Categories
ขนมไทย

แนะนำสูตร ขนมดอกจอก โบราณ ขนมหวานทอดกรอบ เคี้ยวเพลิน

ขนมดอกจอก

ขนมดอกจอก เป็นอีกหนึ่งขนม โบราณที่มีรสชาติไม่หวานเกินไป และแป้งกรุบกรอบ ทำให้เป็นที่นิยมของคนในสมัยอีต โดยขนม หวาน ไทยชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักเป็น แป้ง น้ำตาลทราย หัวกะทิ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คืองาดำคั่วหอมๆ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นใช้พิมพ์จุ่มแป้งแล้วนำไปทอดให้เหลืองทองสวยงาม ในส่วนรสชาติมีความหวานน้อย เนื้อแป้งกรอบ กรอบ เคี้ยวเพลินอร่อยฟินทุกชิ้น เรียกว่าเป็นขนมที่รสชาติอร่อยคุ้มค่ากับการหาซื้อทานสุดๆ และเหมาะที่อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ลองทานสืบต่อไป 

กระบวนการทำ ขนมดอกจอก แป้งบางกรอบ ไม่อมน้ำมัน หอมกลิ่นงาดำ

ขนมดอกจอก

ขนม ดอกจอก ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทย โบราณที่มีรูปทรงสวยงามแปลกตา ที่มาพร้อมกับความอร่อยที่โดดเด่นของกลิ่นงาคั่วผสมผสานกับกลิ่นกะทิหอมละมุนละไม และเนื้อแป้งบางกรอบอร่อยถูกปากทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ นอกจากนี้ในส่วนของกระบวนการทำต่างๆ นั้นทำง่ายมากๆ แถมยังสามารถขายได้ด้วย ดังนั้นหากใครกำลังหาสูตรดอกจอกโบราณทำง่ายๆ ต้องไม่พลาด เพราะเรามีสูตรขนมดอกจอกไม่อมน้ำมันมาให้ได้ติดตาม เผื่อได้ลองทำทานกันในครอบครัว 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ใช้ทำขนม

ขนมดอกจอก
  1. แป้งมัน 150 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
  4. ไข่แดง 3 ฟอง
  5. หัวกะทิ 250 กรัม
  6. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปูนใส 150 กรัม
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  10. งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำดอกอัญชัน ½ ถ้วยตวง

สำหรับขั้นตอนการทำขนมดอกจอกนั้นไม่ยาก แต่จะทำอย่างไรขนมจึงจะไม่อมน้ำมัน ไม่ต้องวังวลไป เพราะเรามีวิธี ทำ ดอกจอก ไม่อมน้ำมัน แถมแป้งบางกรอบ และสูตรที่จะทำเป็นสูตรดอกจอกอัญชันสีม่วงสดใสสวยงามแปลกตา ต่อมาจะเป็นวิธีขนม ไทย ง่ายๆ ดังนี้

ขนมดอกจอก
  1. เริ่มจากนำแป้งมัน แป้งข้าวเจ้า และแป้งสาลีอเนกประสงค์ มาร่อนใส่ในชามที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่น้ำตาลทราย เกลือ ลงไป ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นใส่กะทิลงไปใช้มือนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง น้ำมันพืช ตามด้วยน้ำปูนใส ผสมจนกว่าแป้งจะเป็นเนื้อเนียน
  2. หลังจากที่ได้น้ำแป้งที่มีเนื้อเนียนดีแล้ว จากนั้นให้น้ำอัญชันลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน ขั้นตอนสุดท้ายใส่งาดำลงไปคนให้เข้ากัน 
  3. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันลงไป เปิดไฟอ่อนๆ รอให้น้ำมันร้อนให้เอาพิมพ์ดอกจอกมาจุ่มให้ร้อน จากนั้นยกออกเช็ดน้ำมันด้วยกระดาษซับมัน เสร็จแล้วจุ่มลงไปในแป้ง นำไปทอดให้แป้งหลุดออก และทอดต่อจนเหลืองหอม ทำการตักออกพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน และรอให้ขนมเย็นสนิท เสิร์ฟได้ทันที
ขนมดอกจอก

วิธีการทำขนมดอกจอก บางกรอบ ตามสูตร ขนม ไทยโบราณนั้นจะต้องไม่ผสมแป้งให้เข้มข้นเกินไป เพราะหากน้ำแป้งข้นจะทำให้ขนมที่ทอดออกมานั้นหนา และเนื้อแป้งแข็งเกินไปทานไม่อร่อย หากใครอยากให้ขนมมีหลากสีมากขึ้น แนะนำให้ทำสูตรดอกจอกแฟนซี เป็นขนมไทยสีสันสดใสชวนทานที่สุด สำหรับขนมดอกจอกที่ทำเสร็จสามารถเก็บใส่ถุง หรือกล่องปิดฝาให้มิดชิดจะทำให้ขนมกรอบ และสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น 

แจกความฟิน ขนมดอกจอก สูตรข้าวโพด แป้งกรอบ หอมอร่อยชวนทาน

ขนมดอกจอก

ขนมดอกจอกถือว่าเป็นขนมไทย ทำเองง่ายๆ ไม่ต้องไปเรียนทำขนมให้เสียเวลา และสูตรที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้คือ ดอกจอกสูตรข้าวโพด ซึ่งวิธีทำ ดอกจอก ข้าวโพด หนึ่งในเมนูขนม ไทย ทำ ง่ายๆ โดยทำตามสูตรขนมดอกจอกอัญชัน โดยการนำข้าวโพดไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาผสมกับแป้ง และส่วนผสมอื่นๆ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันให้เหลืองกรอบ สำหรับการใส่ข้าวโพดลงไปในแป้งจะทำให้ขนมมีความหอม และอร่อยมากยิ่งขึ้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet 

Categories
ขนมไทย

แชร์สูตร ไอติมไข่แข็ง เมนูคลายร้อน หวานอร่อย เย็นชื่นใจ

ไอติมไข่แข็ง

เมืองไทยบ้านเราขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน และตัวช่วยคลายร้อนได้ดีคือ การทานเมนูของหวานเย็นๆ จะช่วยให้สามารถคลายร้อน และมีความสุขมากขึ้น ซึ่งเมนูขนมหวานในบ้านเรามีหลากหลายเมนู และหนึ่งในนั้นคือ ไอติมไข่แข็ง เป็นเมนูขนม หวาน ไทยที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะความพิเศษอยู่ที่การราดไข่แดงลงไปในไอติม ทำให้รสชาติของไอศกรีมมีความแปลกใหม่ และมีเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบหอมอร่อยเคี้ยวเพลินสุดๆ นอกจากนี้ไอติม ไข่แข็งยังมีท็อปปิ้งให้เลือกใส่ได้หลากหลายชนิดยิ่งทำให้รสชาติของไอติมอร่อยฟิน ทานแล้วมีความสุขได้ทั้งวัน 

ขั้นตอนการทำ ไอติมไข่แข็ง ไอติมยอดนิยม หอมกรุบกรอบ หวานมัน 

ไอติมไข่แข็ง

ไอศกรีม เป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งในสมัยเด็กๆ มักจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายไอติมตามหมู่บ้านให้เด็กๆ ได้ซื้อทานกันอย่างเพลิดเพลิน โดยเฉพาะไอติมกะทิสดที่ราดด้วยช็อกโกแลตหอมอร่อยชื่นใจ แต่ปัจจุบันมีการปรับสูตรไอติมให้หลากหลาย และอร่อยมากขึ้น ซึ่งสูตรที่กำลังมาแรงในขณะก็คือ ไอติม ไข่แข็ง เป็นขนมไทยที่ใช้ไข่แดงเป็นท็อปปิ้ง จึงทำให้ตัวไอศกรีมมีรสชาติหวาน มัน และไข่แดงกรุบกรอบอร่อยฟินทุกคำ นอกจากไอติมจะอร่อยถูกใจแล้ววิธีทำ ไอติมไข่แข็งยังเป็นเมนูขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ไม่ยาก และยังทำขายได้ด้วย 

ไอติมไข่แข็ง

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวโพด ¼ ถ้วยตวง
  3. กะทิกล่อง 1 ถ้วยตวง
  4. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  5. ไข่แดง 1 ฟอง

สำหรับการทำไอติมสูตรไข่แข็งในฉบับขนมไทย ทำเองอย่างง่ายทานเอง เราจะมาเริ่มทำไอติมกันก่อน ซึ่งในวันนี้จะทำสูตรไอติมอย่างง่ายๆ สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องออกไปซื้อให้เสียเวลา อีกทั้งข้อดีของการทำไอติมเองคือ สามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการ 

ไอติมไข่แข็ง
  1. นำส่วนผสมที่เป็นกะทิ และน้ำตาลทรายมาละลายให้เข้ากัน จากนั้นใส่กลิ่นวานิลลา ตามด้วยแป้งข้าวโพด นำไปเคี่ยวด้วยไฟปานกลาง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเริ่มหนืดให้ลดไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนกว่าส่วนผสมจะเดือด เสร็จแล้วทำการปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น 
  2. เมื่อน้ำกระทิเข้มข้นแล้ว ให้นำมาเทใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน หลังจากนั้นนำมาปั่นส่วนผสมให้เป็นเนียน และนำกลับเข้าตู้เย็นอีกครั้ง แช่แข็งต่อประมาณ 2 ชั่วโมง นำไอติมออกมาทาด้วยไข่แดง จากนั้นนำเข้าแช่เข็งอีกครั้งประมาณ 30 นาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ไอติมไข่แข็ง

จบไปแล้วกับวิธีทำไอศกรีม ไข่แข็งทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน แถมยังได้ไอติมรสชาติหวาน ไข่แดงกรุบกรอบ หอมกลิ่นกะทิสดชื่นใจเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่อยากลองทำทานกันในครอบครัวสามารถทำสูตรที่เรานำมาแชร์ข้างต้นได้เลย รับรองว่าหน้าร้อนนี้จะไม่ร้อนอีกต่อไป เพราะเรามีไอติมแสนอร่อยทานคลายร้อนทั้งวัน ไม่มีเบื่อ

รวมเคล็ดลับ และเทคนิคการทำไอติมไข่แข็ง อร่อย ปลอดภัย 

ไอติมไข่แข็ง

ไอติมไข่แข็งเป็นเมนูของหวานที่มีการปรับสูตรขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ไอติมมีรสชาติที่แปลก สำหรับการทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่างไอติมสูตรไข่แข็งทานเองจะมีความสะอาด และปลอดภัยมากกว่าซื้อทานที่ร้าน ซึ่งเทคนิคการทำไอติม สูตรไข่แข็งตามฉบับของหวานไทยให้สะอาดอันดับแรกต้องเลือกไข่ไก่ที่ได้มาตรฐาน และมีการระบุในฉลากให้ชัดเจนว่ามีความปลอดภัยสามารถทานดิบได้ และก่อนนำมาทำไอติมต้องล้างไข่ไก่ก่อนทุกครั้ง สำหรับคนที่อยากเพิ่มความอร่อยสามารถใส่ผลไม้แห้งลงไปในไอติมได้เลย รับรองว่าจะได้รสชาติของไอติมที่หลากหลายทานได้แบบไม่มีเบื่อแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
ขนมไทย

แนะนำขนมหวาน ลอดช่อง ไทย ทำง่าย ทำอร่อย น้ำกะทิเข้มข้น

ลอดช่อง ไทย

ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบนี้หากได้ขนมหวานฉ่ำๆ ทานคงจะดับร้อนได้ดีสุดๆ ว่าแต่จะทานเมนูไหนดีที่สามารถทำทานเองที่บ้าน โดยไม่ต้องออกไปซื้อทานให้เหนื่อย และเสียเวลา วันนี้เรามีหนึ่งเมนูขนมหวานอร่อยแบบไทยอย่าง ลอดช่อง ไทย เป็นขนมหวานที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ที่สำคัญขนมลอดช่อง สูตรโบราณชาววัง ยังทำได้ง่ายอีกด้วย

ส่งต่อความอร่อย ลอดช่อง ไทย ขนมหวานอร่อยแบบไทย ทำง่าย 

ลอดช่อง ไทย

ขนมลอดช่อง ไทย คือขนมหวานที่สุดของความอร่อย ด้วยรสชาติที่หวานฉ่ำ หอมกลิ่นกะทิคั้นสดใหม่ๆผสมผสานกันเนื้อแป้งขนมนุ่มนิ่มอร่อยถูกปากทานได้ทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องช่วงงานเทศกาลก็ทานได้ สำหรับใครที่ไปซื้อทานรสชาติยังไม่ถูกใจมากนัก และอยากลองทำทานเอง หรือให้คนในครอบครัวทานด้วย วันนี้เรามีสูตรลอดช่องราดด้วยน้ำกะทิสดหอมกลมกล่อมมาให้ได้ทำตามกัน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  2. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  3. แป้งถั่วเขียว 40 กรัม
  4. ใบเตย 15 ใบ
  5. น้ำปูนใส 1 ลิตร
ลอดช่อง ไทย

ส่วนผสมและวัตถุดิบของน้ำกะทิ

  1. หัวกะทิ 400 กรัม
  2. น้ำตาลมะพร้าว 300 กรัม
  3. เกลือป่น 10 ใบ
  4. เทียบอบขนม

การทำขนมลอดช่องกะทิสดชาววัง หากเป็นใช้น้ำตาลมะพร้าวเป็นส่วนผสมรสชาติของขนมไทย โบราณจะหวานละมุนอร่อยกำลังดี แต่หาน้ำตาลมะพร้าวไม่ได้ แนะนำเป็นน้ำตาลทรายที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของชำใกล้บ้าน ส่วนรสชาติที่ได้จะมีความอร่อยเหมือนกัน ต่อมาเราจะดูขั้นตอนการทำขนมลอด ช่องชาววังขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ดังนี้

ลอดช่อง ไทย
  1. ขั้นตอนแรกนำใบเตยมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่น จากนั้นตามด้วยน้ำปูนใสปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้วกรองเอาน้ำใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้
  2. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม และแป้งถั่วเขียวใส่ลงไปในน้ำใบเตยรอประมาณ 1 นาที เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน เมื่อแป้งละลายเข้ากันดีแล้วต่อมาให้คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำแป้งไปกรองเอาตะกอนออกด้วยตะแกรง
  3. นำแป้งมาเทในส่ในกระทะทองเหลือง จากนั้นนำไปตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง จากนั้นกวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันตลอดเวลา หลังจากที่แป้งเริ่มเหนียว และกับกันเป็นก้อนให้ลดไฟลง เทน้ำปูนใสที่เหลืออยู่ลงไปทำการกวนส่วนผสมให้เหนียว และมีสีใสขึ้น สำหรับของตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที
  4. เมื่อแป้งสุกแล้วให้ลองตักแป้งใส่ลงไปน้ำ หากน้ำไม่ขุ่นแสดงว่าแป้งสุกเรียบร้อยดีแล้วให้ปิดไฟได้เลย ในขั้นตอนต่อมาตักแป้งใส่เครื่องกดลอดช่อง ได้แป้งที่มีรูปร่างทรงรี ตักลอดช่องใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
  5. เตรียมน้ำกะทิ โดยใส่น้ำตาลมะพร้าว และใบเตยมัดให้เรียบร้อยลงในหม้อใช้ไฟปานกลาง ทำการเคี่ยวจนกว่าน้ำตาลจะละลาย ใส่เกลือลงไป ใส่หัวกะทิสดลงไปผสมให้เข้ากัน จากนั้นจุดเทียนอบขนมใส่ถ้วยเล็กๆ วางลงหม้อ ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ลอดช่อง ไทย

หลังจากที่เตรีนมส่วนผสมของขนมลอดช่อง ไทยชาววัเรียบร้อยแล้ว ต่อมาตักลอดช่องไทยมาใส่ถ้วยขนม พร้อมราดด้วยน้ำกะทิหอมๆ ที่มาพร้อมกับความหวานนุ่ม และหอมกลิ่นเทียนอ่อนละมุนสุดๆ เหมาะที่จะเป็นขนม หวาน ไทยคลายร้อนสุดๆ

เทคนิคทำ ลอดช่อง ไทย ให้อร่อย รสชาติหวานละมุนตามสูตรชาววัง 

ลอดช่อง ไทย

ลอดช่องไทย มีวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ ตามฉบับขนมไทย ทำเองไม่ซับช้อนอย่างที่คิด แต่ถ้าอยากทำขนมให้อร่อยต้องอย่าให้เนื้อขนมไม่เหลวเกินไปโดยการใส่น้ำปูนใสลงไปด้วย และเมื่อใส่แป้งลงในเครื่องกดแป้งแล้วควรแช่แป้งลอดช่องลงไปในน้ำเย็นจาก เพื่อป้องกันแป้งอืด และสุกเกินไป เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมลอดช่องแสนอร่อยตามสูตร ขนม ไทยโบราณ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
ขนมไทย

เมนูยอดฮิต สูตร ข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวนุ่มนิ่ม หวาน มัน หอมอร่อย

ข้าวเหนียวปิ้ง

ข้าวเหนียวปิ้ง ถือว่าเป็นขนมสูตรโบราณที่ในสมัยก่อนนิยมทำทาน และทำขายกัน อีกทั้งคนสมัยก่อนจะนิยมทานขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าได้ว่ากินคาวแล้วต้องกินหวานเลยทีเดียว สำหรับข้าวเหนียว ปิ้งด้วยเตาถ่านจะมีกลิ่นหอมอร่อยกว่าปิ้งด้วยเตาแก็ส และรสชาติจะมีความหอมหวานมัน และข้าวเหนียวนุ่มทานแล้วฟินทุกคำ สำหรับใครที่อยากลองทำขนมข้าวเหนียวปิ้งทานเล่นๆ ยามว่าง วันนี้เรามีสูตร และวิธีการทำขนมสุดฮิตมาให้ลองทำตามแบบง่ายๆ ตามสไตล์ขนมโฮมเมดโบราณ

สอนวิธีทำ ข้าวเหนียวปิ้ง สูตรโบราณ ข้าวเหนียวนุ่มละมุนละไม

ข้าวเหนียวปิ้ง

สำหรับขนมหวานไทย ถือว่ามีหลากหลายเมนูเป็นอย่างมาก ทั้งสูตรทอด และสูตรปิ้ง โดยขนมที่ชนิดจะมีรสชาติที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าขนมของไทยมีความหลากหลาย อีกทั้งยังความละเมียดละไลทุกขั้นตอน และอีกหนึ่งเมนูขนมที่อร่อยสุดๆ อย่าง ข้าวเหนียว ปิ้ง ขนมหวานสูตรโบราณที่หาทานค่อนข้างยากในปัจจุบัน ซึ่งขนมชนิดนี้มีทั้งข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย และข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือกจัดเต็ม ในส่วนของวิธีทำนั้นก็ง่ายๆ เพียงเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ดังนี้

ส่วนผสมที่เตรียมสำหรับไส้กล้วย

  1. ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
  2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. กล้วยน้ำว้าสุก 5 ลูก
  6. ไม้จิ้มฟันสำหรับห่อขนม
  7. ใบตองสำหรับห่อหมก
ข้าวเหนียวปิ้ง

ส่วนผสม และวัตถุดิบของขนมไส้เผือก

  1. เผือก 1 หัว
  2. น้ำตาลปิ๊บ 1 ถ้วยตวง
  3. นมข้นจืด ½ ถ้วย
  4. เกลือป่น ½ ช้อนชา

สำหรับสูตรข้าวเหนียวปิ้งต้นตำรับขนมไทย โบราณจะต้องใช้น้ำกะทิคั้นสดในการทำขนม เพราะจะช่วยให้ขนมมีกลิ่นหอมมันมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีกะทิคั้นสดสามารถใช้กะทิกล่องแทนได้แต่จะหอมน้อยกว่า ดังนั้นเมื่อเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้วในขั้นตอนต่อมาเราจะมาเริ่มขั้ตอนการทำขนมปิ้งสูตรขนม หวาน ไทยอย่างง่ายกันเลย

ข้าวเหนียวปิ้ง
  1. นำเริ่มที่วิธีทำไส้เผือกกันก่อน โดยนำเผือกมาล้างปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นผ่าครึ่งแล้วนำไปนึ่งให่สุก จากนั้นนำเผือกนึ่งสุกแล้วมาบด น้ำตาลปิ๊บ นมข้นจืด และเกลือป่นใส่ลงไปในกระทะตั้งไฟปานกลาง คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น
  2. ต่อมานำข้าวเหนียวมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน หลังจากนั้นนำมาล้างน้ำอีกครั้ง และนำไปนึ่งให้สุก ในระหว่างรอให้ข้าวสุก เรามาเตรียมกะทิ กับน้ำตาลทราย และเกลือป่น คนจนน้ำตาลทรายละลายหมด 
  3. นำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาผสมกับข้าวเหนียว คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นตักข้าวเหนียวมูน 2 ช้อนโต๊ะ วางลงบนใบตอง และตามด้วยไส้เผือก หรือไส้กล้วย ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และใส่ข้าวเหนียวมูนทับไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ ม้วนใบตองเข้าหากันให้สวยงาม แล้วใช้ไม้จิ้มฟันกลัดหัว และท้ายใบตอง4. นำข้าวเหนียวไปย่างบนเตาถ่านด้วยไฟอ่อนๆ จนกว่าเนื้อขนมจะมีสีเหลือง และมีกลิ่นหอม เสร็จแล้วนำออกจากเตาพร้อมทานได้เลย
ข้าวเหนียวปิ้ง

ข้าวเหนียวปิ้งถือว่าเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายสุดๆ โดยเฉพาะหากใช้เตาถ่านย่างขนมจะทำให้ขนมที่ย่างเสร็จใหม่จะมีกลิ่นหอมอบอวล และรสชาติหวานมัน อัดแน่นด้วยไส้เผือก และไส้กล้วยอร่อยจนต้องทานอีกชิ้น ดังนั้นถ้าหากอยากลองทำขนมไส้เผือก หรือกล้วยปิ้ง หนึ่งในวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ซับช้อน แถมอร่อยอย่างอีกด้วย 

แนะนำ ขนมโบราณ ข้าวเหนียวปิ้ง สูตรมันเทศ หอมอร่อยน่าทานสุดๆ 

ข้าวเหนียวปิ้ง

หลังจากลองทำข้าวเหนียวปิ้งสูตรเผือก กล้วยไปแล้ว เรามาลองทำขนมไทย ทำเองอย่างข้าวเหนียวปิ้งมันเทศสูตร ขนม ไทยกันดูบ้าง โดยส่วนผสมทั้งหมดให้ทำตามสูตรเผือกได้เลย แต่เปลี่ยนจากเผือกเป็นมันเทศแทน จากนั้นนำมาย่างบนเตาถ่าน จากนั้นจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
ขนมไทย

เปิดสูตรชาววัง ขนมครก สุดแสนอร่อย เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม อร่อยทานได้ทุกวัน 

ขนมครก

ขนมครก เป็นขนมชาววังยอดนิยมทานได้แบบไม่มีเบื่อ สำหรับคนที่ชอบทานขนมหวานไทยต้องบอกเลยขนมครกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่มีรสชาติหวานละมุน กรอบนอกนุ่มใน แถมรูปร่างของขนมยังมีความแปลกตาทำให้หลายคนชอบซื้อทานอยู่เป็นประจำ และเป็นขนมที่มักจะเห็นแม่ค้าทำให้ขนมให้ทานแบบสดใหม่ ซึ่งหลายคนอยากลองทำขนมชนิดดู แต่ไม่กล้าทำ เพราะกลัวจะทำไม่อร่อย ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมวิธีทำขนมครก ง่าย ๆ ตามฉบับคนฝึกทำขนมมาให้ติดตามกัน

นำเสนอขั้นตอนทำ ขนมครก กรอบนอก นุ่มใน หวานกลมกล่อม

ขนมครก

การทำขนมครกเองที่บ้านนั้นจะไม่ยากอีกต่อไป เพราะได้นำวิธีทำขนม ครกสูตร ขนมไทย โบราณ อย่างๆ ทำแล้วแป้งติดกระทะ และขนมไม่ไหม้อีกด้วย และที่สำคัญรสชาติของขนมไม่ผิดเพื้ยนไปจากสูตรดั้งเดิมแน่นอน สำหรับใครที่ยากลองทำทาน หรือจะทำสร้างอาชีพเสริมอีกทางหนึ่งเช่นกัน และต้องบอกเลยว่าสูตรชาววังนี้ รับรองว่าถูกอกถูกใจหลายๆ คนแน่อน อีกทั้งยังทานได้แบบไม่อั้น เพราะเราเป็นคนทำทานเอง ไม่ต้องไปหาซื้อทานก็สามารถทานขนมอร่อยได้ 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  2. ข้าวหอมมะลิหุงสุก 100 กรัม
  3. น้ำปูนใส 120 กรัม
  4. หางกะทิ 300 กรัม
  5. หัวกะทิคั้นสด 400 กรัม
  6. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  7. เกลือ 2 ช้อนชา
ขนมครก

ส่วนผสม และวัตถุดิบของหน้ากะทิ

  1. หัวกะทิคั้นสด 500 กรัม
  2. เกลือ ½ ช้อนชา
  3. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม สำหรับโรยหน้าขนม

  1. ข้าวโพดหวาน 1 ฝัก
  2. เผือกหั่นนึ่งสุก 1 ถ้วยตวง
  3. ต้นหอมซอย 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำมันพืช ½ ถ้วยตวง
  5. ผ้าเช็ดเบ้าขนมครก

ในลำดับที่ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำขนมครก สูตรขนม ไทย ทำ ง่ายๆ แถมรสชาติอร่อยด้วย ว่าแต่ต้องทำอะไร เราไปเริ่มทำกันเลย 

ขนมครก
  1. มาเริ่มกันที่นำข้าวโพดมาฝานบางๆ ใส่ในถ้วย และใส่เผือกหั่นลูกเต๋าลงไป จากนั้นนำไปนึ่งให้สุกประมาณ 20 นาที จากนั้นนำต้นหอมเตรียมไว้
  2. ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการทำน้ำกะทิ นำแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิคั้นสด และน้ำตาลราย และเกลือใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  3. นำแป้งข้าวเจ้า ข้าววสวยสุก น้ำปูนใส กะทิ และเกลือ ปั่นให้ละเอียด และใสภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมาเทใส่ส่วนผสมของน้ำกะทิมาเทรวมกัน จากนั้นนำมาเทใส่กาหัวแหลม
  4. เตรียมกะทิหลุมาตั้งเตาโดยใช้ไฟอ่อนๆ ใช้ผ้าชุปน้ำมันเช็ดหลุมพิมพ์ จากนั้นหยอดแป้งที่เตรียมไว้ลงไป ใส่ตันหอมซอย ข้าวโพด และเผือก จะรวมกัน หรือจะใส่อย่างละหลุมก็ได้เช่นกัน หลังจากนั้นรอให้แป้งเซตตัว แล้วปิดฝา ประมาณ 5 นาที หรือรอจนกว่าขอบแป้งจะเป็นสีน้ำตาล ใช้ช้อนคักออกใส่จาน รอมให้เย็นพร้อมทานได้เลย
ขนมครก

สำหรับขนมครกที่ทำเสร็จแล้วจะมีรูปร่างที่สวยงาม ไม่ติดกระทะ และขอบไม่ไหม้ แถมรสชาติยังหวาน มันอร่อยเหมือนซื้อทานที่ร้าน ดังนั้นถ้าใครจะทำขายก็สามารถทำขายได้เลย เพราะขนมครกชาววัง เป็นสูตรขนม ไทย ง่ายๆ ไม่ซับช้อน รับรองขายดีแน่นอน 

เทคนิคทำ ขนมครก ให้อร่อย เหมือนซื้อทานที่ร้าน 

ขนมครก

การทำ ขนม ครก หลายคนบอกว่าสูตรขนมไทย ทำเองยากมากๆ แต่วันนี้เรามีเทคนิคการทำขนมครกสูตร ขนม ไทยชาววังให้อร่อย โดยต้องใส่น้ำปูนใสลงในส่วนผสมต่างๆ เพราะน้ำปูนใสจะทำให้ขนมมีความกรอบนอก นุ่มใน และต้องใช้กะทิคั้นสดจะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมมันกว่ากะทิกล่องนั่นเอง และเมื่อหยอดขนมเสร็จแล้วจะต้องโรยหน้าขนมทันที เพื่อแป้งจะได้ยึดผสานหน้าขนมได้ดี 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.com/ 

Categories
ขนมไทย

สูตรขนม กรอบเค็ม รสชาติ หวาน เค็ม อร่อยกลมกล่อมกำลังดี

กรอบเค็ม

สำหรับใครที่กำลังมองหาขนมแป้งกรุบกรอบ รสชาติหวาน เค็ม และไม่เลี่ยน ขอแนะนำ ขนม กรอบเค็ม เนื้อแป้งกรอบ เคี้ยวเพลิน และรสชาติอร่อยกลมกล่อมฟินทุกคำ สำหรับคนที่ชอบทานขนมหวาน และชอบทำขนมเก็บไว้ทานเอง หรือทำฝากเพื่อนๆ วันนี้เรามีวิธีทำขนมกรอบเค็ม สูตรโบราณมาให้ทุกคนได้ลองทำตามแบบง่ายๆ ไม่ต้องอุปกรณ์เยอะแยะมากมาย เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ภายในบ้านก็สามารถขนมได้แล้ว

รวมวิธีทำขนม กรอบเค็ม แป้งกรุบกรอบ ทำง่ายๆ สไตล์ขนมโฮมเมด 

กรอบเค็ม

วันนี้เราจะมาแชร์สูตรทำขนมกรอบเค็ม สูตรขนมหวานแบบดั้งเดิม ทำง่ายๆ แถมรสชาติอร่อยแบบไม่มีเบื่อ และทำเก็บไว้ทานได้อีกหลายวัน หรืออยากทำขายก็สร้างกำไรได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ได้ทั้งเงิน และความสุขอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นของฝากให้ญาติผู้ใหญ่ หรือจะทำขนมกรอบเค็มทานกันในครอบครัวก็สามารถทำได้ สำหรับกรอบเค็ม คือ ขนมมีกลิ่นหอมเครื่องเทศสามเกลออย่างโดดเด่น ตัดความหวาน และแป้งกรอบๆ เคี้ยวเพลินสุดๆ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะมาเริ่มกันที่เตรียมวัตถุดิบกันก่อน ดังนี้

กรอบเค็ม

ส่วน และวัตถุดิบของแป้ง

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม
  2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  3. น้ำกะทิ 90 กรัม
  4. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมสำหรับทำน้ำเชื่อมเคลือบ

  1. น้ำตาลมะพร้าว 170 กรัม
  2. น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ
  3. รากผักซี 4-5 ราก
  4. กระเทียม 5 กลีบ
  5. พริกไทยขาว 2 ช้อนชา
  6. แบะแซ 30 กรัม
  7. น้ำปลา 1 ช้อนชา
  8. น้ำปลา 1 ช้อา
  9. เกลือ ½ ช้อนชา

สำหรับการทำขนมกรอบ เค็มนั้นต้องใช้วัตถุดิบอย่างน้ำตาลมะพร้าว เพราะจะให้ขนมมีความหอมละมุน แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีน้ำตาลมะพร้าวสามารถใช้น้ำตาลทรายได้เช่นกัน และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีการทำ สูตรกรอบเค็ม สไตล์ ขนมไทย โบราณอย่างง่าย 

กรอบเค็ม
  1. นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ และเกลือป่นลงในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมส่วนผสมทั้งสองให้เข้ากัน จากนั้นทำหลุมตรงกลาง เสร็จแล้วใส่ไข่ไก่ลงไปตรงกลาง ตามด้วยหัวกะทิ น้ำมันพืช ทำการตะล่อมๆ ให้เข้ากัน 
  2. จากนั้นใช้มือนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมไว้ประมาณ 10 นาที ต่อมาให้นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยขาวมาโขลกให้เข้ากัน เมื่อแป้งครอบกำหนดเวลาแล้วให้นำรีดให้เป็นแผ่นใช้มีดตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม 
  3. นำกระทะมาตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่แป้งลงไปทอดจนกว่าแป้งจะเป็นสีเหลืองสวยงาม ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
  4. ขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำน้ำตาลเคลือบ โดยนำน้ำตาลมะพร้าวลงไป ตามด้วยน้ำเปล่า จากนั้นเปิดไฟปานกลาง นำ 3 เกลอลงไปผัดให้เข้ากันจนกว่าส่วนผสมจะเหนียวขึ้น จากนั้นลดไฟลง ใส่แป้งที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วตักใส่จานทานได้เลย
กรอบเค็ม

จบแล้วไปแล้วกับขั้นตอนการทำขนมกรอบเค็ม แป้งกรอบ หอมกลิ่นสามเกลอที่มาพร้อมกับความหวานละมุนละไมอร่อยจนอดใจไม่ไหวอยากทานอีก แถมยังสามารถเก็บไว้ทานได้อีกหลายวันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่ง ขนม ไทย ทำ ง่ายด้วยตัวเอง และขั้นตอนไม่ซับช้อนอย่างที่คิด 

ความลับ กรอบเค็ม ขนมทอดกรอบ หอมกลิ่นเครื่องเทศ หวานละมุนลิ้น 

กรอบเค็ม

ขนมกรอบเค็ม เป็นขนมที่มีวิธีขนม ไทย ง่ายๆ คนที่เป็นมือใหม่สามารถทำตามขั้นตอนทีนำม่แชร์ได้เลย แต่ขนมไทย ทำเองที่บ้านต้องระวังเรื่องการใช้ไฟในการทอดแป้ง อย่าใช้ไฟแรงเกินไป เพราะจะทำให้ขนมไหม้ และมีรสขมได้ นอกจากขั้นตอนรีบแป้งขนมกรอบเค็ม ตาม สูตร ขนม ไทยต้องให้ได้ความได้ความเท่าแผ่นเกี้ยวจะทำให้ทอดแล้วแป้งบางกรอบสุดๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/

Categories
ขนมไทย

เมนูกล้วยๆ ขนม กล้วยทอด แป้งกรุบกรอบ เนื้อกล้วยหวานละมุน

กล้วยทอด

กล้วย ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีอยู่แทบทุกบ้าน เพราะกล้วยมีรสชาติหวาน หอม และอิ่มท้องนาน ทำให้คนนิยมทานกันมากที่สุด นอกจากนี้กล้วย ยังสามารถนำมาทำเป็นขนมได้หลากหลายเมนู และหนึ่งในนั้นคือ กล้วยทอด เมนูยอดนิยมตลอดกาล เพราะแป้งกรอบผสมสานกับเนื้อกล้วยหวานอมเปรี้ยวอร่อยสุดๆ แถมยัสามารถได้ทุกวันไม่มีเบื่อ แต่ถ้าใครอยากลองทำกล้วยทอดทานที่บ้าน เรามีวิธี ทํา กล้วยทอด สูตรโบราณ แป้งบางกรอบ หอมกลิ่นงามคั่วละมุนละไม 

วิธีทำ กล้วยทอด แป้งไม่แข็ง ไม่อมน้ำมัน มือใหม่ ทำได้ง่ายๆ 

กล้วยทอด

มาถึงมาถึงเมนูทอดๆ กันบ้างอย่าง อย่างกล้วยทอด เป็นขนมที่ทานมาตั้งสมัยเด็ก และเป็นเมนูที่สามารถทานได้ทุกวันไม่เบื่อ นอกจากนี้กล้วยทอดถือว่าเป็นเมนูที่ขายดีตลอดกาลอีกด้วย สำหรับรสชาติของเมนูนี้จะมีรสชาติที่หวาน กรอบ และนุ่มนิ่มอร่อยจนไม่สามารถเลิกทานได้เลย ดังนั้นถ้าบ้านใครมีกล้วยเหลือไม่รู้จะทำอะไรทานดี ขอแนะนำให้ทำกล้วยทอด เพราะส่วนผสมกล้วยทอดที่ใช้ทำน้อยมาก และสามารถซื้อได้ตามร้านค้าใกล้บ้าน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ใช้ในการทำขนม

กล้วยทอด
  1. กล้วยน้ำว้า (ห่ามๆ) 1 หวี
  2. น้ำตาลทราย 90 กรัม
  3. แป้งทอดกรอบ 90 กรัม
  4. หัวกะทิ 120 กรัม
  5. เนื้อมะพร้าวขูด 50 กรัม
  6. งาขาวดิบ 20 กรัม
  7. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
  8. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  9. ใบเตย 2-3 ใบ

สำหรับวัตถุดิบที่เตรียมไว้นั้น เป็นสูตรกล้วยทอด แป้งกรอบ ไม่แข็ง และเนื้อกล้วยไม่เละ แถมยังเป็นสูตรอย่างง่ายที่สามารถทำตามได้ อีกทั้งกล้วยไม่อมน้ำมันอีกด้วย ในส่วนของวิธีกล้วยทอด ง่ายๆ แบบฉบับ ขนมไทย โบราณดังนี้ 

กล้วยทอด
  1. อันดับแรก มาเริ่มกันที่นำแป้งทอดกรอบ และหัวกะทิ นำมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วใช้ตะกร้อคนพอให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่น้ำปูใส คนส่วนสผมให้เข้ากัน จนกว่าแป้งจะมีเนื้อแป้งจะเป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. ต่อมาให้ใส่น้ำตาลทราย และเกลือลงไป จากนั้นคนให้น้ำตาลทรายละลายดี แล้วใส่เนื้อมะพร้าวขูดที่คั้นเอาน้ำกะทิออกหมดแล้ว ตามด้วยงาขาว ทำการคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด 
  3. นำกล้วยที่เตรียมไว้มาปอกเปลือก และทำการหั่นกล้วยเป็นแนวยาว ความหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร จากนั้นนำกระทะมาตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันให้ท่วม นำกล้วยมาชุปแป้ง แล้วนำลงไปทอดในน้ำมันเดือด โดยจะใส่ทีละชิ้น ตามด้วยใบเตยหั่นลงไปทอดด้วย เพื่อให้กล้วยมีความหอมมากขึ้น ทอดไปเรื่อยจนกว่าแป้งจะมีสีเหลืองสวยงาม
  4. เสร็จแล้วตักกล้วยขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน หลังจากที่กล้วยเริ่มเย็นตัวแล้ว นำกล้วยจัดใส่จานพร้อมทานได้เลย
กล้วยทอด

ขนมกล้วยทอด สูตรขนม หวาน ไทย หลังจากที่เสร็จใหม่แป้งจะกรอบมากๆ ดังนั้นถ้าอยากทานกล้วยทอดให้อร่อยต้องทานตอนทอดใหม่ๆ สำหรับการทอดกล้วยครั้งหนึ่งสามารถทานได้ทั้งครอบครัว และทานได้เรื่อยๆ แบบไม่รู้เบื่อ แถมรสชาติหวาน หอม ยิ่งเพิ่มความอยากทานมากขึ้นเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายมากๆ มือใหม่ก็ทำทานได้ 

ขนมกล้วยทอด ขนมสุดฮิต ทานได้ทุกวัน แถมมีโยชน์เพียบ 

กล้วยทอด

กล้วย ทอด เป็นขนม ไทย ง่ายๆ โดยสามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย อีกทั้งขนมไทย ทำเองนั้นอร่อยเหมือนกัน แถมแป้งกรอบอร่อย เนื้อกล้วยนุ่มนิ่มอีกด้วย ที่สำคัญกล้วยทอดยังเป็นสูตรสูตร ขนม ไทยโบราณที่สามารถทำขายได้กำไรตั้งแต่ครั้งที่ขายเลยทีเดียว นอกจากนี้กล้วยยังมีประโยชน์มากมาย อาทิ รักษาโรคกระเพาะ บรรเทาอาการเจ็บคอ เป็นต้น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนมหวาน อยากแนะนำ มันเชื่อม ราดน้ำกะทิเข้มข้น หวานจัดจ้าน

มันเชื่อม

สำหรับใครที่อยู่บ้านเบื่อๆ ไม่รู่จะทำอะไรทานในมื้อเที่ยงดี และไม่อยากทานขนมแบบเดิมอีกแล้ว ซึ่งหลายคนมักจะเคยทานแค่ ฟักทองเชื่อม เผือกเชื่อมเท่านนั้น วันนี้เรามีขนมหวานมาแนะนำให้ทำตามกันอย่าง มันเชื่อม หนึ่งในขนมประเภทเชื่อมด้วยน้ำตาลแบบจัดเต็ม ตามด้วยน้ำกะทิหอมๆ ทำให้รสชาติที่ได้มีความหวาน มัน สำหรับมันเชื่อมราดกะทินิยมรับประทานกันตามชนบททั่วไป เพราะตามชนบทจะมีวัตถุดิบอย่าง มันสัมปะหลังอยู่แล้ว และนี่เป็นเหตุผลที่ขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานอยากมากในท้องตลาดทั่วไป

แชร์วิธีการทำ มันเชื่อม เนื้อนุมหนึบหนับ รสชาติอร่อยกลมกล่อม

มันเชื่อม

เมนูมันเชื่อม ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่มีรสชาติหวานจัดจ้าน แต่ยังมีความมันจากกะทิที่สามารถทำให้ขนมมีความอร่อยกลมกล่อมผสมผสานกับเนื้อมันที่นุ่มนิ่ม เหนียวหนึบหนับอย่างลงตัว โดยขนมหวานเมนูเชื่อมมันสามารถหาซื่อทานได้ตามท้องตลาดทั่วไป และอาจจะหาทานค่อนข้างยาก ถ้าไม่เดินตลาดตามชนบทอาจจะไม่มีให้ทานเลยทีเดียว ดันนั้นวันนี้เราจะมาแชร์วิธีการทำเชื่อมมันให้อร่อยตามสูตรขนมไทยแบบโบราณให้ทุกคนได้ลองไปทำตามกันอย่างง่ายๆ รับรองว่าทำออกมารสชาติอร่อยแน่นอน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มันเชื่อม
  1. มันสำปะหลัง 1 หัวใหญ่
  2. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  3. น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วยตวง
  4. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  5. แป้งข้าวโพด ½ ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือป่น ¼ ช้อนชา

สูตรขนมมันเชื่อมที่เรานำมาแชร์นี้ ถือว่าเป็นสูตรขนม โบราณที่หาทานได้ยาก แต่สามารถทำทานได้ง่ายๆ โดยมีขั้นตอนที่ไม่ซับช้อน เพียงแค่ใช้มันสัมปะหลัง 1 หัวก็สามารถทำขนมทานได้ทั้งบ้าน โดยไม่ต้องไปตามหาซื้อทานให้เสียเวลา ดังนั้นเพื่อเป็นการเสียเวลา เรามาทำต้มมันเชื่อมสูตรขนมไทย โบราณกันเลย

มันเชื่อม
  1. เริ่มจากนำมันสัมปะหลังมาหั่นเป็นท่อนๆ ขนาดสั้นๆ จากนั้นนำไปปอกดปลือกออกให้เรียบร้อย ล้างด้วยน้ำให้สะอาด ต่อมาให้มาเตรียมกระทะใส้น้ำลอยดอกมะลิ และตามด้วยน้ำตาลทราย นำปตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวน้ำตาลไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำตาลจะละลายดี เสร็จแล้วใส่มันสำปะหลังลงไปต้มมันสัมปะหลังเริ่มสุกไปบางส่วนแล้วค่อยลดไฟอ่อนๆ แล้วทำการเชื่อมมันไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าน้ำเชื่อมจะซึมเข้าไปในเนื้อมันดีแล้ว 
  2. เมื่อมันสุกดีแล้วจะมีลักษณะเนื้อใสๆ จากนั้นการปิดไฟ พักไว้ก่อน ต่อมาทำน้ำกะทิราดขนม เริ่มจากละลายแป้งข้าวโพดกับหัวกะทิเล็กน้อย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไปคนให้แป้งละลายหมดแล้ว นำไปหม้อไปตั้งเตาใช้ไฟอ่อนๆ และทำการคนต่อไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดจะข้น และมีความเหนียว เสร็จแล้วปิดเตา พักไว้ให้เย็น 
  3. หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้ตักมันเชื่อมใส่ถ้วยขนม จากนั้นราดด้วยน้ำกะทิเข้มข้น พร้อมทานได้เลย
มันเชื่อม

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับการทำขนมมันเชื่อม สูตร ขนม หวาน ไทยง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น และที่สำคัญรสชาติที่ได้จะมีความหวาน มัน และเนื้อมันเหนียวหนึบหนับอร่อยจนต้องทำเพิ่มเลยทีเดียว 

แชร์สูตรลับการทำขนมมันเชื่อม ไร้เสี้ยน เนื้อแน่น เหนียวหนุบหนึบ 

มันเชื่อม

เคล็ดลับของความอร่อยอย่างมันเชื่อม ถือว่าเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายมาก โดยในขั้นตอนการเตรียมมันสัมปะหลัง หลังจากที่ทำการปลอกเปลือกออกแล้ว ต้องตัดเสี้ยนออกด้วย จะข่วยให้รับประทานได้อร่อยมากขึ้น และเนื้อมันสัมปะหลังจะมีความเนียนมากขึ้น และนำไปต้มจนกว่าเนื้อมันจะใสก็เป็นเสร็จสิ้นกับวิธีการทำขนม ไทย ง่ายๆ แถมยังใช้ส่วนผสมน้อยสุดๆ สำหรับใครที่ชอบเมนูมันเชื่อมหนึ่งในขนมไทย ทำเองที่บ้านสามารทำตามที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าเมนูเชื่อมมันสูตร ขนม ไทยโบราณจะมีความอร่อยแบบไม่มีเบื่อ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตร ข้าวหลาม ขนมหวานหาทานยาก รสชาติหวานมัน ทำเองได้ที่บ้าน

ข้าวหลาม

หากใครได้ไปเที่ยวแถวชลบุรี เชื่อว่าต้องแวะซื้อขนมชื่อดังอย่าง ข้าวหลาม ขนมขึ้นชื่อของจังหวัดชลบุรีแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่าข้าวหลามประวัติความเป็นจากในสมัยอดีตที่เป็นภูมิปัญหาชาวบ้านที่นิยมนึ่งข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ และต่อมาได้มีการดัดแปลงปรุงน้ำกะทิ น้ำตาล ถั่วลงไป กลายเป็นข้าวหลามในปัจจุบัน 

เปิดขั้นตอนทำ ข้าวหลาม ข้าวเหนียวนุ่ม หวาน มัน ไม่ติดกระบอกไม้ไผ่ 

ข้าวหลาม

ข้าวหลามหนึ่งเมนูที่หลายคนคิดว่าทำยากมากๆ เพราะต้องนำข้าวหลามไปย่างบนไฟที่ก่อด้วยฟืน และถ้าหากคนไม่เป็นข้าวจะติดกับเยื่อไม้ไผ่ ทำให้ทานได้ยากมากขึ้น อีกทั้งยังต้องรอให้ข้าวหลามหลายชั่วโมงแถมยังต้องนั่งเฝ้านานๆ แต่แท้จริงแล้วขนมวานข้าวหลามในปัจจุบันนั้นทำง่ายนิดเดียว โดย, วิธี ทํา ข้าว หลาม โบราณ นั้นใช้เพียงนิดเดียว ไม่ต้องใช้วัตถุดิบเยอะอีกด้วย ดังนั้นก่อนที่เราจะไปดูวิธีทำข้าวหลาม ใส่ กะทิ อันดับแรกต้องมาดูวัตถุดิบกันก่อน

ข้าวหลาม
  1. ข้าวเหนียวขาว 2 ถ้วยตวง
  2. กะทิคั้นสด 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำเปล่า 1 ลิตร 
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. ถั่วดำต้มสุก ½ ถ้วยตวง
  6. ใบเตย 15 ใบ
  7. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  8. กาบมะพร้าว 3 กาบ
  9. กระบอกไม้ไผ่ 5 กระบอก

ในสูตรที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นสูตรของข้าวหลามสูตรดั้งเดิมแบบโบราณ และลำดับต่อมาจะเป็นวิธี ทํา ข้าวหลามโบราณอย่างง่ายๆ ว่าแล้วเราไปเริ่มทำขนมไทย สูตรขนม โบราณ กันเลย

ข้าวหลาม
  1. ขั้นแรกนำข้าวเหนียวล้างให้สะอาดประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อข้าวเริ่มสุกแล้วให้กระชอนตักข้าวนำไปพักไว้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำถั่วดำไปล้างน้ำให้สะอาด และนำไปแช่ในน้ำทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จนถั่วดำนิ่ม หลังจากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าถั่วดำจะสุกดีแล้วตักถั่วดำมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำข้าวเหนียว และถั่วดำมาเทลงในชามผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นพักไว้ก่อน นำกะทิเทใส่หม้อ นำมาตั้งไฟโดยใช้ความร้อนปานกลาง จากนั้นรอจนกะทิเดือด แล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยเกลือป่น คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และจนน้ำตาลละลายหมด ทำการปิดไฟและยกออกจากเตา นำมาพักไวให้เย็น 
  3. ต่อมาเป็นการเตรียมกระบอกไม้ไผ่ โดยการวัดขนาดความยาวของไม้ไผ่ให้ได้ประมาณ 10 นิ้ว ตัดออกเป็นท่อนๆ นำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นตากไว้ให้แห้ง เมื่อกระบอกไม้ไผ่แห้งแล้ว ให้ใส่ข้าวเหนียว และถั่วดำลงไปในกระบอกไม้ผ่ ตามได้น้ำกระทิ กระแทกกระบอกไม้ไผ่ให้เข้ากัน จากนั้นหยอดข้าวเหนียวถั่วดำลงไปอีกทั้ง และตามด้วยน้ำกะทิ 
  4. เมื่อเตรียมข้าวหลามเสร็จแล้วให้นำใบเตยประมาณ 2-3 ใบ ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม นำไปอุดในปากกระบอกไม้ไผ่ ตามด้วยกาบมะพร้าวหั่นนำมาอัดปากกระบอกไม้ไผ่ 
  5. หลังจากนั้นเตรียมเตาถ่านให้พร้อม จากนั้นนำกระบอกไม้ไผ่มาตั้งบนเตาถ่าน โดยใช้ไฟปานกลาง ทำการพลิกกลับด้านไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที เสร็จแล้วยกออกจากเตาได้เลย
ข้าวหลาม

เมื่อได้ ข้าวหลาม สูตรขนมไทย โบราณแล้ว ให้นำมาแกะออกข้าวเหนียวที่อยู่ด้านในออกใส่จาน และนำมาทานได้เลย ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความหวาน มัน ตามสูตรขนม หวาน ไทย อีกทั้งยังมีความเหนียวอร่อยสุดๆ 

แชร์สูตรข้าวหลามในลูกมะพร้าว เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ หอมกำลังดี

ข้าวหลาม

ข้าว หลาม ไม่เพียงแต่ทำในกระบอกไม้ไผ่เท่านั้น ยังสามารถทำในลูกมะพร้าวได้ด้วย โดยขั้นตอนการข้าวหลามลูกมะพร้าว แบบขนม ไทย ทำ ง่ายๆ เพียงนำส่วนผสมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นใส่ในลูกมะพร้าว จากนั้นเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เปิดไฟบนล่าง เป็นเวลา 15 นาที เสร็จนำออกมาพักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ แค่นี้ก็เป็นเสร็จสิ้นกับวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ ตามสไตล์ ขนมไทย ทำเอง อย่างข้าวหลาม สูตร ขนม ไทย แสนอร่อย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอแนะนำเมนูแกง บวด ฟักทอง ขนมหวานสูตรโบราณ ยอดนิยมตลอดกาล

บวด ฟักทอง

ฟักทอง เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่สามารถทำได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารคาวอย่างผัดฟักทองใส่ไข่ นอกจากนี้ยังสามารรถทำเป็นเมนูขนมหวานได้ด้วย อย่างเช่นแกง บวด ฟักทอง ถือว่าเป็นขนมหวานของคนไทยนิยมทานมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเป็นขนมทำง่ายๆ อีกทั้งยังมีส่วนผสมน้อยนิด และมีอยู่ติดบ้านอยู่แล้ว หากใครอยากลองทำขนมฟักทอง แต่ไม่มีกะทิสด ไม่ต้องวังวลไป เพราะวันนี้เราจะพาทำบวดฟักทองกะทิกล่อง ที่แสนอร่อยตามฉบับสูตรโบราณ 

วิธีทำขนมยอดนิยมแกง บวด ฟักทอง สูตรโบรารณ รสชาติ หวาน มัน 

บวด ฟักทอง

มาเอาใจคนชอบทานฟักทองกันเป็นประจำกันบ้าง กับเมนูที่นิยมทานกันทุกเทศกาล อย่างแกง บวด ฟักทอง ที่มีรสชาติหวานกลมกล่อม หอมกลิ่นกะทิแบบจัดเต็ม และที่สำคัญขนมหวานสูตรฟักทองยังสามารถทำทานได้ด้วย ส่วนวิธีทำก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ทำมีฟักทองลูกเดียวก็สามารถทำฟักทองแกงบวดชาววังอย่างง่ายๆ ได้แล้ว แต่ก่อนที่เราจะมาทำแกงฟักทองแกงบวดนั้น เราต้องไปเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมกันดังต่อไปนี้ 

บวด ฟักทอง
  1. ฟักทอง 400 กรัม
  2. น้ำปูนใส 1 ถ้วย
  3. น้ำกะทิ 250 กรัม
  4. ใบเตย 1 มัด
  5. น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าส่วนผสมของแกงบวชฟักทอง สูตรขนมไทย นั้นมีเพียงไม่กี่อย่าง และวัตถุดิบแต่ละชนิดนั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ในลำดับต่อมาเราจะมาทำขนม โบราณสูตรฟังทอง แกงบวดหอมๆ ดังนี้

บวด ฟักทอง
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นั่นก็คือ การทำน้ำปูนใส โดยนำปูนแดงผสมกับน้ำทิ้งไว้รอให้ตกตะกอน ในระหว่าที่รอให้ปูชนตกตะกอน ให้นำแป้งทองมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ได้ตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้น เสร็จแล้วนำมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำเอาส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ไปแช่ฟักทอง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ฟักทองเปื่อยในระหว่างต้มนั่นเอง
  2. ต่อมาจะเป็นขั้นตอนแกงบวดฟักทอง เริ่มจากนำหางกะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และใบเตย ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตั้งเตาด้วยไฟปานกลาง รอให้กว่าน้ำตาลจะละลายหมด และน้ำเดือด ทำการใส่ฟักทองลงไป เมื่อกะทิเดือดดีแล้วให้ใส่กะทิลงไปอีกครั้ง คนเบาๆ และรอให้ฟักทองเดือดอีกครั้ง ปิดเตาได้เลย
  3. นำหม้อออกจากเตา รอให้ขนมอุ่นๆ แล้วค่อยนำมาตักใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยหัวกะทิเล็กน้อย จากนั้นค่อยนำไปเสิร์ฟได้เลย
บวด ฟักทอง

สำหรับการทำบวด ฟักทอง สูตร ขนมไทย โบราณ ในส่วนวัตถุดิบที่เป็นฟักทองควรเลือกฟักทองที่มีเนื้อเหนียว และแก่จัด เพราะรสชาติจะหวานนุ่ม เมื่อนำมาทำขนมเนื้อจะไม่เละอีกด้วย และถ้าอยากให้ขนมมีความอร่อยมากยิ่งขึ้นก่อนนำมารับประทานให้นำไปแช่ในตู้เย็นจะทำให้เมื่อทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นสุดๆ และที่สำคัญแกงบวดฟักทองยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายมาก มือใหม่ฝึกทำขนมทำได้แน่นอน 

แกงบวด ฟักทอง ขนมหวานแสนอร่อย และมีโยชน์ต่อร่างกาย 

บวด ฟักทอง

ขนม แกงบวดฟักทอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาทำหลายชั่วโมงอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาทำอาหาร และขนมสุดๆ เรียกได้ว่า ขนมแกงบวดฟังทอง สูตรขนมไทย ทำเอง นอกจากความอร่อยของฟังทองแกงบวดตามสูตร ขนม ไทย แล้ว ในส่วนของประโยชน์ก็มีมากมาย อาทิ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยชะลอวัย และความแก่ชราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครอยากได้ประโยชน์จากฟักทองสามารถลองทำขนมฟักทองที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าต้องอร่อยถูกใจคนทั้งครอบครัวเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ: