Categories
เบเกอรี่

ช็อกโกแลตลาวา พร้อมวิธีการทำง่าย ๆ อร่อยได้ไม่เบื่อ

ช็อกโกแลตลาวา
ช็อกโกแลตลาวา พร้อมวิธีการทำง่าย ๆ อร่อยได้ไม่เบื่อ

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเบเกอรี่ยอดนิยมอย่าง “ช็อกโกแลตลาวา” เพราะแม้แต่ในเซเว่น ร้านเบเกอรี่ หรือแม้แต่คาเฟ่เองก็มีขายกันอย่างมากมาย ลักษณะนั้นจะเป็นขนมเค้กช็อกโกแลตชิ้นจิ๋ว เนื้อนุ่มนิ่ม สอดไส้ด้วยช็อกโกแลตเข้มข้น ที่เมื่อเราตัดเค้กแล้วจะมีช็อกโกแลตไหลเยิ้มออกมา น่ารับประทานมาก ๆ หากใครเป็นคนที่ชอบทานช็อกโกแลตอยู่แล้ว เมนูนี้คงเป็นเมนูเบเกอรี่สุดโปรดของคุณแน่นอน

ช็อกโกแลตลาวา
ช็อกโกแลตลาวา พร้อมวิธีการทำง่าย ๆ อร่อยได้ไม่เบื่อ

วัตถุดิบในการทำช็อกโกแลตลาวา วัตถุดิบน้อย แต่อร่อยมาก

เมื่อเราไปซื้อช็อกโกแลตลาวาจากร้านต่าง ๆ ที่มีขายกันทั่วไป จะเห็นได้ว่าเบเกอรี่ชิ้นนี้จะมีราคาที่สูง แต่รู้หรือไม่คะ ว่าวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ยอดนิยมนั้นมีเพียง 6 อย่างเท่านั้น และแต่ละอย่างก็ราคาไม่แพง และยังหาซื้อได้ง่าย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

  1. Dark Chocolate 110 กรัม
  2. เนยจืด 125 กรัม
  3. แป้งอเนกประสงค์ 30 กรัม
  4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  5. ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง
  6. น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วย
  7. เนยสำหรับทาพิมพ์
ช็อกโกแลตลาวา
ช็อกโกแลตลาวา พร้อมวิธีการทำง่าย ๆ อร่อยได้ไม่เบื่อ

ขั้นตอนวิธีทำเค้กชิ้นจิ๋ว ที่ทานแล้วต้องหลงรัก

หากใครเคยรับประทานเค้กช็อกโกแลตลาวากันมาแล้ว ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเค้กที่อร่อยถูกใจมาก ๆ จนต้องยกให้เป็นเบเกอรี่สุดโปรด และซื้อทานซ้ำอีกหลาย ๆ รอบกันเลยทีเดียว แต่จะดีกว่าไหมหากเราสามารถทำเบเกอรี่ชิ้นนี้รับประทานกันเองได้แบบง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน แถมแป้งที่เราผสมไว้แล้วยังไม่อบ ก็สามารถเก็บไว้อบในวันอื่น ๆ ได้อีก 2 – 3 วัน ซึ่งคุ้มค่า และประหยัดแบบสุด ๆ ซึ่งวิธีการทำก็มีดังนี้

  1. ขั้นตอนแรกนี้ให้เราทาเนยลงไปให้ทั่วพิมพ์ และโรยแป้งใส่ลงไปเล็กน้อยให้ทั่ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอบ 
  2. ละลายช็อกโกแลต โดยการต้มน้ำให้เดือดแล้วนำชามลงไปวางไว้บนหม้อ จากนั้นใส่ดาร์กช็อกโกแลต และเนยจืดลงไปละลายในชาม ใช้ช้อนคนให้ละลายเข้ากัน เมื่อละลายเข้ากันแล้วให้นำมาพักไว้ให้อุ่น
  3. นำไข่ไก่ทั้งหมดลงไปตีให้เข้ากันในชามผสมด้วยตะกร้อมือ หรือเครื่องผสมอาหารให้ขึ้นฟูเล็กน้อย ตามด้วยน้ำตาลทรายขาวลงไปตีต่อให้ละลายเข้ากัน และไม่เป็นเม็ด ต่อด้วยการทยอยใส่ส่วนผสมในขั้นตอนที่สองลงไปในระหว่างตี เมื่อเข้ากันแล้วใส่แป้งอเนกประสงค์ลงไปตีเบา ๆ ให้เข้ากัน
  4. ใส่ส่วนผสมใส่ลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยเผื่อที่ด้านบนไว้ให้เนื้อเค้กช็อกโกแลตลาวาของเราฟูขึ้นมาระหว่างอบ และนำเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิ 175 องศา เป็นเวลา 10 – 12 นาที 
  5. เมื่ออบขนมเสร็จแล้วให้นำออกจากพิมพ์ จัดใส่จานแล้วแต่งหน้าตามชอบ เสร็จแล้วเสิร์ฟร้อน ๆ ได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

ในสังคมปัจจุบันนั้นขนมถือได้ว่าเป็นเบเกอรี่อีกหนึ่งอย่างที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความหอมและสามารถรับประทานง่ายอุ่นท้องได้เป็นอย่างดี ซึ่งขนมจะมีหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดนัทที่กำลังได้รับความนิยมและผู้คนให้ความสนใจ เพราะสามารถทานได้ง่ายและรับประทานเป็นอาหารในช่วงที่ท้องว่าง ทำให้ลดการหิวระหว่างวันได้อีกด้วย จึงเป็นเมนูที่ผู้คนนิยมรับประทานกัน ในระหว่างวัน ซึ่งโดนัทจิ๋ว เมนูยอดนิยม เป็นเมนูที่ขึ้นชื่อในเรื่องของต้นทุนการทำที่ประหยัด แต่มีรสชาติอร่อยคุ้มค่ากับราคา

วันนี้เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับเมนูเบเกอรี่ดังกล่าวให้ทุกท่านได้รับทราบถึงวัตถุดิบหลักและส่วนผสม ที่ใช้ในการทำโดนัทว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ที่เป็นวัตถุดิบหลักสามารถหาซื้อได้ในร้านค้ารูปแบบไหน รวมถึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการทำ ที่ทุกท่านสามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้านซึ่งเป็นขั้นตอนที่ไม่ยาก เราได้ทำการรวบรวมมาไว้ให้ทุกท่านได้ทราบในหัวข้อถัดไป ไปดูกันเลยว่ามีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้เขายังมีเคล็ดลับอะไรที่จะช่วยทำให้โดนัทของทุกท่านนั้น สามารถเก็บไว้รับประทานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น สูตรเคล็ดลับที่ถือได้ว่าผู้คนนั้นนิยมทำกันเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าที่ขายขนมปังและโดนัท 

โดนัทจิ๋ว
โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

โดนัทขนมยอดฮิตรับประทานง่าย

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าในสังคมปัจจุบันนั้นขนมอาหารว่างถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รับประทานง่ายและใช้ระยะเวลาในการรับประทานได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการรับประทานอาหารมื้อต่าง ๆ หรืออาหารตามสั่งทั่วไป ขนมนั้นสามารถเก็บไว้รับประทานได้ระหว่างวันในการทำงานอีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการรับประทานที่สั้น ทำให้ผู้คนนิยมรับประทานในช่วงระยะเวลาที่เร่งรีบเมื่อต้องไปทำงานในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดนัทจิ๋ว ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานขนมเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกอิ่มท้องและลดการหิวอาหารได้เป็นอย่างดี เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับส่วนผสมหลักที่สำคัญและวัตถุดิบที่ใช้ในการทำโดนัท เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านสามารถทำรับประทานเองที่บ้านได้ตามที่ต้องการ ที่ได้รับการการันตีแล้วว่าอร่อยและสามารถเก็บไว้ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนผสมหลัก ได้แก่

– แป้งอเนกประสงค์หรือแป้งทำเค้ก ในปริมาณ 120 กรัม

– น้ำตาลทราย ปริมาณ 120 กรัม

– เนยจืดในปริมาณ 90 กรัม

– ผงฟู ¼

– เบกกิ้งโซดา 1/4

– ไข่ไก่จำนวน 2 ฟอง

– นมสดในปริมาณ 100 ml

– กลิ่นวนิลาปริมาณ 1 ช้อนชา

– ท็อปปิ้งตามที่ทุกท่านชื่นชอบ

ทั้งหมดข้างต้นเป็นส่วนผสมหลักและวัตถุดิบที่ทุกท่านสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าขายอุปกรณ์และส่วนผสมในการทำเบเกอรี่ทุกรูปแบบ

โดนัทจิ๋ว
โดนัทจิ๋ว หอมอร่อยเนื้อนุ่มรับประทานง่าย

ขั้นตอนและวิธีการทำโดนัทจิ๋ว

เมื่อทุกท่านได้ทราบถึงส่วนผสมหลักและวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการทำโดนัทจิ๋วแล้ว ในลำดับต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนและวิธีการทำโดนัทให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยเป็นขั้นตอนที่เราได้ทำงานรวมจากต่าง ๆ มาไว้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน บอกได้เลยว่าเป็นขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก ทุกท่านสามารถปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. นำน้ำตาล ใส่ลงไปในชามตีให้เข้ากันกับเนยละลายโดยการใช้ตะกร้อมือ
  2. ใส่ไข่จำนวน 2 ฟองลงไปในชามผสมผสานให้เข้ากันตามด้วยนมสดและกวนจนทุกอย่างเข้ากันอย่างดี
  3. นำแป้งอเนกประสงค์หรือแป้งทำเค้กมาร่อนและผสมกับเบกกิ้งโซดา ผงฟู ผสมผสานเข้ากันในชาม ด้วยการใส่สารแต่งกลิ่นวนิลาเพื่อให้ขนมมีความหอม นำไปใส่เครื่องทำโดนัทจิ๋ว เติมท็อปปิ้งตามที่ชื่นชอบ

4. ขั้นตอนสุดท้ายของการทำเบเกอรี่ คือการนำไปอบในระยะเวลา 3 ถึง 5 นาทีก็จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยสามารถรับประทานได้ทันที จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสูตรเคล็ดลับที่สำคัญในการทำเมนูขนมทานเล่นโดนัทจิ๋วเลยทีเดียว

Categories
เบเกอรี่

เค้กมะพร้าวอ่อน ขนมเค้กสำหรับคนที่ชอบความหอมและความหวาน

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีในปัจจุบันนั้นผู้คนนิยมรับประทานของว่างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่นชอบในการรับประทานขนมหวานที่มีรสชาติอร่อยและกลมกล่อม ซึ่งวันนี้เรามีเมนูขนมหวานมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกันนั่นก็คือ เค้กมะพร้าวอ่อน กินขนมหวานที่ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นเค้กที่มีความหอมละมุนลิ้นและอร่อยผสมผสานระหว่างความเป็นไทย นั่นก็คือ มะพร้าวที่ทำจากมะพร้าวอ่อนผสมเข้ากับ ความทันสมัยในการทำเค้กที่ใช้ส่วนผสมของแป้งชนิดต่าง ๆ 

จึงทำให้เป็นเมนูที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบรับประทานขนมหวานเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งในช่วงวันสำคัญต่าง ๆ ก็ต้องมีการจัดทำขึ้นเพื่อที่จะทำให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานวันสำคัญต่าง ๆ ได้รับประทานขนมหวานและของว่างที่มีความอร่อย หนึ่งในนั้นก็คือเค้กมะพร้าวอ่อน เป็นเค้กที่ทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้และมะพร้าวเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของไทย ซึ่งมีรสชาติที่หอมหวานและมันผสมผสานคลุกเคล้าเข้าด้วยกันยิ่งนำมาทำเป็นเค้ก และปรุงแต่งรสชาติตามธรรมชาติยิ่งจะทำให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

วันนี้เราจึงเลือกที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการทำเมนูดังกล่าวรวมถึงส่วนผสมหลักที่ใช้ในการทำเค้กว่ามีอะไรบ้าง และทุกท่านสามารถปฏิบัติตามได้อย่างง่ายดายเพราะเป็นส่วนผสมและวัตถุดิบที่หาได้ตามท้องตลาด ไปดูกันเลยว่ามีส่วนผสมหลักที่สำคัญอะไรบ้างและมีขั้นตอนวิธีการทำอย่างไรที่ไม่ยากและไม่ซับซ้อน

เค้กเนื้อมะพร้าวหอมละมุนลิ้น

สำหรับใครที่ชื่นชอบทานขนมหวานและเค้กเป็นพิเศษนั้นวันนี้เรามีเมนูเด็ดมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก เค้กมะพร้าวอ่อน เมนูที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบถึงรายละเอียดขั้นตอนวิธีการทำและวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการทำ เนื่องจากเขาเป็นขนมเค้กที่มีรสชาติอร่อยและสามารถรับประทานได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่จะชื่นชอบรสชาติของมะพร้าวที่มีความหอมและความมันผสมผสานกัน กลายเป็นขนมเค้กรูปแบบเบเกอรี่ที่ผู้คนนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก 

และหากใครที่กำลังมองหาเค้กงานวันเกิดหรือเค้กวันสำคัญเพื่อที่จะส่งมอบความรักให้กับคนพิเศษของท่านนั้นเราอยากจะแนะนำเป็นเมนูดังกล่าวที่เราได้อธิบายไปนั่นก็คือ เค้กเนื้อมะพร้าวอ่อนที่จะทำให้คนพิเศษของทุกท่านนั้นชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะมีรสชาติที่หอมอร่อยเนื้อแป้งนุ่มละมุนเมื่อรับประทานคู่กับมะพร้าวอ่อนแล้วยิ่งจะทำให้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น

ส่วนผสมหลัก และขั้นตอนในการทำเค้กที่ทำจากมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสมหลักของเค้กมะพร้าวอ่อน นั้นมีส่วนผสมหลักที่ทุกท่านสามารถซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป ได้แก่ 

  • แป้งเค้ก 60 กรัม 
  • น้ำตาลทราย 35 กรัม
  • ผงฟู 1/8 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • ไข่แดง 2 ฟอง 
  • กะทิ 20 กรัม 
  • น้ำมะพร้าว 17 กรัม
  • มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
  • ไข่ขาว 2 ฟอง 

เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมหลักที่สามารถนำมาทำเค้กได้ทันที ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปอย่างที่เราได้อธิบายไว้เบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้เขายังมีขั้นตอนและวิธีการทำที่ไม่ยากเมื่อทุกท่านเตรียมส่วนผสมทุกอย่างไว้ด้วยกันแล้ว อันดับแรกท่านจะต้องทำไส้ครีมของมะพร้าวอ่อนก่อน 

  1. นำเนื้อมะพร้าวนั้นมาผสมผสานคลุกเคล้ากับน้ำตาลทรายกะทิ และน้ำมะพร้าวรวมถึงเกลือป่น ตั้งไฟในขนาดปานกลางและค่อย ๆ คนส่วนผสมทุกอย่างคลุกเคล้าให้เข้ากันเมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อย
  2. ใส่เนยสดลงไปละลายในน้ำที่กำลังร้อน ให้ทุกท่านขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนออกเป็นเส้น ๆ และนำมาหั่นตามความชื่นชอบพักทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 
  3. ทำแป้งเค้กโดยการร่อนแป้งและผงฟูผสมผสานเข้าด้วยกันหลังจากนั้นเทของเหลวที่เราได้ผสมไว้ตั้งแต่ขั้นตอนข้างต้นแล้วคนให้เข้ากันอย่างรวดเร็วเพื่อให้เนื้อแป้งเค้กนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. เมื่อทุกท่านทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วให้นำไข่ขาวออกมาตีให้ขึ้นฟอง ใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อยและตีจนไข่ขาวขึ้นยอดแข็งนั้นส่วนผสมทุกส่วนนั้นเทใส่พิมพ์และนำเข้าอบประมาณ 20 นาที 
  5. ขั้นตอนที่สำคัญของการทำ เบเกอรี่คือพักทิ้งไว้และนำมาตกแต่งตามความชื่นชอบของทุกท่านได้ทันที
Categories
เบเกอรี่

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราก็ได้นำสูตรการทำเบเกอรี่มาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำทานกันอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับเมนูเบเกอรี่ในวันนี้จะเป็นคุกกี้แบบอบ หน้าตาน่ารัก สามารถทำได้ง่าย ๆ นั่นก็คือ “คุกกี้ไอศกรีม” ที่เคยโด่งดังมาก ๆ ในโซเซียลมาแล้ว ซึ่งหลายคนคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วนะคะ เรียกว่าเห็นแล้วแยกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่านี่เป็นคุกกี้ หรือไอศกรีมจริง ๆ กันแน่ 

คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

วัตถุดิบในการทำคุกกี้ไอศกรีม ขนมหวานหน้าตาน่ารัก

สำหรับคุกกี้ไอศกรีมนั้นถือเป็นคุกกี้ที่ฉีกกฎคุกกี้แบบเดิม ๆ ที่เราเคยเห็นไปเลย โดยการนำคุกกี้มาผสมสีสันต่าง ๆ ในลักษณะเบเกอรี่รูปไอศกรีมสุดแสนจะน่ารัก รสชาติหวาน หอม ละมุนลิ้น ส่วนเนื้อสัมผัสเองก็กรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุด ๆ บ้างก็นำมาสอดไส้ด้วยรสชาติต่าง ๆ เพิ่มรสชาติให้น่าทานมากยิ่งขึ้น แต่ในวันนี้เราได้นำสูตรการทำแบบเบสิคไร้ไส้มาฝากกันนะคะ ก่อนอื่นไปเตรียมอุปกรณ์กันเลยค่ะ

  1. เนยสดรสจืด (อุณหภูมิห้อง) 300 กรัม
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
  3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. แป้งเค้ก 500 กรัม
  7. สีผสมอาหารตามชอบ
คุกกี้ไอศกรีม เบเกอรี่ชิ้นจิ๋ว น่ารัก น่ารับประทาน

ขั้นตอนวิธีทำเบเกอรี่ คุกกี้ยอดฮิต

แม้ว่าคุกกี้ไอศกรีมนั้นจะมีหน้าตาที่แตกต่างจากคุกกี้ทั่วไป แต่วิธีการทำนั้นยังคงคล้ายกันอยู่ค่ะ นั่นหมายความว่า คนที่เคยทำขนมอบอย่างคุกกี้กันมาบ้างแล้ว จะสามารถทำได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ ส่วนคนที่ไม่เคยทำก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะคะ วิธีทำของเรามีดังนี้

  1. ขั้นตอนแรกใส่เนยสดรสจืดลงไปในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนจนละลาย จากนั้นใส่น้ำตาลไอซิ่ง เกลือป่น คนให้เข้ากันแล้วใช้ไม้พายปาดให้ส่วนผสมมาอยู่ตรงกลางแล้วใส่ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา ลงไปคนให้เข้ากัน 
  2. ร่อนแป้งเค้กใส่ลงไปในชามผสมเดียวกันกับขั้นตอนที่ 1 โดยใช้ไม้พายกวนเบา ๆ ให้เข้ากันจนมีเนื้อเนียน ไม่ติดชาม จากนั้นแบ่งส่วนผสมออกตามจำนวนสีผสมอาหารที่ต้องการใช้แล้วหยดสีผสมอาหารลงไปคนผสมให้เข้ากัน ห่อภาชนะด้วยฟิล์มถนอมอาหาร แล้วนำเข้าไปแช่เย็นเป็นเวลา 30 นาที
  3. เมื่อรอจนครบเวลาแล้วนำที่ตักไอศกรีมมาตักขึ้นรูป ตักแป้งเนื้อคุกกี้ไอศกรีม โดยรองถาดรองอบด้วยกระดาษไข ก่อนจะตักคุกกี้ใส่ลงไป
  4. นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 150 องศา ไฟบน – ล่าง เปิดพัดลม เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นให้พักไว้ให้เย็นแล้วนำมาจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

สำหรับใครที่เป็นสายกาแฟอยู่แล้ว คงหลงรักโอเปร่าเค้กแบบสุด ๆ เพราะเป็นเบเกอรี่เค้กสัญชาติฝรั่งเศสที่อร่อยเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ เต็มรสกาแฟอย่างแท้จริง โดยเค้กชิ้นนี้มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 โดยมีหลาย ๆ ผู้ที่อ้างตัวว่าตนเองนั้นเป็นผู้คิดค้น บ้างก็บอกว่าเป็นเค้กที่เกิดขึ้นในโรงละครโอเปร่า เพื่อให้คนที่มาชมละครได้รับประทานกันระหว่างรับชม

โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

วัตถุดิบในการทำโอเปร่าเค้ก เค้กหลายชั้น เต็มรสกาแฟ

โอเปร่าเค้ก มีลักษณะเป็นเค้กหลายชั้น ที่ไม่ว่าคุณจะตักคำไหนก็จะได้รสชาติทั้งหมดของเบเกอรี่ชิ้นนี้อย่างอร่อยลงตัว โดยจะได้รสเดียวกันแทบทั้งชิ้น ทั้งรสของครีม กาแฟ เนื้อเค้ก และช็อกโกแลต โดยในปัจจุบันก็เป็นที่นิยมจนมีมากมายหลายสูตร ซึ่งสูตรที่เรานำนาฝากในวันนี้ก็ขอแบ่งวัตถุดิบออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายนะคะ

เนื้อเค้กชิฟฟอนกาแฟ

  1. แป้งเค้ก 80 กรัม
  2. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. น้ำตาล 65 กรัม
  5. น้ำมันพืช 45 มิลลิลิตร
  6. นมสด 60 มิลลิลิตร
  7. ผงกาแฟ 2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 60 มิลลิลิตร
  8. ไข่แดง 3 ฟอง
  9. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  10. ไข่ขาว 3 ใบ
  11. น้ำตาลทรายขาว 65 กรัม

บัตเตอร์ครีมกาแฟ

  1. บัตเตอร์ครีม 150 กรัม
  2. ผงกาแฟ 1.5 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่า 1 ช้อนชา

น้ำเชื่อมกาแฟ

  1. ผงกาแฟ 2 ช้อนชา
  2. น้ำร้อน 5 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ

ช็อกโกแล็ตกานาชครีม

  1. ช็อกโกแล็ต 100 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
โอเปร่าเค้ก เค้กกาแฟที่มีชื่อคล้ายเครื่องดนตรี

ขั้นตอนวิธีการทำเค้กกาแฟ เนื้อชิฟฟ่อน

สำหรับวิธีการทำโอเปร่าเค้กนั้นก็แสนจะง่ายดาย แต่อาจจะซับซ้อน และหลายขั้นตอนไปเสียหน่อย อาจจะถือว่าซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่เลยก็ว่าได้ แต่เมื่อได้รับประทานเค้กกาแฟชิ้นนี้แล้วขอรับรองเลยว่าต้องติดใจแน่นอน 

  1. ขั้นตอนแรกนำแป้งเค้ก ผงฟู เกลือไปร่อนด้วยตะแกรงใส่ลงไปในชามผสม และใส่น้ำตาล ใช้คะกร้อมือคนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช ไข่แดง กลิ่นวานิลลา และกาแฟผสมน้ำอุ่น ตีผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว
  2. ใส่ไข่ขาว และน้ำตาลทรายลงไปในโถตีของเครื่องผสมอาหาร ตีด้วยความเร็วสูงสุดจนตั้งยอดแข็ง จากนั้นให้นำไปผสมกับส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 และตีอย่างเบามือ
  3. เตรียมถาดรองอบ รองด้วยกระดาษรองอบ เสร็จแล้วให้เทส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป เกลี่ยด้วยไม้พายให้สม่ำเสมอกันทั่วทั้งพิมพ์ และนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 15 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นแล้วนำกระดาษไขออกจากเนื้อเค้ก
  4. ทำบัตเตอร์ครีมกาแฟ โดยตีผสมบัตเตอร์ครีมกับกาแฟที่เราผสมไว้ลงไปตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือแล้วพักไว้
  5. ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนการทำน้ำเชื่อม ให้ผสมผงกาแฟ น้ำอุ่น และน้ำตาลแล้วคนให้เข้ากัน 
  6. ผสมช็อกโกแลชกานาช และวิปปิ้งครีม แล้วนำเข้าไปละลายในไมโครเวฟ และคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
  7. ตัดเนื้อเค้กให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบาง ๆ เป็นจำนวน 4 แผ่นเท่า ๆ กันกับพิมพ์สี่เหลี่ยม 
  8. ใส่เค้กแผ่นแรกลงไปในพิมพ์ ทาด้วยน้ำเชื่อมกาแฟให้ทั่ว ตามด้วยปาดบัตเตอร์เค้กลงไปให้เนียนเสมอกัน ใส่เนื้อเค้กอีกหนึ่งชั้น ทาน้ำเชื่อม และปาดช็อกโกแล็ตกานาชให้ทั่ว ทำซ้ำกับอีกสองแผ่นที่เหลือในแบบเดียวกัน เสร็จแล้วให้นำไปแช่เย็น 2 ชั่วโมง นำออกจากพิมพ์ และแต่งหน้าตามใจชอบ ตัด และจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ





Categories
เบเกอรี่

ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด

ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด
ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด

หลายคนเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาลักษณะของเบเกอรี่ชนิดนี้แล้ว มักจะเรียกว่าเอแคลร์ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าขนมที่เราเรียกกันอย่างติดปาก แท้จริงแล้วคือ ชูครีม ส่วนเอแคลร์นั้นจะต่างกัน ด้วยลักษณะที่เป็นทรงยาวราดด้วยช็อกโกแลต และกาแฟ เหมือนกันตรงแป้งที่ใช้แบบเดียวกัน และมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน ชูครีมนั้นแต่เดิมมีชื่อว่า “ชู อา ลาเคร์ม” ซึ่งมีความหมายว่า กะหล่ำปลีที่มีครีม ตามรูปร่างที่คล้ายกะหล่ำปลีนั่นเอง และถูกนำเข้ามาในเมืองไทยในปี พ.ศ. 2443 เนื่องจากในปีนั้นชาวฝรั่งเศสได้เข้ามาในประเทศไทย และได้ทำเอแคลร์และชูครีมรับประทาน โดยมีคนไทยเข้าไปช่วยทำ จนได้รู้สูตร และชื่อของขนม แต่เพราะชื่อที่เรียกยาก คนไทยนั้นจึงเรียกขนมทั้งสองนี้ว่า เอแคลร์ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกัน เป็นเหตุให้เข้าใจผิดกันมาจนถึงปัจจุบัน

ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด
ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด

วัตถุดิบสำหรับการทำชูครีม เบเกอรี่สอดไส้

ชูครีมนั้นเป็นเบเกอรี่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีขายทั่วไปในประเทศไทย เพราะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนิ่ม เข้ากันกับครีมที่สอดไส้อยู่ข้างใน กลิ่นหอมละมุน ลักษณะเล็กกลม หยิบเคี้ยวเพลินจนลืมตัวเลยละค่ะ ในปัจจุบันนั้นถูกนำมาดัดแปลงสูตรให้มีความหลากหลากมายขึ้น เช่น ชูครีมสตรอว์เบอรี่ , ช็อกโกแลต วานิลลา ไข่เค็ม ทุเรียน และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยราคาซื้อขายเองก็แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ราคาที่ถูก ไปจนถึงราคาแพง ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่ปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น การตกแต่ง แบรนด์ รวมไปถึงวัตถุดิบที่นำมาใช้ ซึ่งในวันนี้เราก็มีสูตรดี ๆ มาแนะนำให้ได้ทำกัน เริ่มจากวัตถุดิบ ซึ่งเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

วัตถุดิบสำหรับทำแป้งชูครีม

  1. เนยสดเค็ม 35 กรัม
  2. น้ำเปล่า 80 กรัม
  3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  4. แป้งสาลีชนิดพิเศษ 55 กรัม
  5. ไข่ไก่ 2 ฟอง

วัตถุดิบสำหรับทำไส้ครีมคัสตาร์ด

  1. ไข่แดง 1 ฟอง
  2. น้ำตาลทราย 45 กรัม
  3. นมสด 130 กรัม
  4. วิปปิ้งครีม 30 กรัม (สำหรับใช้ผสมไส้คัสตาร์ด)
  5. แป้งสาลีชนิดพิเศษ 10 กรัม 
  6. วิปปิ้งครีม 200 กรัม (สำหรับใช้ตีครีม)
  7. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  8. น้ำตาลไอซิ่ง
ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด
ชูครีม นุ่มนิ่ม สอดไส้ เบเกอรี่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด

วิธีทำชูครีมไส้คัสตาร์ด นุ่ม หวาน หอม อร่อยเพลิน

เราเชื่อว่าหลายคนนั้นเคยทานชูครีม แต่ไม่เคยทำรับประทานเอง จะดีกว่าไหมหากเราสามารถทำเบเกอรี่รับประทานเอง โดยไม่ต้องเสียเงินมากมาย และไม่ต้องเสียความรู้สึกหากซื้อแล้วรสชาติไม่ถูกปาก เมื่อได้ทำเองจะสามารถปรับสูตรได้อย่างตามใจชอบ ชอบหวานใส่หวาน ชอบมันใส่มัน ชอบเปรี้ยวก็สามารถเพิ่มได้เอง แล้วแต่เราจะรังสรรค์ ดังนั้น เราไปทำชูครีมกันเลยค่ะ

  1. เริ่มจากการทำแป้งชู โดยใส่ เนยสดเค็ม น้ำเปล่า เกลือป่น ใส่ลงไปในหม้อ ตั้งไฟกลาง และใช้ไม้พายคนจนส่วนผสมเริ่มเดือด จากนั้นใส่แป้งสาลีชนิดพิเศษลงไปคนต่อให้เข้ากัน จนมีเนื้อนุ่ม เสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะและใช้ไม้พายคนให้คลายความร้อน 
  2. เมื่อแป้งเริ่มอุ่นแล้ว ให้นำไข่มาตีและเทลงไปผสมทีละนิดและคนให้เข้ากันจนกว่าไข่จะหมด จากนั้นนำไปใส่ถุงบีบโดยใช้หัวบีบแบบแฉก 
  3. เตรียมถาดอบและรองด้วยกระดาษลองอบ บีบครีมลงไปในถาด ให้เป็นทรงสวยงาม เสร็จแล้วเคาะถาดเล็กน้อยให้แป้งที่บีบลงไปขยายตัว ฉีดน้ำใส่เล็กน้อย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  4. นำไปอบที่อุณภูมิ 200 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง เป็นเวลาประมาณ 30 – 35 นาที จนตัวแป้งพอง เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ให้เย็น
  5. ทำไส้ครีมคัสตาร์ด โดยใส่ไข่แดง น้ำตาลทราย แป้งสาลี นมสด วิปปิ้งครีม ใช้ตระกร้อคนให้ส่วนผสมเข้ากัน และนำขึ้นตั้งไฟ คนจนส่วนผสมมีลักษณะข้นหนืดและยกเราจากเตา จากนั้นนำไปกรอง
  6. มาถึงขั้นตอนการตีครีม ใส่วิปปิ้งครีม และกลิ่นวนิลลาตีให้ดขกันด้วยเครื่องผสมอาหาร จนส่วนผสมฟูตั้งยอด จากนั้นใส่คัสตาร์ดที่เย็นแล้วลงไปคนด้วยไม้พายให้เข้ากัน นำไปใส่ถุงบีบ โดยใช้หัวบีบสำหรับบีบไส้
  7. ทิ่มหัวบีบไส้ลงไปในตัวขนมที่พักไว้จนแน่น จัดใส่จานโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง และนำไปแช่เย็นให้เซตตัว เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วค่ะ
Categories
เบเกอรี่

คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก

คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก
คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก

หลายคนอาจไม่เคยเห็น หรือไม่เคยรู้จักขนมเบเกอรี่สัญชาติฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก และเกือบจะหายไปตลอดกาล ซึ่งมีชื่อว่า “คานาเล่” หรือ Canelé เบกอรี่ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ชิ้นนี้มีถิ่นกำเนิดในเมืองบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 17 โดยเกิดจากโรงงานผลิตไวน์นั้นได้บริจาคไข่แดงให้กับแม่ชีท่านหนึ่ง แม่ชีจึงได้คิดค้นขนมชนิดนี้ขึ้นมา และนำไปแจกให้กับผู้ที่มีฐานะยากจน เมื่อสำนักชีได้ปิดตัวลง สูตรของขนมก็ได้หายไปด้วย ต่อมาได้มีพ่อครัวขนมอบได้ค้นพบสูตรนี้ และได้ทำขายจนได้รับความนิยม 

คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก
คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก

วัตถุดิบในการทำคานาเล่ เบเกอรี่กรอบนอกนุ่มใน

ขนมคานาเล่นั้นมีเนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นใหม่ และกลิ่นวานิลลาผสมกัน เมื่อนำมารับประทานกับไวน์แล้วอร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเป็นขนมหวานที่มีส่วนผสมของเหล้ารัม จึงไม่เหมาะกับเด็กมากนัก หรือใครจะงดการใส่เหล้ารัมก็ได้ แต่อาจจะทำให้ขาดเอกลักษณ์ที่สำคัญของเบเกอรี่ชิ้นนี้ไป และวัตถุดิบในการทำก็มีดังนี้

  1. นมสดจืด 360 มิลลิลิตร
  2. ไข่ไก่ 70 กรัม
  3. น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
  4. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  5. เหล้ารัม 20 มิลลิลิตร
  6. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก
คานาเล่ เบเกอรี่ฝรั่งเศสที่หาทานได้ยาก

ขั้นตอนวิธีการทำแบบง่าย ๆ แต่ต้องหมักแป้งเป็นเวลานาน

สำหรับใครที่อยากลองรับประทานเบเกอรี่ คานาเล่ ขอบอกเลยว่าหาทานได้ยากมากนอกประเทศฝรั่งเศส แต่ในวันนี้ด้วยสูตรวิธีการทำของเรา คุณไม่ต้องบินไปทานไกลถึงประเทศต้นกำเนิด เพราะสามารถทำเบเกอรี่คาเน่เล่ทานได้ที่บ้านได้แบบง่าย ๆ แต่ต้องใช้เวลาหมักแป้งนานข้ามวันกันเลยทีเดียว

  1. ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อนแล้วใส่นมสดรสจืดลงไปต้มให้ร้อน ระหว่างนี้ให้ใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลทรายลงไปตีให้เข้ากันในชามผสมด้วยตะกร้อมือ ต่อด้วยการเติมแป้งอเนกประสงค์ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วทยอยเทนมร้อนของเราลงไปผสม และคนจนกว่าจะเข้ากันทั้งหมด จากนั้นใส่เหล้ารัม และกลิ่นวานิลลาลงไปคนเล็กน้อย จากนั้นห่อชามผสมด้วยกระดาษห่ออาหาร นำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 24 ชม.
  2. เมื่อเราหมักแป้งจนครบเวลา ให้ทาเนยให้ทั่วพิมพ์คานาเล่ ก่อนจะใส่แป้งที่เราหมักไว้ลงไป (ก่อนเทให้คนส่วนผสมก่อนนะคะ) โดยเทให้เหลือที่ว่างไว้เล็กน้อยเผื่อขนมของเราฟูขึ้นตอนอบค่ะ
  3. ก่อนจะนำขนมไปอบให้อุ่นเตาอบด้วยอุณหภูมิ 200 องศา ไฟบนล่าง เปิดพัดลม จากนั้นให้ใส่ขนมของเราเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิเท่าเดิม ประมาณ 10 นาที จากนั้นอบรอบสองด้วยอุณหภูมิ 170 องศา ไฟบนล่าง เปิดพัดลม ประมาณ 45 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบ
  4. นำขนมของเราออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็น และจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล

Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล
Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล

ในปัจจุบันนั้นเบเกอรี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในการนำมารับประทานเป็นอาหารว่าง หรือใช้ประกอบในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น งานเฉลิมฉลอง งานแต่ง วันเกิด ปีใหม่ คริสต์มาส เป็นต้น ในวันนี้เราจึงได้นำ Fruit Cake หรือเค้กผลไม้มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก และลองทำตามกันค่ะ โดยเป็นเค้กจากประเทศอังกฤษที่มีส่วนผสมของเหล้ารัม มีกลิ่นหอมเย้ายวนน่ารับประทาน รสชาติหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้แห้งนา ๆ ชนิด 

Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล
Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ Fruit Cake เบเกอรี่ที่สามารถเก็บไว้ได้นาน

เบเกอรี่เค้กผลไม้ หรือ Fruit Cake นั้นได้รับความนิยมมากในประเทศแถบสหรัฐอเมริกา และยุโรป มักจะทำกันบ่อย ๆ ในช่วงเทศกาล ด้วยความที่อร่อย นุ่ม ฟู ของเนื้อเค้ก และที่สำคัญยังสามารถแช่เย็นเก็บไว้รับประทานได้เป็นปีเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดนั้นมีข่าวออกมาว่าได้ค้นพบเบเกอรี่นี้ในทวีปแอนตาร์กติกา มีอายุนานถึง 106 ปี และยังสามารถรับประทานได้อยู่ เนื่องจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้สามารถยืดอายุของเค้กผลไม้ให้สามารถเก็บไว้ทานได้นานขึ้นค่ะ

  1. ผลไม้แห้งตามชอบ 320 กรัม (หั่นชิ้นเล็กหมักเหล้ารัมในปริมาณเท่ากัน แช่ไว้ในตู้เย็น 1 วัน)
  2. แป้งอเนกประสงค์ 150 กรัม
  3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา 
  4. ผงอบเชยป่น 1/2 ช้อนชา
  5. เนยสดรสจืดละลายอุณหภูมิห้อง 170 กรัม
  6. น้ำตาลทรายธรรมชาติ 185 กรัม
  7. สารแต่งกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  8. ไข่ไก่ 3 ฟอง
Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล
Fruit Cake เค้กสุดคลาสสิค นิยมทำในช่วงเทศกาล

ขั้นตอนวิธีการทำเค้กแสนอร่อย หาทานได้ยาก

แม้จะเป็นเบเกอรี่เค้กยอดนิยมในหลาย ๆ ประเทศ แต่ในประเทศไทยนั้นถือว่าหาทานได้ยาก และถึงเราจะหาทาน Fruit Cake ได้ก็มักจะมีราคาที่สูง เนื่องจากต้องใช้เวลาหมักผลไม้แห้งด้วยเหล้ารัมเป็นเวลานาน กว่าสามารถนำมาทำเป็นเค้กผลไม้ให้เราได้รับประทานกันได้ บางสูตรนั้นใช้เวลาในการหมักมากกว่า 7 วัน แต่สูตรที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เราจะใช้เวลาหมักเพียง 1 วันนะคะ ดังนั้น เราไปดูวิธีการทำกันเลยค่ะ

  1. เตรียมชามผสมแล้วใส่เนยสดรสจืด และทยอยใส่น้ำตาลทรายธรรมชาติลงไปตีด้วยเครื่องผสมอาหารความเร็วปานกลางจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละลายเข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ลงไปตีทีละฟอง ต่อด้วยการร่อนแป้งอเนกประสงค์ เกลือ และผงอบเชยลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดแล้วปาดด้วยไม้พายให้เข้ากัน และใส่ผลไม้แห้งที่หมักไว้ลงไปกวนให้เข้ากัน
  2. เตรียมพิมพ์สำหรับอบ รองด้วยกระดาษรองอบ และใส่ส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ลงไป และปาดให้หน้าขนม Fruit Cake ของเราเรียบเนียน
  3. วอร์มเตาอบด้วยอุณหภูมิ 165 องศา ไฟบน – ล่าง ไม่เปิดพัดลม เสร็จแล้วนำขนมเข้าไปเป็นเวลา 10 – 15 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้ลดอุณหภูมิลงเป็น 150 องศา ไฟบน – ล่าง โดยใช้เวลาในการอบประมาณ 1.30 ชั่วโมง
  4. เมื่ออบเสร็จแล้วให้นำออกมาพักไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นนำออกจากพิมพ์แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้น และจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย

English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย
English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย

เราจะเห็นได้ว่าขนมปังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย และต่างประเทศ ด้วยความที่เป็นเบเกอรี่ที่สามารถทานคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำชา กาแฟ นม แยม ฯลฯ ก็เข้ากันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถพกพาไปทานที่ไหนก็ได้ ทานในเวลาไหนก็ได้ เพราะสามารถทานได้ง่าย และอิ่มท้อง ทานแทนมื้ออาหารหลักได้เลย ในวันนี้เราจึงได้นำสูตรขนมปังอังกฤษที่มีชื่อว่า English Muffin มาให้ทุกคนได้รู้จักค่ะ โดยขนมปังก้อนกลม ๆ นี้สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ มือใหม่เองก็สามารถทำได้

English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย
English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ English Muffin ขนมปังอังกฤษ

ขนมปังอังกฤษ หรือ English Muffin มีเนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เป็นเบเกอรี่ขนมปังที่นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าในหลาย ๆ ประเทศ เช่น อังกฤษ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เป็นต้น มีรสชาติหวานฉ่ำเนย และมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะตอนทำเสร็จใหม่นั้นน่ารับประทานมากค่ะ ดังนั้น เราไปเตรียมวัตถุดิบกันเลย

  1. เเป้งอเนกประสงค์ 350 กรัม
  2. นํ้าตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  3. ยีสต์เเห้ง 1 + 1/2 ช้อนชา 
  4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  5. นมสดรสจืด 200 มิลลิลิตร
  6. เนยสดรสจืด ละลายอุณหภูมิห้อง 25 กรัม
  7. Corn Grit แป้งข้าวโพดอบแห้งบดหยาบ
  8. น้ำมันพืชเล็กน้อย
English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย
English Muffin ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานกับอะไรก็อร่อย

ขั้นตอนวิธีทำขนมปังอังกฤษง่าย ๆ ไม่ง้อเตาอบ

แม้ว่าจะมีชื่อว่าขนมปัง แต่ก็เป็นเบเกอรี่ที่มีวิธีการทำแตกต่างจากขนมปังทั่วไปที่นิยมใช้วิธีการอบ แต่ English Muffin หรือขนมปังอังกฤษนั้นจะใช้วิธีการทอด หรือปิ้งด้วยกระทะแทนนะคะ จึงสามารถทำได้ง่ายกว่าขนมปังทั่วไป หากใครพร้อมแล้วเราไปดูวิธีการทำง่าย ๆ ของเราเลยนะคะ

  1. เตรียมชามผสมใส่แป้งอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายขาว เกลือ และยีสต์แห้งลงไป คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ ทำหลุมตรงกลางตัวแป้งแล้วใส่นมสดรสจืด เนยละลายลงไปตรงกลาง ทำการนวดคลึงให้เข้ากันจนมีเนื้อเนียนนุ่ม ไม่เป็นผง และไม่ติดมือ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ต่อด้วยการนวดให้เป็นก้อนกลม นำมาพักไว้ในชามผสม คลุมด้วยฟิล์มห่ออาหาร และพักไว้ 1 ชั่วโมง
  2. เมื่อพักไว้จนครบเวลาแล้วให้โรยผง Corn Grit ให้ทั่ว จากนั้นนำไม้รีดแป้งรีดให้แป้งมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นใช้พิมพ์ตัดแป้งแบบวงกลมตัดลงไปให้เป็นชิ้น ๆ และนำออกมาพักไว้
  3. เตรียมถาดรองอบ รองด้วยกระดาษรองอบ และโรย Corn Grit ลงไปให้ทั่ว นำแผ่นแป้งที่เตรียมไว้วางลงไปให้ห่างกันเล็กน้อย โรยผง Corn Grit อีกครั้งที่หน้าขนม พักไว้ประมาณ 30 นาที
  4. ตั้งกระทะเทฟล่อน เทน้ำมันพืชใส่เล็กน้อย และใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออกให้หมด ก่อนจะเปิดเตาด้วยไฟอ่อน เมื่อกระทะร้อนแล้วให้นำแป้ง English Muffin ลงไปทอด โดยใช้เวลาด้านละ 5 นาที หรือจนกว่าแต่ละด้านจะสุก และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง จากนั้นช้อนออกมาจากกระทะ มาพักไว้แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
Categories
เบเกอรี่

โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย

โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย
โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย

หากใครชอบเล่นโซเชียลมีเดีย คงจะรู้จักกับเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นอย่าง “โมจิหยดน้ำ” หรือ Mizu Shinggen Mochi กันเป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นกระแสฟีเวอร์มาแล้วในทุกช่องทางโซเชียล จนหลายคนต้องตามหามารับประทานกันเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นเบเกอรี่สุดฮิตจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่โด่งดังเรื่องขนมสุดแสนจะน่ารัก และน่ารับประทานอยู่แล้ว เมื่อนำเข้ามาในไทยจึงได้รับความนิยมมาก ๆ

โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย
โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย

วัตถุดิบในการทำโมจิหยดน้ำ ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น

เนื่องจากความนิยมของโมจิหยดน้ำ เบเกอรี่รูปทรงหยดน้ำ ใสแจ๋ว จากญี่ปุ่น รสชาติหวานละมุนเข้ากันได้ดีกับน้ำเชื่อม และผงถั่วคินาโกะ อร่อยถูกใจทุกเพศทุกวัย ทำให้มีการทำขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นนี้ขายกันมากมาย หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบออริจินอล แบบแฟนซีน่ารัก ๆ และแบบผลไม้สอดไส้ โดยราคาซื้อขายนั้นเริ่มตั้งแต่ชิ้นละหนึ่งร้อยบาทขึ้นไป หากใครอยากลองทานแบบ Save Cost ละก็ไปดูวัตถุดิบในการทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบทำตัวขนมโมจิหยดน้ำ

  1. น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
  2. ผงวุ้นญี่ปุ่น 9 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 40 กรัม
  4. ผงถั่วคินาโกะ ตามชอบ

วัตถุดิบทำน้ำเชื่อม

  1. น้ำตาลทรายแดงป่นละเอียด 100 กรัม
  2. น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย
โมจิหยดน้ำ ขนมญี่ปุ่นที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ในไทย

ขั้นตอนวิธีการทำง่าย อุปกรณ์น้อย

หลังจากเราได้รู้จักวัตถุดิบในการทำกันไปแล้ว เรามาดูขั้นตอนวิธีการทำที่แสนจะง่ายดายของโมจิหยดน้ำกันเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่า แม้คุณจะไม่เคยทำเบเกอรี่เลยก็สามารถทำขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นชิ้นนี้ได้ เพราะทำง่ายมาก ๆ วัตถุดิบน้อย อุปกรณ์น้อย และไม่สลับซับซ้อนมากขั้นตอน เพียงเรามีความตั้งใจในการทำ เราก็สามารถทำได้แบบง่าย ๆ และได้ขนมสุดน่ารักมารับประทานกันที่บ้าน

  1. ตั้งหม้อโดยใช้ไฟอ่อนใส่น้ำเปล่าลงไป และนำผงวุ้นญี่ปุ่น กับน้ำตาลมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อน้ำที่ตั้งไฟไว้เริ่มร้อนให้ใส่น้ำตาล และผงวุ้นญี่ปุ่นลงไป รอให้เดือด ระหว่างนั้นให้ใช้ช้อนคนให้ละลายเข้ากัน หากเดือดแล้วเกิดฟองขึ้นมา ให้ช้อนฟองออกให้หมด จากนั้นนำออกจากเตาพักไว้ให้เย็น
  2. ทำน้ำเชื่อมสำหรับทานคู่กับโมจิหยดน้ำ โดยนำน้ำตาลทรายแดงป่นละเอียดใส่ลงไปในหม้อ ใส่น้ำเปล่า และเปิดไฟ เคี่ยวให้ละลายเข้ากันจนข้นเหนียวเล็กน้อย จากนั้นพักไว้
  3. เทส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ลงไปในพิมพ์หยดน้ำ ต่อด้วยการนำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 2 – 3 เพื่อให้เป็นรูปทรง และเซตตัวสวยงาม จากนั้นนำออกจากตู้เย็นแล้วจัดใส่จาน จัดเสิร์ฟพร้อมผงถั่ว และน้ำเชื่อมได้เลยค่ะ