึงคล้ายคลึงกันตามไปด้วย ชื่อตามภาษาญี่ปุ่นมีความหมายถึงความยิ่งใหญ่ และความโชคดี มีความเชื่อกันว่าเป็นขนมแห่งความโชคดี ที่ควรค่าแก่การมอบให้กันในวันพิเศษ หรืองานมงคลต่างๆ เพื่อเป็นของขวัญอวยพรให้กันและกัน 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ไดฟุกุ ขนมหวานยอดนิยม

เมื่อได้รู้ความหมายดีๆของขนมไดฟุกุ กันมาแล้ว หลายคนคงอยากทำ ขนมหวานยอดนิยม สัญลักษณ์แห่งความโชคดี เพื่อมอบให้กับคนพิเศษในวันสำคัญ หรือทำเพื่อรับประทานเองแบบฟินๆ โดยเมนูนี้สามารถรังสรรค์สอดไส้ได้หลากหลาย เช่น ไดฟุกุสตอเบอรี่ ถั่วแดง,ช็อกโกแลต,อัลมอลด์ และผลไม้ต่างๆตามความชอบ จึงได้นำสูตรขนมไดฟุกุยอดนิยมมาบอกต่อ ให้ได้ทำตามกันง่ายๆ ดังนี้

วัตถุดิบทำไดฟุกุสตอเบอรี่

  1. แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
  2. แป้งมัน 25 กรัม
  3. แป้งมัน สำหรับทำแป้งนวล 100 กรัม 
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. น้ำเปล่า 330 กรัม
  6. สารแต่งกลิ่นตามชอบ 3 หยด
  7. สตรอเบอร์รี่ 16 ลูก 
  8. ถั่วแดงกวนสำเร็จรูป ปริมาณตามชอบ
ไดฟุกุ

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกใส่ถุงมือแล้วปั้นไส้ถั่วแดงให้เป็นวงกลม แผ่ออกเพื่อห่อสตอเบอรี่ให้ทั่ว จากนั้นวางใส่กล่องมีฝาปิดเพื่อป้องกันไม่ให้แห้งจนเกินไป และนำไปแช่พักไว้ในตู้เย็น
  2. ผัดแป้งมันสำหรับทำแป้งนวลไดฟุกุ ด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 15 นาที (วิธีการนี้จะทำให้แป้งฟู เนื้อละเอียด ไม่ติดมือ) เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท
  3. ใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และน้ำตาลทรายลงไปในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน จากนั้นทยอยใส่น้ำเปล่าและสารแต่งกลิ่นลงไปในระหว่างคน เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน เมื่อละลายเข้ากันแล้วให้นำไปกวนด้วยไฟอ่อนจนแป้งสุกใส
  4. เทแป้งไดฟุกุใส่ถาดที่โรยด้วยแป้ง คลุกแป้งนวลให้ทั่วตัวขนมแล้วตัดแบ่งออกให้เป็นชิ้น ตามจำนวนสตอเบอรี่ที่เตรียมไว้ พักไว้ให้คลายความร้อนแล้วนำมาห่อสตอเบอรี่ให้มิด ปั้นให้เนื้อเนียนเสมอกัน เสร็จแล้วค่ะ สำหรับเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมของเราในบทความนี้
ไดฟุกุ

แม้ว่าไดฟุกุ จะถูกดัดแปลงสูตรมาจาก ขนมโมจินกกระทา และใช้แป้งในแบบเดียวกัน คือแป้งข้าวเหนียว หรือแป้งโมจิ แต่ก็นับว่าเป็น เบเกอรี่ทำง่าย ที่มีความอร่อยแตกต่างกัน และสำหรับทริคในการทำขนมในบทความนี้ขอบอกเลยว่า หากใส่แป้งบางจนเกินไปจะทำให้ขนมของเรานั้นแข็ง หากใส่ถั่วแดงเยอะจนเกินไปก็จะทำให้หวานจนเลี่ยน เพราะฉะนั้น แนะนำให้ใส่แต่พอดีนะคะ

Categories
ขนมไทย

ขนม อาลัว กรอบนอกนุ่มใน หนึ่งในสูตรขนมไทยขายดี

ขนม อาลัว

ขนม อาลัว มีชื่อที่คล้ายคลึงกับ ขนมของต่างประเทศ นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็น ขนมไทย อีกหนึ่งอย่างที่ท้าวทองกีบม้าเป็นคนรังสรรค์ขึ้นมา โดยต้นกำเนิดที่แท้จริงของขนมอยู่ที่ประเทศโปรตุเกส นำมาตั้งชื่อที่มีความหมายถึงขนมที่ยั่วยวนชวนให้รับประทาน  มีลักษณะเป็นขนมชิ้นเล็กสีหวาน เนื้อสัมผัสด้านนอกจะกรอบ แต่ด้านในนั้นกลับนุ่มลิ้นหวานละมุน หยิบทานเพลินอย่าบอกใครเลยละ

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนม อาลัว ขนมไทยทำง่าย

ในปัจจุบันนั้นขนมอาลัว ถือเป็น ขนมไทยยอดนิยม อีกหนึ่งอย่างที่คนไทยให้ความสนใจกันมาก ด้วยรสชาติที่อร่อยจนใครๆต่างหลงใหล ทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นาน นำใส่กล่องพกพาไปรับประทานได้สะดวก หลายคนจึงชื่นชอบ ขนมไทยโบราณ ชนิดนี้กันมาก แถมยังเป็นขนมที่ใช้วัตถุดิบในการทำน้อย แต่ขั้นตอนการทำนั้นต้องใช้ระยะเวลาสักนิด แต่เราจะพาทุกคนไปทำขนมอาลัวลดเวลา โดยใช้เตาอบแทนการนำขนมไปตากแดดกันค่ะ

วัตถุดิบทำขนมอาลัว

  1. แป้งเค้กหรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 65 กรัม 
  2. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  3. กะทิ 250 มิลลิลิตร
  4. น้ำเปล่า 60 มิลลิลิตร
  5. สารแต่งกลิ่นมะลิ ½ ช้อนชา
  6. สีผสมอาหารตามชอบ
ขนม อาลัว

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกในการทำขนมอาลัว ให้ใส่กะทิ และแป้งเค้กหรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน และนำไปกรองด้วยตะแกรงใส่ลงไปในกระทะเทฟล่อน หรือกระทะทองเหลือง
  2. ใช้ไม้พายคนส่วนผสมในกระทะให้เข้ากัน เติมน้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลายเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเติมสารแต่งกลิ่นมะลิลงไปคนให้เข้ากันก่อนทำขั้นตอนถัดไป
  3. เปิดไฟตั้งกระทะด้วยไฟกลางค่อนไฟแรง ใช้ไม้พายคนส่วนผสมตลอดเวลาจนกว่าส่วนผสมจะข้น แล้วปรับไฟลงเป็นไฟกลางค่อนอ่อน คนต่อให้ส่วนผสมร่อนจากกระทะ มีเนื้อเนียนเริ่มจับตัวเป็นก้อน ปิดเตาได้เลย
  4. นำแป้งออกมาแบ่งใส่ชามผสมตามจำนวนสีผสมอาหารที่เลือกใช้ ใส่สีผสมอาหารลงไปผสมให้เข้ากัน 
  5. ใส่แป้งอาลัวลงไปในถุงบีบ พร้อมใส่หัวบีบอาลัว จากนั้นเตรียมถาดรองอบรองด้วยกระดาษไข หรือกระดาษรองอบ บีบขนมลงไปให้ทั่วโดยห่างกันเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมติดกัน 
  6. อบขนมด้วยเตาอบที่อุณหภูมิ 50 องศา ไฟบนล่าง เปิดพัดลม เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าขนมจะแห้งดี จากนั้นนำออกมาพลิกด้านขนมแล้วนำไปอบอีกครั้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จสิ้นพักไว้ให้เย็นแล้วรับประทานได้เลยค่ะ
ขนม อาลัว

หลังจากจบบทความการทำ สูตรขนมอาลัวไม่ตากแดด เชื่อว่าหลายคนคงจะสามารถทำ ขนมอาลัว รับประทานกันได้เองที่บ้านแล้ว แต่หากใครจะทำขายก็นับว่าเป็น ขนมไทยขายดี ที่สามารถสร้างรายได้เสริมได้เป็นกอบเป็นกำ โดยขนมอาลัวนี้จริงๆแล้วมีอยู่สองชนิด คือ อาลัวชาววัง และอาลัวจิ๋ว ซึ่งสูตรที่เราเห็นได้บ่อยครั้งก็เห็นจะเป็นเจ้าอาลัวจิ๋วนี่แหละ

Categories
ขนมไทย

ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม รสชาติหวานมันเค็ม นุ่มละลายในปาก

ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม

ขนมยอดนิยมที่กำลังมีกระแสมาแรงในโลกโซเชียล ณ เวลานี้ คงจะหนีไม่พ้นเมนู ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม ซึ่งเป็นขนมที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันกับ “ขนมเปี๊ยะ” แต่จะมีความแตกต่างกันที่ รสชาติเนื้อนวลไข่เค็ม จะเหมือนขนมกลีบลำดวนมากกว่า คือ รสหวาน มัน เค็ม หลอมรวมกันเป็นความอร่อยที่ลงตัว ขอบอกว่าเนื้อกรอบนุ่มละลายในปากเลยทีเดียว

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม ขนมหวานยอดนิยม 

ขนมเนื้อนวลไข่เค็มเมนูขนมหวาน น้องใหม่ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองทานกันดูสักครั้ง แต่ด้วยความที่รู้จักกันเพียงบางกลุ่มเท่านั้น จึงทำให้หาซื้อไม่ได้ง่ายๆเหมือนขนมชนิดอื่น แต่แน่นอนว่าในอนาคตต้องได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เราจึงได้นำ สูตรขนมทำง่าย มาให้ทำทานด้วยตัวเองกันค่ะ 

วัตถุดิบทำขนมเนื้อนวล

  1. แป้งเค้ก ตราบัวแดง 200 กรัม
  2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ ตราว่าว 20 กรัม
  3. น้ำตาลไอซิ่ง 75 กรัม
  4. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  5. น้ำมันรำข้าว 95 กรัม
  6. ไข่แดงเค็ม (สุก) 5 ฟอง

วัตถุดิบทำ ไข่แดงทาหน้าขนมเนื้อนวล

  1. ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง
  2. น้ำมันพืช 1/2 ช้อนชา
ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม

ขั้นตอนวิธีการทำ เนื้อนวลไข่เค็ม สูตร

  1. ขั้นตอนแรกในการทำขนมเนื้อนวลไข่เค็ม เริ่มจากการร่อนส่วนผสมแห้งทั้งหมดรวมกันใส่ชามผสม (แป้งเค้ก แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลไอซิ่ง และเกลือป่น) ใช้ไม้พายเกลี่ยแป้งให้มีหลุมตรงกลาง จากนั้นใส่น้ำมันรำข้าวลงไปตะล่อมให้เข้ากัน และนวดสักครู่จนแป้งจับตัวเป็นก้อน
  2. นำส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 มาแบ่งช่างน้ำหนักให้ได้ก้อนละ 8 กรัม และปั้นให้เป็นวงกลมจนกว่าแป้งจะหมด วางเรียงกันในถาดรองอบรองด้วยกระดาษไข ปั้นเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขาวบางคลุมพักไว้
  3. ตัดแบ่งไข่แดงเค็มแดงให้มีขนาดเล็ก เพื่อเตรียมทำไส้ ขนมเนื้อนวล (ไข่แดง 1 ลูก สามารถแบ่งได้ 12 ชิ้น) 
  4. นำแป้งที่แบ่งไว้มาแผ่ให้แบนแล้วใส่ ไส้ไข่แดงเค็ม ลงไปตรงกลาง ทำการปั้นคลึงให้กลม เสร็จแล้ววางพักไว้ในถาดรองอบที่เดิม และห่อใส่ไส้ชิ้นต่อๆไปจนหมด
  5. วอร์มเตาอบด้วยอุณหภูมิ 160 องศา ไม่เปิดพัดลม เป็นเวลา 20 นาที ก่อนจะนำ เนื้อนวลไส้ไข่เค็ม ที่ปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้าไปอบต่อด้วยอุณหภูมิเท่าเดิม 15-20 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุกดี 
  6. ระหว่างรอขนมสุกให้เตรียมไข่แดงทาหน้าขนม โดยนำไข่แดงของไข่ไก่มาคนผสมกันกับน้ำมันพืช (หากใครต้องการให้สีขนมเข้มขึ้น สามารถเพิ่มสีผสมอาหารได้เลย) เมื่อขนมสุกแล้วให้นำออกจากเตา ใช้แปรงหรือพู่กันทาหน้าขนมด้วยไข่แดงที่เตรียมไว้ รอให้หน้าหน้าขนมแห้งแล้วทาซ้ำอีกรอบ 
  7. นำขนมไปเข้าเตาอบเป็นรอบที่สอง โดยใช้ไฟเท่าเดิม แต่ใช้เวลาในการอบเพียง 5 นาทีเท่านั้น เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบมาพักไว้ให้เย็นก่อนรับประทาน
ขนมเนื้อนวลไข่เค็ม

จบไปแล้วกับสูตรขนมเนื้อนวลไข่เค็ม ที่เราได้นำมาบอกต่อกันในบทความนี้ หากต้องการให้ขนมมีความหอมเย้ายวลชวนรับประทาน หลังอบเสร็จให้นำไป ขนมอบควันเทียน ต่อนะคะ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานให้มากยิ่งขึ้น และสำหรับใครที่ต้องการ สูตรขนมทำขาย นำไปสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเอง แนะนำให้ใช้สูตรนี้เลย เพราะซื้อง่ายขายคล่องแบบสุดๆ แถมต้นทุนในการทำยังไม่สูงด้วยนะ

Categories
ขนมไทย

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน สูตรง่ายๆ แม้จะเป็นมือใหม่ก็ทำทานได้

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

หนึ่งในขนมไทยโบราณที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว และได้รับความนิยมสูงสุดนั้นก็คือ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ขนมที่มีความอร่อย หวาน มัน เหนียวนุ่มเนื้อแป้ง ผสานกับความกรุบกรอบของเนื้อมะพร้าว จึงไม่แปลกใจเลยที่กลายเป็นขนมสุดโปรดของใครหลายๆคน แต่รู้หรือไม่ว่าขนมบ้าบิ่นนั้นมีตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา จนเป็นที่ขัดแย้งกันอยู่สองตำนาน บ้างก็ว่าถูกคิดค้นสูตรในสมัยรัตนโกสินทร์โดย “ป้าบิ่น” เป็นที่มาของชื่อขนม บ้างก็ว่าไม่ใช่ขนมไทยแท้ แต่เป็นขนมที่ถูกดัดแปลงมาจากขนมต่างประเทศโดยท้าวทองกีบม้า

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน สูตรเหนียวนุ่มไม่แห้ง

สำหรับใครที่กำลังหาสูตรทำ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เพื่อทำรับประทานเอง หรือทำขายสร้างรายได้ ในปัจจุบันก็มีอยู่หลายสูตร ยกตัวอย่างเช่น บ้าบิ่นสูตรโบราณ เป็นต้น ในบทความนี้เราก็ได้นำ สูตรขนมบ้าบิ่น ทำง่ายด้วยกระทะเทฟล่อน ที่รับรองได้เลยว่าใครได้รับประทานแล้วก็ต้องติดใจอย่างแน่นอน โดยเป็นสูตรที่มีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม แม้จะทิ้งไว้ทั้งวันก็ยังคงความเหนียวนุ่มอยู่ 

วัตถุดิบทำขนมบ้าบิ่น

  1. แป้งข้าวเหนียวขาว 150 กรัม
  2. แป้งมันสำปะหลัง 90 กรัม
  3. แป้งท้าวยายม่อม 40 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 180 กรัม
  5. กะทิ 100 กรัม
  6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  7. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 700 กรัม
  8. น้ำเปล่า 210 มิลลิลิตร
ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  1. ขั้นตอนแรกเตรียมชามผสมแล้วใส่แป้งมัน แป้งข้าวเหนียว และแป้งท้าวยายม่อมลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำตาลทรายกับเกลือลงไปแล้วกะทิลงไปนวด ระหว่างนวดแป้งให้ทยอยใส่น้ำเปล่าลงไประหว่างนวดจนกว่าน้ำที่เตรียมไว้จะหมด เพื่อให้แป้งมีความข้น อิ่มน้ำ แต่ไม่หนืด
  2. เมื่อนวดส่วนผสมจนเข้ากันดีแล้ว ให้ทยอยใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไปในชามผสม ใช้มือนวดให้ส่วนผสมทั้งสองส่วนเข้ากันดี
  3. ตั้งกระทะเทฟล่อนด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ทาน้ำมันพืชลงไปในกระทะให้ทั่วแล้วรอให้ร้อนก่อนจะตัก ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ลงไปเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ รอจนขนมส่วนข้างล่างสุกเหลืองแล้วให้กลับด้าน เพื่อให้สุกทั่วกันทั้งสองข้าง เสร็จแล้วนำไปพักไว้บนตะแกรงให้พออุ่น เป็นอันเสร็จสิ้นรับประทานได้เลยค่ะ
ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

แม้ว่า ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน จะเป็น ขนมไทยยอดนิยม ที่หาทานได้ง่ายทั่วไป แต่จะหาที่อร่อยถูกใจนั้นก็ยากแสนยาก เราจึงแนะนำให้ทุกคนลองนำ สูตรขนมบ้าบิ่น สูตรนี้ไปลองทำรับประทานกันเองที่บ้าน โดยปรับเพิ่มลดส่วนผสมได้ตามชอบ ใครชอบแป้งน้อยก็ใส่น้อย ชอบมะพร้าวเยอะก็สามารถใส่ได้แบบจุกๆเลย