Categories
ขนมไทย

ขนมแดกงา ขนมพื้นบ้านมีเรื่องราวในพระไตรปิฏก

ขนมแดกงา ขนมพื้นบ้านมีเรื่องราวในพระไตรปิฏก

หากใครกำลังอยากจะทานขนมหวานสักชิ้น เราขอแนะนำ “ขนมแดกงา” ขนมที่ทั้งอร่อย และช่วยให้อิ่มท้อง ซึ่งหน้าตาของขนมนั้นอาจจะไม่คุ้นหูคุ้นตาบางคนเสียเท่าไหร่ เพราะเป็นขนมพื้นบ้านของจังหวัดสุโขทัย หรือเมืองมรดกโลกของไทยเรานี่เอง เป็นจังหวัดที่มากมายไปด้วยวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ รวมถึงอาหารที่อร่อย และขนมไทยที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ก็มีสตอรี่ที่มากมาย ถูกกล่าวถึงในชาดกเรื่องหนึ่งว่าเป็นอาหารของชนชั้นแรงงาน เพราะสามารถทานได้แทนอาหารว่าง ทานแล้วอิ่มอยู่ท้องช่วยคลายหิวได้ ด้วยวัตถุดิบหลักที่ทำจากข้าวเหนียว และงา แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าขนมหวานอื่น ๆ หากใครอยากลองทานก็ไม่ต้องไปหาซื้อไกล เพราะเราได้นำสูตรวิธีการทำ พร้อมเล่าเรื่องราวสอนใจจากขนมไทยมาให้ทุกคนได้ศึกษากันอีกด้วย

ขนมแดกงา
ขนมแดกงา ขนมพื้นบ้านมีเรื่องราวในพระไตรปิฏก

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมแดกงา ขนมที่มีเรื่องราวสอนใจในพระไตรปิฏก

ขนมแดกงายังเป็นขนมไทยที่มีประวัติยาวนาน และถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นเรื่องราวกี่เกี่ยวข้องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเศรษฐีที่เคยเป็นคนชั้นแรงงานมาก่อน เขาได้ศึกษาธรรมจนมีผู้ศรัทธาจากการที่เขาอธิบายธรรม ต่อมาก่อนที่เขาจะสิ้นใจเขาได้ปรารถนาความศรัทธา และมั่นคงในพระรัตนตรัย เขาได้นิมนต์พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะมาพำนักอยู่ที่อัมพาฏการาม วัดที่ตนเป็นคนสร้าง ซึ่งมีพระสุธรรมเป็นเจ้าอาวาส ทำให้เกิดความอิจฉาที่เศรษฐีนับถือผู้อื่นมากกว่าตน เมื่อเศรษฐีได้ถวายภัตตาตารให้อย่างมากมาย แต่พระสุธรรมกลับกล่าวว่าอาหารของเขานั้นขาดไปเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ ขนมแดกงา ทำให้เศรษฐีนั้นโมโหมาก เพราะมันทำให้เขานึกถึงตอนที่ยังยากจน จึงมองขนมชนิดนี้เป็นของแสลง

ทั้งสองจึงได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้กราบทูลเรื่องนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตำหนิพระสุธรรม และบอกให้ไปขอขมาเศรษฐีถึง 2 รอบ จึงได้ยกโทษให้ และเรื่องนี้ก็ให้คำสอนว่าเศรษฐีที่มีปฏิภาณเฉียบแหลม ศึกษาธรรมจนได้รับการยกย่องมีคนนับถือ แต่ก็ยังมีปมแต่อดีตที่ไม่สามารถละได้ ทั้งพระสงฆ์บางรูปก็ยังไม่หลุดพ้นในธรรม ถือเป็นเรื่องราวที่สะท้อนจิตใจของมนุษย์ หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวของขนมแดกงามาพอสมควรแล้ว เราไปดูวัตถุดิบในการทำกันเลยค่ะ

  1. แป้งข้าวเหนียวขาว 150 กรัม
  2. น้ำลอยดอกมะลิสำหรับนวดแป้ง 
  3. น้ำลอยดอกมะลิ 60 กรัม
  4. เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 150 กรัม
  5. น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม
  6. ถั่วลิสงคั่วบุบ 45 กรัม
  7. งาดำคั่ว 60 กรัม
  8. งาขาวคั่ว 60 กรัม
  9. เกลือป่น 10 กรัม
  10. ใบตอง 2 – 3 ใบ
ขนมแดกงา
ขนมแดกงา ขนมพื้นบ้านมีเรื่องราวในพระไตรปิฏก

ขั้นตอนวิธีการทำขนมไทยรับประทานง่าย คลายหิว

เนื่องจากขนมแดกงามีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน จึงไม่สามารถทราบต้นกำเนิดที่ชัดเจน แต่ชาวมอญที่ได้รับพุทธศาสนาจากอินเดีย จึงได้รับขนมแดกงามาทำรับประทานด้วย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญ และถูกเรียกอย่างหลากหลาย และมีความแตกต่างกันในด้านหน้าตาของขนม เช่น คนไทยภาคกลางจะเรียกว่าขนมแดกงา และขนมงาดำ , ภาคเหนือเรียก ขนมข้าวปุก , ภาคอีสานเรียด ขนมข้าวเปียง ซึ่งนิยมทำขนมไทยชนิดนี้ในช่วงเทศกาล เช่น วันปีใหม่ 

และก็มีถึงสูตรวิธีการทำที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ให้ได้ไปทำรับประทานกันแบบง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ดังนี้ 

  1. ขั้นตอนแรกทำไส้ของขนมแดกงา โดยเริ่มจากการตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ และน้ำลอยดอกมะลิลงไปกวนให้ละลายเข้ากัน ตามด้วยเนื้อมะพร้าวลงไปเคี่ยวต่อให้เข้ากันจนแห้งลง และใส่ถั่วลิสงกวนต่อ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดแห้งเข้ากันแล้วให้ตักมาพักไว้บนภาชนะรองด้วยกระดาษไข จัดวางเป็นชิ้นกลม ๆ ชิ้นละประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ จากนั้นพักไว้ให้เย็น
  2. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียว และทยอยใส่น้ำเปล่าลงไปนวดให้เข้ากันจนจับตัวเป็นก้อน (ขั้นตอนนี้อย่าเทน้ำลงไปทีเดียวนะคะ เพราะจะทำให้ตัวแป้งเหลวเกินไปค่ะ)
  3. นำแป้งข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลมในปริมาณตามชอบ หรือพอดีคำ พอให้ห่อหุ้มไส้ได้ ต่อด้วยการบีบให้เป็นแผ่นบาง ใส่ไส้ที่เราเตรียมไว้ในขั้นตอนแรกลงไปตรงกลาง และทำการห่อหุ้มปั้นให้เป็นทรงกระบอก ทำซ้ำกับส่วนที่เหลือจนกว่าส่วนผสมจะหมดค่ะ เสร็จแล้วให้นำไปใส่ซึ้งที่รองไว้ด้วยใบตอง 
  4. ตั้งหม้อนึ่งจนน้ำเดือดจัดแล้วนำขนมที่เตรียมไว้ลงไปนึ่งเป็นเวลา 10 – 15 นาที
  5. ใส่งาขาว งาดำ และเกลือป่นลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันในชามผสม คีบขนมที่นึ่งแล้วมาคลุกเคล้าให้ทั่ว จากนั้นจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

ในสังคมปัจจุบันนั้นขนมถือได้ว่าเป็นเบเกอรี่อีกหนึ่งอย่างที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความหอมและสามารถรับประทานง่ายอุ่นท้องได้เป็นอย่างดี ซึ่งขนมจะมีหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดนัทที่กำลังได้รับความนิยมและผู้คนให้ความสนใจ เพราะสามารถทานได้ง่ายและรับประทานเป็นอาหารในช่วงที่ท้องว่าง ทำให้ลดการหิวระหว่างวันได้อีกด้วย จึงเป็นเมนูที่ผู้คนนิยมรับประทานกัน ในระหว่างวัน ซึ่งโดนัทจิ๋ว เมนูยอดนิยม เป็นเมนูที่ขึ้นชื่อในเรื่องของต้นทุนการทำที่ประหยัด แต่มีรสชาติอร่อยคุ้มค่ากับราคา

วันนี้เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับเมนูเบเกอรี่ดังกล่าวให้ทุกท่านได้รับทราบถึงวัตถุดิบหลักและส่วนผสม ที่ใช้ในการทำโดนัทว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ที่เป็นวัตถุดิบหลักสามารถหาซื้อได้ในร้านค้ารูปแบบไหน รวมถึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการทำ ที่ทุกท่านสามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้านซึ่งเป็นขั้นตอนที่ไม่ยาก เราได้ทำการรวบรวมมาไว้ให้ทุกท่านได้ทราบในหัวข้อถัดไป ไปดูกันเลยว่ามีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้เขายังมีเคล็ดลับอะไรที่จะช่วยทำให้โดนัทของทุกท่านนั้น สามารถเก็บไว้รับประทานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น สูตรเคล็ดลับที่ถือได้ว่าผู้คนนั้นนิยมทำกันเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าที่ขายขนมปังและโดนัท 

โดนัทจิ๋ว
โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

โดนัทขนมยอดฮิตรับประทานง่าย

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าในสังคมปัจจุบันนั้นขนมอาหารว่างถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รับประทานง่ายและใช้ระยะเวลาในการรับประทานได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการรับประทานอาหารมื้อต่าง ๆ หรืออาหารตามสั่งทั่วไป ขนมนั้นสามารถเก็บไว้รับประทานได้ระหว่างวันในการทำงานอีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการรับประทานที่สั้น ทำให้ผู้คนนิยมรับประทานในช่วงระยะเวลาที่เร่งรีบเมื่อต้องไปทำงานในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดนัทจิ๋ว ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานขนมเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกอิ่มท้องและลดการหิวอาหารได้เป็นอย่างดี เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับส่วนผสมหลักที่สำคัญและวัตถุดิบที่ใช้ในการทำโดนัท เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านสามารถทำรับประทานเองที่บ้านได้ตามที่ต้องการ ที่ได้รับการการันตีแล้วว่าอร่อยและสามารถเก็บไว้ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนผสมหลัก ได้แก่

– แป้งอเนกประสงค์หรือแป้งทำเค้ก ในปริมาณ 120 กรัม

– น้ำตาลทราย ปริมาณ 120 กรัม

– เนยจืดในปริมาณ 90 กรัม

– ผงฟู ¼

– เบกกิ้งโซดา 1/4

– ไข่ไก่จำนวน 2 ฟอง

– นมสดในปริมาณ 100 ml

– กลิ่นวนิลาปริมาณ 1 ช้อนชา

– ท็อปปิ้งตามที่ทุกท่านชื่นชอบ

ทั้งหมดข้างต้นเป็นส่วนผสมหลักและวัตถุดิบที่ทุกท่านสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าขายอุปกรณ์และส่วนผสมในการทำเบเกอรี่ทุกรูปแบบ

โดนัทจิ๋ว
โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

ขั้นตอนและวิธีการทำโดนัทจิ๋ว

เมื่อทุกท่านได้ทราบถึงส่วนผสมหลักและวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการทำโดนัทจิ๋วแล้ว ในลำดับต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนและวิธีการทำโดนัทให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยเป็นขั้นตอนที่เราได้ทำงานรวมจากต่าง ๆ มาไว้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน บอกได้เลยว่าเป็นขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก ทุกท่านสามารถปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. นำน้ำตาล ใส่ลงไปในชามตีให้เข้ากันกับเนยละลายโดยการใช้ตะกร้อมือ
  2. ใส่ไข่จำนวน 2 ฟองลงไปในชามผสมผสานให้เข้ากันตามด้วยนมสดและกวนจนทุกอย่างเข้ากันอย่างดี
  3. นำแป้งอเนกประสงค์หรือแป้งทำเค้กมาร่อนและผสมกับเบกกิ้งโซดา ผงฟู ผสมผสานเข้ากันในชาม ด้วยการใส่สารแต่งกลิ่นวนิลาเพื่อให้ขนมมีความหอม นำไปใส่เครื่องทำโดนัทจิ๋ว เติมท็อปปิ้งตามที่ชื่นชอบ

4. ขั้นตอนสุดท้ายของการทำเบเกอรี่ คือการนำไปอบในระยะเวลา 3 ถึง 5 นาทีก็จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยสามารถรับประทานได้ทันที จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสูตรเคล็ดลับที่สำคัญในการทำเมนูขนมทานเล่นโดนัทจิ๋วเลยทีเดียว

Categories
ขนมไทย

ขนมบัวลอยมันม่วง ขนมไทยประยุกต์ตามเทรนด์

ขนมบัวลอยมันม่วง ขนมไทยประยุกต์ตามเทรนด์

จากกระแสมันม่วงที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ เพราะในปัจจุบันมีคนที่พัฒนาเพิ่มมูลค่าของมันม่วงที่มีมากมายในไทย ให้เป็นขนมรูปแบบต่าง ๆ ที่มีราคาสูงขึ้นทั้งบิงซูมัน ไอศกรีม เครป กุยช่าย ขนมปัง แยม สาคู และอีกมากมายที่นำมันม่วงมาเป็นส่วนประกอบหลัก เราจึงได้หยิบยกขนมบัวลอยขนมไทยโบราณที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไปแต่จะเป็นขนมบัวลอยในรูปแบบธรรมดาเท่านั้น ในวันนี้เราจะมาแนะนำ “ขนมบัวลอยมันม่วง” ที่ได้ประยุกต์ขึ้นมาตามเทรนด์มันม่วง มาให้คุณได้ลองทำตามกันค่ะ

ขนมบัวลอยมันม่วง ขนมไทยประยุกต์ตามเทรนด์

วัตถุดิบหาง่ายในการทำขนมบัวลอยมันม่วง

ก่อนอื่นเลยเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกมันม่วงให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อน เราต้องเลือกมันม่วงที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะกับการทำบัวลอย โดยเลือกเนื้อที่แน่น ไม่นิ่มจนเกินไป ไม่มีราก และมีผิวเรียบ ไม่มีรอยหรือรูที่เกิดจากการบอบช้ำ ทำให้เสียรสชาติ เพียงเท่านี้เราก็จะได้มันม่วงที่พร้อมสำหรับทำขนมบัวลอยมันม่วงขนมไทยประยุกต์ของเราแล้ว

  1. มันม่วงนึ่งสุกบดให้เนื้อเนียนละเอียด ปริมาณ ½ ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเหนียวที่ช่วยให้ขนมนุ่มหนึบหนับสู้ฟัน ปริมาณ 1 ถ้วยตวง
  3. แป้งมัน ปริมาณ ¼ ถ้วยตวง
  4. น้ำเปล่าต้มอุ่น ปริมาณ 6 ช้อนโต๊ะ
  5. กะทิสำหรับทำขนม ปริมาณ 500 มิลลิลิตร
  6. น้ำตาลทราย ปริมาณ 100 กรัม
  7. เกลือป่น ปริมาณ 1 ช้อนชา (การใส่เกลือช่วยทำชูรสหวานให้โดดเด่น)
  8. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดตามความชอบ
  9. ใบเตยมัดเพิ่มความหอม ปริมาณ 2 ใบ
ขนมบัวลอยมันม่วง ขนมไทยประยุกต์ตามเทรนด์

วิธีทำบัวลอยมันม่วง ทำกินง่ายทำขายรายได้ดี

บัวลอยยยยย เจ้าเพื่อนยาก ทำไมจากข้าเร็วเกินไป บัวลอยเจ้าอยู่ที่ไหน เคยรู้บ้างไหมกว่าจะได้ถุงนึง นั่นแน่ มีใครที่เคยฟังเพลงนี้แล้วเกิดอยากกินบัวลอยกันบ้างคะ ? เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เป็นเพลงยอดนิยมไม่แพ้ขนมบัวลอยเลยทีเดียว แต่ถึงไม่มีเพลงนี้เราก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากจะลองชิมบัวลอยมันม่วงกันดูสักครั้ง ปัญหามันอยู่ที่หาซื้อยากมากเนื่องจากเป็นเมนูประยุกต์ที่พ่อค้าแม่ค้าบางคนยังไม่รู้จัก ดังนั้น เรามาเรียนรู้วิธีทำกินเองกันง่าย ๆ กันเลย รับรองว่าเป็นขนมไทยที่อร่อยถูกใจแน่นอนค่ะ

  1. ขั้นตอนแรกนำมันม่วงบดละเอียด แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และน้ำร้อนมาผสมเข้าด้วยกัน ใช้ไม้พายกวนจนผสมกันเป็นเนื้อเดียว หลังจากนั้นจึงนำมานวดให้เนื้อเนียนจนจับตัวเป็นก้อน ขั้นตอนนี้สามารถเพิ่มกะทิ 3 ช้อนโต๊ะลงไปทีละนิดแล้วนวดให้เข้ากัน เพื่อเพิ่มรสชาติให้แป้งบัวลอยมีความหวานมันยิ่งขึ้น
  2. โรยแป้งข้าวเหนียวจนทั่วภาชนะที่เตรียมไว้ ต่อไปปั้นแป้งที่เตรียมไว้ทั้งหมดให้เป็นก้อนกลม ๆ ในขนาดเท่ากันใส่ภาชนะ และโรยแป้งข้าวเหนียวซ้ำอีกรอบเพื่อป้องกันไม่ให้ก้อนบัวลอยที่เราปั้นไว้ติดกันแล้วพักไว้ค่ะ
  3. นำบัวลอยที่พักไว้มาต้มในน้ำเดือด สังเกตง่าย ๆ เมื่อสุกแล้วจะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ให้ใช้กระชอนตักบัวลอยที่สุกแล้วขึ้นมาพักในน้ำเย็นเพื่อไม่ให้จับตัวกันเป็นก้อน
  4. ใส่กะทิ ใบเตย น้ำตาลทราย เกลือป่น ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปในหม้อ ใช้ไม้พายกวนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน ใส่เนื้อมะพร้าวขูดตามไปทีหลัง เมื่อส่วนผสมเข้ากันและสุกจนเดือดแล้วให้ใส่ตักใบเตยออกจากหม้อ
  5. มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ใส่บัวลอยที่พักไว้ลงไปแล้วกวนต่อสักพักแล้วตักใส่ถ้วยโรยมะพร้าวแต่งหน้าให้สวยงามแล้วยกไปเสิร์ฟได้เลยค่ะ 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรบัวลอยมันม่วงที่เรานำมาแนะนำให้ได้รู้จัก สามารถทำตามกันได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถนำไปปรับสูตรไปทำขายต่อยอดรายได้สร้างอาชีพเสริมได้อีกด้วย เพราะเทรนด์มันม่วงนั้นยังฮิตไม่หยุด แถมขนมไทยอย่างบัวลอยยังเป็นขนมที่ได้รับความนิยมจากคนไทย รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คุณจะลืมไม่ลงจนต้องกลับมาทำซ้ำ



Categories
เบเกอรี่

เค้กมะพร้าวอ่อน ขนมเค้กสำหรับคนที่ชอบความหอมและความหวาน

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีในปัจจุบันนั้นผู้คนนิยมรับประทานของว่างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่นชอบในการรับประทานขนมหวานที่มีรสชาติอร่อยและกลมกล่อม ซึ่งวันนี้เรามีเมนูขนมหวานมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกันนั่นก็คือ เค้กมะพร้าวอ่อน กินขนมหวานที่ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นเค้กที่มีความหอมละมุนลิ้นและอร่อยผสมผสานระหว่างความเป็นไทย นั่นก็คือ มะพร้าวที่ทำจากมะพร้าวอ่อนผสมเข้ากับ ความทันสมัยในการทำเค้กที่ใช้ส่วนผสมของแป้งชนิดต่าง ๆ 

จึงทำให้เป็นเมนูที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบรับประทานขนมหวานเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งในช่วงวันสำคัญต่าง ๆ ก็ต้องมีการจัดทำขึ้นเพื่อที่จะทำให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานวันสำคัญต่าง ๆ ได้รับประทานขนมหวานและของว่างที่มีความอร่อย หนึ่งในนั้นก็คือเค้กมะพร้าวอ่อน เป็นเค้กที่ทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้และมะพร้าวเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของไทย ซึ่งมีรสชาติที่หอมหวานและมันผสมผสานคลุกเคล้าเข้าด้วยกันยิ่งนำมาทำเป็นเค้ก และปรุงแต่งรสชาติตามธรรมชาติยิ่งจะทำให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

วันนี้เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการทำเมนูดังกล่าวรวมถึงส่วนผสมหลักที่ใช้ในการทำเค้กว่ามีอะไรบ้าง และทุกท่านสามารถปฏิบัติตามได้อย่างง่ายดายเพราะเป็นส่วนผสมและวัตถุดิบที่หาได้ตามท้องตลาด ไปดูกันเลยว่ามีส่วนผสมหลักที่สำคัญอะไรบ้างและมีขั้นตอนวิธีการทำอย่างไรที่ไม่ยากและไม่ซับซ้อน

เค้กเนื้อมะพร้าวหอมละมุนลิ้น

สำหรับใครที่ชื่นชอบทานขนมหวานและเค้กเป็นพิเศษนั้นวันนี้เรามีเมนูเด็ดมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก เค้กมะพร้าวอ่อน เมนูที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบถึงรายละเอียดขั้นตอนวิธีการทำและวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการทำ เนื่องจากเขาเป็นขนมเค้กที่มีรสชาติอร่อยและสามารถรับประทานได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่จะชื่นชอบรสชาติของมะพร้าวที่มีความหอมและความมันผสมผสานกัน กลายเป็นขนมเค้กรูปแบบเบเกอรี่ที่ผู้คนนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก 

และหากใครที่กำลังมองหาเค้กงานวันเกิดหรือเค้กวันสำคัญเพื่อที่จะส่งมอบความรักให้กับคนพิเศษของท่านนั้นเราอยากจะแนะนำเป็นเมนูดังกล่าวที่เราได้อธิบายไปนั่นก็คือ เค้กเนื้อมะพร้าวอ่อนที่จะทำให้คนพิเศษของทุกท่านนั้นชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะมีรสชาติที่หอมอร่อยเนื้อแป้งนุ่มละมุนเมื่อรับประทานคู่กับมะพร้าวอ่อนแล้วยิ่งจะทำให้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น

ส่วนผสมหลัก และขั้นตอนในการทำเค้กที่ทำจากมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสมหลักของเค้กมะพร้าวอ่อน นั้นมีส่วนผสมหลักที่ทุกท่านสามารถซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป ได้แก่ 

  • แป้งเค้ก 60 กรัม 
  • น้ำตาลทราย 35 กรัม
  • ผงฟู 1/8 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • ไข่แดง 2 ฟอง 
  • กะทิ 20 กรัม 
  • น้ำมะพร้าว 17 กรัม
  • มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
  • ไข่ขาว 2 ฟอง 

เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมหลักที่สามารถนำมาทำเค้กได้ทันที ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปอย่างที่เราได้อธิบายไว้เบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้เขายังมีขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยากเมื่อทุกท่านเตรียมส่วนผสมทุกอย่างไว้ด้วยกันแล้ว อันดับแรกท่านจะต้องทำไส้ครีมของมะพร้าวอ่อนก่อน 

  1. นำเนื้อมะพร้าวนั้นมาผสมผสานคลุกเคล้ากับน้ำตาลทรายกะทิ และน้ำมะพร้าวรวมถึงเกลือป่น ตั้งไฟในขนาดปานกลางและค่อย ๆ คนส่วนผสมทุกอย่างคลุกเคล้าให้เข้ากันเมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อย
  2. ใส่เนยสดลงไปละลายในน้ำที่กำลังร้อน ให้ทุกท่านขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนออกเป็นเส้น ๆ และนำมาหั่นตามความชื่นชอบพักทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 
  3. ทำแป้งเค้กโดยการร่อนแป้งและผงฟูผสมผสานเข้าด้วยกันหลังจากนั้นเทของเหลวที่เราได้ผสมไว้ตั้งแต่ขั้นตอนข้างต้นแล้วคนให้เข้ากันอย่างรวดเร็วเพื่อให้เนื้อแป้งเค้กนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. เมื่อทุกท่านทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วให้นำไข่ขาวออกมาตีให้ขึ้นฟอง ใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อยและตีจนไข่ขาวขึ้นยอดแข็งนั้นส่วนผสมทุกส่วนนั้นเทใส่พิมพ์และนำเข้าอบประมาณ 20 นาที 
  5. ขั้นตอนที่สำคัญของการทำ เบเกอรี่คือพักทิ้งไว้และนำมาตกแต่งตามความชื่นชอบของทุกท่านได้ทันที
Categories
ขนมไทย

ขนมฝรั่งกุฏีจีน ขนมไทยที่ถูกลืมเลือน

ขนมฝรั่งกุฏีจีน ขนมไทยที่ถูกลืมเลือน

ขนมไทยนั้นมีอยู่อย่างมากมาย บ้างก็เป็นขนมที่เราเห็นหน้าคร่าตาแล้วรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ยังมีขนมไทยอีกบางส่วนที่ถูกลืมเลือน และกำลังจะห่างหายไป ทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก หากเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ขนมไทยบางชนิดอาจจะหายไปเลยก็ได้ ซึ่งในวันนี้เราก็จะขอเข้าร่วมการอนุรักษ์ขนมไทย โดยการนำขนมไทยอย่าง “ขนมฝรั่งกุฏีจีน” มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อขนมไทยชนิดนี้ และเมื่อเห็นแล้วอาจนึกกันว่าเป็นขนมไข่ก็เป็นได้ เพราะรูปร่างลักษณะนั้นคล้ายกันมาก ๆ 

ขนมชนิดนี้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือ คล้ายคลึงกับขนมไข่ แต่มีความกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมเย้ายวนชวนรับประทาน แถมยังผสมผสานรสชาติหวานมัน และเปรี้ยวจากวัตถุดิบที่นำมาโรยหน้า ซึ่งก็เข้ากันเป็นอย่างดี ในอดีตนั้นมักจะทำขนมฝรั่งกุฏีจีนในช่วงเทศกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ และทำขายกันทั่วไป โดยเชื่อกันว่าหากได้รับประทานขนมไทยชนิดนี้แล้วจะร่มเย็น มั่งคั่ง ร่ำรวย และไม่ได้มีหน้าตาเหมือนในปัจจุบัน เพราะจะโรยหน้าด้วยน้ำตาลเท่านั้น ทำให้รสชาตินั้นแตกต่างจากปัจจุบัน แต่ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ

ขนมฝรั่งกุฏีจีน ขนมไทยที่ถูกลืมเลือน

วัตถุดิบในการทำขนมฝรั่งกุฏิจีน ขนมสองวัฒนธรรม

ขนมฝรั่งกุฏีจีนเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เป็นขนมที่ขึ้นชื่อของชุมชมกุฏิจีน ชุมชมที่มีคนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนาอาศัยอยู่ ทั้งชาวไทย จีน มุสลิม และโปรตุเกส ขนมไทยชนิดนี้จึงเป็นขนมที่มาจากสองประเทศ ทั้งตัวขนมที่เป็นสูตรของชาวโปรตุเกส และหน้าขนมที่เป็นของคนจีน โดยถูกทำขึ้นในประเทศไทย และกลายเป็นขนมที่หาทานได้ยากมากในปัจจุบัน หากใครอยากรับประทานคงจะต้องเดินทางไปซื้อไกลถึงชุมชนกุฏีจีนเลยทีเดียว แต่ในวันนี้เรามีสูตรวิธีการทำมาแนะนำให้ได้ทำทานกันที่บ้านแบบง่าย ๆ ไม่มากมายขั้นตอน ก่อนอื่นเราไปดูวัตถุดิบกันเลยค่ะ

  1. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  2. ไข่เป็ด 1 ฟอง
  3. น้ำมันพืช
  4. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ½ ถ้วยตวง
  5. น้ำตาลทรายขาว 1/3 ถ้วยตวง
  6. สารแต่งกลิ่นวานิลลา 
  7. ลูกพลับอบแห้งหั่นชิ้นเล็ก ปริมาณตามชอบ
  8. ฟักเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก ปริมาณตามชอบ
  9. ลูกเกด ปริมาณตามชอบ
ขนมฝรั่งกุฏีจีน ขนมไทยที่ถูกลืมเลือน

วิธีการทำขนมไทยหาทานได้ยาก

แม้ว่าขนมฝรั่งกฏีจีนจะเป็นขนมไทยที่หาทานได้ยาก แต่วัตถุดิบนั้นหาได้ง่ายทั่วไป เราจึงสามารถทำขนมไทยชนิดนี้ทานเองได้ที่บ้านแบบง่าย ๆ เพียงคุณมีเตาอบติดบ้าน และเครื่องผสมอาหาร หรือตะกร้อมือ ก็สามารถทำได้แล้ว สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มหัดทำขนมก็สามารถทำได้ เพราะไม่ต้องใช้ความประณีตมากมายในการทำ อาศัยแค่ความตั้งใจก็สามารถทำได้แล้วค่ะ สามารถทานคู่กับกาแฟในตอนเช้า หรือจะทานคู่กับนมก็อร่อยไม่แพ้กัน หากใครพร้อมที่จะทำขนมไทยชนิดนี้กันแล้ว สูตรที่เรานำมาฝากนั้นมีดังนี้ค่ะ

  1. ขั้นตอนแรกให้ใส่ไข่ไก่ ไข่เป็ด น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาลงไปในชามผสม ตีให้เข้ากันด้วยเครื่องผสมอาหารจนเป็นเนื้อครีมเนียน ๆ ขึ้นฟู
  2. เตรียมชามผสม และตะแกรงร่อนแป้ง ทำการร่อนแป้งสาลีจำนวน 2 รอบ แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ที่เราเตรียมไว้ โดยแบ่งใส่แป้งเป็นสี่ส่วน ใส่ลงไปหนึ่งครั้งแล้วใช้ไม้พายตะล่อมเบา ๆ ในทางเดียวกันให้แป้งละลายเข้ากันไม่เป็นเม็ด และทำซ้ำกับแป้งที่เหลือ พักไว้
  3. นำน้ำมันพืชมาทาให้ทั่วพิมพ์ (ใช้พิมพ์ขนมแบบจีบ สำหรับอบได้) จากนั้นใส่ส่วนผสมของแป้งที่พักไว้ลงไป เหลือขอบไว้เล็กน้อยเผื่อแป้งขึ้นฟู
  4. อบขนมด้วยไฟอุณหภูมิ 170 องศา เป็นเวลา 2 นาที แล้วนำออกมาแต่งหน้าด้วย ลูกเกด ลูกพลับอบแห้ง และฟักเชื่อม เสร็จแล้วนำไปอบต่อด้วยอุณหภูมิเท่าเติมเป็นเวลา 15 นาที 
  5. เมื่ออบเสร็จแล้วให้นำออกจากเตามาพักไว้ให้เย็น และนำออกมาจากพิมพ์ โรยน้ำตาลทรายขาว เสร็จแล้วจัดใส่จานรับประทานได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราก็ได้นำสูตรการทำเบเกอรี่มาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำทานกันอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับเมนูเบเกอรี่ในวันนี้จะเป็นคุกกี้แบบอบ หน้าตาน่ารัก สามารถทำได้ง่าย ๆ นั่นก็คือ “คุกกี้ไอศกรีม” ที่เคยโด่งดังมาก ๆ ในโซเซียลมาแล้ว ซึ่งหลายคนคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วนะคะ เรียกว่าเห็นแล้วแยกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่านี่เป็นคุกกี้ หรือไอศกรีมจริง ๆ กันแน่ 

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

วัตถุดิบในการทำคุกกี้ไอศกรีม ขนมหวานหน้าตาน่ารัก

สำหรับคุกกี้ไอศกรีมนั้นถือเป็นคุกกี้ที่ฉีกกฎคุกกี้แบบเดิม ๆ ที่เราเคยเห็นไปเลย โดยการนำคุกกี้มาผสมสีสันต่าง ๆ ในลักษณะเบเกอรี่รูปไอศกรีมสุดแสนจะน่ารัก รสชาติหวาน หอม ละมุนลิ้น ส่วนเนื้อสัมผัสเองก็กรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุด ๆ บ้างก็นำมาสอดไส้ด้วยรสชาติต่าง ๆ เพิ่มรสชาติให้น่าทานมากยิ่งขึ้น แต่ในวันนี้เราได้นำสูตรการทำแบบเบสิคไร้ไส้มาฝากกันนะคะ ก่อนอื่นไปเตรียมอุปกรณ์กันเลยค่ะ

  1. เนยสดรสจืด (อุณหภูมิห้อง) 300 กรัม
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
  3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. แป้งเค้ก 500 กรัม
  7. สีผสมอาหารตามชอบ
คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

ขั้นตอนวิธีทำเบเกอรี่ คุกกี้ยอดฮิต

แม้ว่าคุกกี้ไอศกรีมนั้นจะมีหน้าตาที่แตกต่างจากคุกกี้ทั่วไป แต่วิธีการทำนั้นยังคงคล้ายกันอยู่ค่ะ นั่นหมายความว่า คนที่เคยทำขนมอบอย่างคุกกี้กันมาบ้างแล้ว จะสามารถทำได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ ส่วนคนที่ไม่เคยทำก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะคะ วิธีทำของเรามีดังนี้

  1. ขั้นตอนแรกใส่เนยสดรสจืดลงไปในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนจนละลาย จากนั้นใส่น้ำตาลไอซิ่ง เกลือป่น คนให้เข้ากันแล้วใช้ไม้พายปาดให้ส่วนผสมมาอยู่ตรงกลางแล้วใส่ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา ลงไปคนให้เข้ากัน 
  2. ร่อนแป้งเค้กใส่ลงไปในชามผสมเดียวกันกับขั้นตอนที่ 1 โดยใช้ไม้พายกวนเบา ๆ ให้เข้ากันจนมีเนื้อเนียน ไม่ติดชาม จากนั้นแบ่งส่วนผสมออกตามจำนวนสีผสมอาหารที่ต้องการใช้แล้วหยดสีผสมอาหารลงไปคนผสมให้เข้ากัน ห่อภาชนะด้วยฟิล์มถนอมอาหาร แล้วนำเข้าไปแช่เย็นเป็นเวลา 30 นาที
  3. เมื่อรอจนครบเวลาแล้วนำที่ตักไอศกรีมมาตักขึ้นรูป ตักแป้งเนื้อคุกกี้ไอศกรีม โดยรองถาดรองอบด้วยกระดาษไข ก่อนจะตักคุกกี้ใส่ลงไป
  4. นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 150 องศา ไฟบน – ล่าง เปิดพัดลม เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นให้พักไว้ให้เย็นแล้วนำมาจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
ขนมไทย

ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมโบราณสุดแปลกหากินยาก

ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมโบราณสุดแปลกหากินยาก

ประเทศไทยนั้นมีประวัติมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี และขนมไทยก็อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเรามาตลอดทุกยุคทุกสมัย ทำให้บางครั้งถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเรารู้จักกับขนมไทยเป็นอย่างดีแทบจะทุกชนิด แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะมีขนมโบราณโผล่ขึ้นมาให้เราได้แปลกใจอยู่เสมอ อย่างเช่นขนมที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมที่มีวิธีการทำที่ยากและต้องอาศัยความประณีตสูง ทำให้มันเป็นขนมที่เราหากินได้ยากแล้วในปัจจุบันเพราะแทบจะไม่มีใครทำออกมาขาย เป็นขนมที่เหมาะสำหรับคนที่เคยผ่านการทำขนมไทยมาบ้างแล้ว เพราะมันจะเป็นการเพิ่มความสามารถและความชำนาญของคุณขึ้นไปอีกขั้น หากต้องการจะท้าทายฝีมือของตนเองแล้วล่ะก็ วันนี้เรามีสูตรมาแนะนำให้ลองทำตามกัน 

ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมโบราณสุดแปลกหากินยาก

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมสำหรับการทำขนมโบราณจากเพลงบุหลันลอยเลื่อน

ขนมบุหลันดั้นเมฆนั้นเป็นขนมไทยโบราณที่เกิดขึ้นในช่วงยุครัชกาลที่ 2 ได้รับแรงบันดาลใจในการคิดค้นมาจากเพลงที่มีชื่อว่าบุหลันลอยเลื่อนซึ่งเป็นเพลงในพระราชนิพนธ์ คำว่าบุหลันก็หมายถึงพระจันทร์ ขนมชนิดนี้จึงเป็นขนมที่อยู่ในถ้วยตะไล ลักษณะภายในถ้วยจะเป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินที่มีขนมสีเหลืองลอยอยู่ตรงกลาง วัตถุดิบที่เราจะต้องเตรียมประกอบไปด้วย

  1. ถ้วยตะไล 
  2. ดอกอัญชัน 2 กำ นำเอาไปล้างให้สะอาดจนไม่มียาง
  3. น้ำร้อน 1 ถ้วยตวง
  4. กะทิ 120 กรัม สามารถใช้ได้ทั้งกะทิคั้นสดโดยเลือกใช้เป็นส่วนของหัวกะทิ หากใช้กะทิกล่องสามารถใช้ได้ทั้งกล่อง
  5. แป้งข้าวเจ้าจำนวน 110 กรัม
  6. เกลือครึ่งช้อนชา
  7. ไข่แดงเป็ด 10 ฟอง 
  8. แป้งท้าวยายม่อมจำนวน 40 กรัม
  9. กลิ่นวนิลาครึ่งช้อนชา
  10. น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม
  11. น้ำเชื่อม 350 กรัม หากเคี่ยวน้ำเชื่อมเองให้พักไว้จนเย็นก่อน
  12. น้ำเปล่าสะอาด 200 กรัม 
ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมโบราณสุดแปลกหากินยาก

วิธีการทำขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมโบราณสุดแปลกที่มาพร้อมกับหลายขั้นตอน

ขนมไทยอย่างขนมบุหลันดั้นเมฆนั้นเป็นขนมไทยโบราณที่ต้องยอมรับว่ามีขั้นตอนการทำที่หลากหลายและยุ่งยาก บางขั้นตอนนั้นต้องระมัดระวังให้ดีไม่เช่นนั้นขนมก็จะออกมาไม่เป็นตามต้นฉบับอย่างที่ควรจะเป็นอีกด้วย หากพูดง่าย ๆ มันคือการรวมกันระหว่างขนมน้ำดอกไม้และทองหยอด ขั้นตอนและกระบวนการทำมีดังนี้

  1. นำดอกอัญชันใส่ลงไปในน้ำร้อน จากนั้นทำการคั้นเป็นน้ำอัญชันเตรียมไว้ 100 กรัม
  2. ตั้งหม้อไฟกลาง นำเอากะทิ 120 กรัมและแป้งข้าวเจ้า 10 กรัม ผสมเข้าด้วยกันแล้วเคี่ยวจนกะทิข้น จากนั้นให้ใส่เกลือลงไปครึ่งช้อนชาแล้วพักให้เย็น
  3. นำไข่แดงและน้ำตาลไอซิ่งใส่ในชามผสม ตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายและใสขึ้นฟอง จากนั้นใส่กลิ่นวนิลาเพื่อให้ไข่ไม่มีกลิ่นคาว ตีให้เข้ากันอีกครั้งแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางให้เนื้อเนียน
  4. นำแป้งข้าวเจ้าที่เหลืออีก 100 กรัมผสมกับแป้งท้าวยายม่อม จากนั้นค่อย ๆ เทน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แป้งที่ได้ก็จะเป็นแป้งที่ขึ้นเงาและไม่ติดมือ
  5.  จากนั้นให้เทน้ำเปล่าที่เหลือ น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ และน้ำดอกอัญชันลงไปจนหมด คนให้เข้ากันแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
  6. ตั้งหม้อนึ่งให้น้ำเดือดแล้วนำถ้วยตะไลลงไปนึ่งให้ร้อน หลังจากถ้วยตะไลร้อนแล้วให้ทำการหยอดแป้งสีม่วงลงไปจนเกือบเต็มถ้วย ปิดฝานึ่งด้วยน้ำเดือดเป็นเวลา 2 นาที แป้งที่ได้ตรงขอบจะสุกและมีสีเข้ม ส่วนตรงกลางจะยังเป็นส่วนผสมที่เหลวอยู่
  7. ให้รีบนำเอาถ้วยตะไลออกมาแล้วคว่ำลงเพื่อให้แป้งที่ยังเหลวอยู่ไหลออกมาจนหมด จะได้ถ้วยขนมที่มีรูเป็นหลุมตรงกลาง
  8. นำเอากะทิที่เคี่ยวจนข้นหยอดลงไปในหลุมเล็กน้อยแล้วนึ่งต่อเป็นเวลา 1 นาที 
  9. เปิดฝาแล้วหยอดส่วนผสมที่เป็นไข่ลงไปจนเกือบเต็มแล้วนึ่งต่อ 5 นาที เมื่อขนมสุกแล้วให้นำเอาถ้วยตะไลออก พักขนมไว้จนเย็นแล้วทำการแกะขนมออกจากถ้วยตะไล เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนมโบราณหารับประทานยากมารับประทานกันในครัวเรือน 
Categories
เบเกอรี่

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

สำหรับใครที่เป็นสายกาแฟอยู่แล้ว คงหลงรักโอเปร่าเค้กแบบสุด ๆ เพราะเป็นเบเกอรี่เค้กสัญชาติฝรั่งเศสที่อร่อยเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ เต็มรสกาแฟอย่างแท้จริง โดยเค้กชิ้นนี้มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 โดยมีหลาย ๆ ผู้ที่อ้างตัวว่าตนเองนั้นเป็นผู้คิดค้น บ้างก็บอกว่าเป็นเค้กที่เกิดขึ้นในโรงละครโอเปร่า เพื่อให้คนที่มาชมละครได้รับประทานกันระหว่างรับชม

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

วัตถุดิบในการทำโอเปร่าเค้ก เค้กหลายชั้น เต็มรสกาแฟ

โอเปร่าเค้ก มีลักษณะเป็นเค้กหลายชั้น ที่ไม่ว่าคุณจะตักคำไหนก็จะได้รสชาติทั้งหมดของเบเกอรี่ชิ้นนี้อย่างอร่อยลงตัว โดยจะได้รสเดียวกันแทบทั้งชิ้น ทั้งรสของครีม กาแฟ เนื้อเค้ก และช็อกโกแลต โดยในปัจจุบันก็เป็นที่นิยมจนมีมากมายหลายสูตร ซึ่งสูตรที่เรานำนาฝากในวันนี้ก็ขอแบ่งวัตถุดิบออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายนะคะ

เนื้อเค้กชิฟฟอนกาแฟ

  1. แป้งเค้ก 80 กรัม
  2. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. น้ำตาล 65 กรัม
  5. น้ำมันพืช 45 มิลลิลิตร
  6. นมสด 60 มิลลิลิตร
  7. ผงกาแฟ 2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 60 มิลลิลิตร
  8. ไข่แดง 3 ฟอง
  9. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  10. ไข่ขาว 3 ใบ
  11. น้ำตาลทรายขาว 65 กรัม

บัตเตอร์ครีมกาแฟ

  1. บัตเตอร์ครีม 150 กรัม
  2. ผงกาแฟ 1.5 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่า 1 ช้อนชา

น้ำเชื่อมกาแฟ

  1. ผงกาแฟ 2 ช้อนชา
  2. น้ำร้อน 5 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ

ช็อกโกแล็ตกานาชครีม

  1. ช็อกโกแล็ต 100 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

ขั้นตอนวิธีการทำเค้กกาแฟ เนื้อชิฟฟ่อน

สำหรับวิธีการทำโอเปร่าเค้กนั้นก็แสนจะง่ายดาย แต่อาจจะซับซ้อน และหลายขั้นตอนไปเสียหน่อย อาจจะถือว่าซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่เลยก็ว่าได้ แต่เมื่อได้รับประทานเค้กกาแฟชิ้นนี้แล้วขอรับรองเลยว่าต้องติดใจแน่นอน 

  1. ขั้นตอนแรกนำแป้งเค้ก ผงฟู เกลือไปร่อนด้วยตะแกรงใส่ลงไปในชามผสม และใส่น้ำตาล ใช้คะกร้อมือคนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช ไข่แดง กลิ่นวานิลลา และกาแฟผสมน้ำอุ่น ตีผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว
  2. ใส่ไข่ขาว และน้ำตาลทรายลงไปในโถตีของเครื่องผสมอาหาร ตีด้วยความเร็วสูงสุดจนตั้งยอดแข็ง จากนั้นให้นำไปผสมกับส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 และตีอย่างเบามือ
  3. เตรียมถาดรองอบ รองด้วยกระดาษรองอบ เสร็จแล้วให้เทส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป เกลี่ยด้วยไม้พายให้สม่ำเสมอกันทั่วทั้งพิมพ์ และนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 15 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นแล้วนำกระดาษไขออกจากเนื้อเค้ก
  4. ทำบัตเตอร์ครีมกาแฟ โดยตีผสมบัตเตอร์ครีมกับกาแฟที่เราผสมไว้ลงไปตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือแล้วพักไว้
  5. ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนการทำน้ำเชื่อม ให้ผสมผงกาแฟ น้ำอุ่น และน้ำตาลแล้วคนให้เข้ากัน 
  6. ผสมช็อกโกแลชกานาช และวิปปิ้งครีม แล้วนำเข้าไปละลายในไมโครเวฟ และคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
  7. ตัดเนื้อเค้กให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบาง ๆ เป็นจำนวน 4 แผ่นเท่า ๆ กันกับพิมพ์สี่เหลี่ยม 
  8. ใส่เค้กแผ่นแรกลงไปในพิมพ์ ทาด้วยน้ำเชื่อมกาแฟให้ทั่ว ตามด้วยปาดบัตเตอร์เค้กลงไปให้เนียนเสมอกัน ใส่เนื้อเค้กอีกหนึ่งชั้น ทาน้ำเชื่อม และปาดช็อกโกแล็ตกานาชให้ทั่ว ทำซ้ำกับอีกสองแผ่นที่เหลือในแบบเดียวกัน เสร็จแล้วให้นำไปแช่เย็น 2 ชั่วโมง นำออกจากพิมพ์ และแต่งหน้าตามใจชอบ ตัด และจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ