
หากใครกำลังอยากจะทานขนมหวานสักชิ้น เราขอแนะนำ “ขนมแดกงา” ขนมที่ทั้งอร่อย และช่วยให้อิ่มท้อง ซึ่งหน้าตาของขนมนั้นอาจจะไม่คุ้นหูคุ้นตาบางคนเสียเท่าไหร่ เพราะเป็นขนมพื้นบ้านของจังหวัดสุโขทัย หรือเมืองมรดกโลกของไทยเรานี่เอง เป็นจังหวัดที่มากมายไปด้วยวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ รวมถึงอาหารที่อร่อย และขนมไทยที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ก็มีสตอรี่ที่มากมาย ถูกกล่าวถึงในชาดกเรื่องหนึ่งว่าเป็นอาหารของชนชั้นแรงงาน เพราะสามารถทานได้แทนอาหารว่าง ทานแล้วอิ่มอยู่ท้องช่วยคลายหิวได้ ด้วยวัตถุดิบหลักที่ทำจากข้าวเหนียว และงา แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าขนมหวานอื่น ๆ หากใครอยากลองทานก็ไม่ต้องไปหาซื้อไกล เพราะเราได้นำสูตรวิธีการทำ พร้อมเล่าเรื่องราวสอนใจจากขนมไทยมาให้ทุกคนได้ศึกษากันอีกด้วย

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมแดกงา ขนมที่มีเรื่องราวสอนใจในพระไตรปิฏก
ขนมแดกงายังเป็นขนมไทยที่มีประวัติยาวนาน และถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นเรื่องราวกี่เกี่ยวข้องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเศรษฐีที่เคยเป็นคนชั้นแรงงานมาก่อน เขาได้ศึกษาธรรมจนมีผู้ศรัทธาจากการที่เขาอธิบายธรรม ต่อมาก่อนที่เขาจะสิ้นใจเขาได้ปรารถนาความศรัทธา และมั่นคงในพระรัตนตรัย เขาได้นิมนต์พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะมาพำนักอยู่ที่อัมพาฏการาม วัดที่ตนเป็นคนสร้าง ซึ่งมีพระสุธรรมเป็นเจ้าอาวาส ทำให้เกิดความอิจฉาที่เศรษฐีนับถือผู้อื่นมากกว่าตน เมื่อเศรษฐีได้ถวายภัตตาตารให้อย่างมากมาย แต่พระสุธรรมกลับกล่าวว่าอาหารของเขานั้นขาดไปเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ ขนมแดกงา ทำให้เศรษฐีนั้นโมโหมาก เพราะมันทำให้เขานึกถึงตอนที่ยังยากจน จึงมองขนมชนิดนี้เป็นของแสลง
ทั้งสองจึงได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้กราบทูลเรื่องนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตำหนิพระสุธรรม และบอกให้ไปขอขมาเศรษฐีถึง 2 รอบ จึงได้ยกโทษให้ และเรื่องนี้ก็ให้คำสอนว่าเศรษฐีที่มีปฏิภาณเฉียบแหลม ศึกษาธรรมจนได้รับการยกย่องมีคนนับถือ แต่ก็ยังมีปมแต่อดีตที่ไม่สามารถละได้ ทั้งพระสงฆ์บางรูปก็ยังไม่หลุดพ้นในธรรม ถือเป็นเรื่องราวที่สะท้อนจิตใจของมนุษย์ หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวของขนมแดกงามาพอสมควรแล้ว เราไปดูวัตถุดิบในการทำกันเลยค่ะ
- แป้งข้าวเหนียวขาว 150 กรัม
- น้ำลอยดอกมะลิสำหรับนวดแป้ง
- น้ำลอยดอกมะลิ 60 กรัม
- เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 150 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม
- ถั่วลิสงคั่วบุบ 45 กรัม
- งาดำคั่ว 60 กรัม
- งาขาวคั่ว 60 กรัม
- เกลือป่น 10 กรัม
- ใบตอง 2 – 3 ใบ

ขั้นตอนวิธีการทำขนมไทยรับประทานง่าย คลายหิว
เนื่องจากขนมแดกงามีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน จึงไม่สามารถทราบต้นกำเนิดที่ชัดเจน แต่ชาวมอญที่ได้รับพุทธศาสนาจากอินเดีย จึงได้รับขนมแดกงามาทำรับประทานด้วย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญ และถูกเรียกอย่างหลากหลาย และมีความแตกต่างกันในด้านหน้าตาของขนม เช่น คนไทยภาคกลางจะเรียกว่าขนมแดกงา และขนมงาดำ , ภาคเหนือเรียก ขนมข้าวปุก , ภาคอีสานเรียด ขนมข้าวเปียง ซึ่งนิยมทำขนมไทยชนิดนี้ในช่วงเทศกาล เช่น วันปีใหม่
และก็มีถึงสูตรวิธีการทำที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ให้ได้ไปทำรับประทานกันแบบง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ดังนี้
- ขั้นตอนแรกทำไส้ของขนมแดกงา โดยเริ่มจากการตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ และน้ำลอยดอกมะลิลงไปกวนให้ละลายเข้ากัน ตามด้วยเนื้อมะพร้าวลงไปเคี่ยวต่อให้เข้ากันจนแห้งลง และใส่ถั่วลิสงกวนต่อ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดแห้งเข้ากันแล้วให้ตักมาพักไว้บนภาชนะรองด้วยกระดาษไข จัดวางเป็นชิ้นกลม ๆ ชิ้นละประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ จากนั้นพักไว้ให้เย็น
- เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียว และทยอยใส่น้ำเปล่าลงไปนวดให้เข้ากันจนจับตัวเป็นก้อน (ขั้นตอนนี้อย่าเทน้ำลงไปทีเดียวนะคะ เพราะจะทำให้ตัวแป้งเหลวเกินไปค่ะ)
- นำแป้งข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลมในปริมาณตามชอบ หรือพอดีคำ พอให้ห่อหุ้มไส้ได้ ต่อด้วยการบีบให้เป็นแผ่นบาง ใส่ไส้ที่เราเตรียมไว้ในขั้นตอนแรกลงไปตรงกลาง และทำการห่อหุ้มปั้นให้เป็นทรงกระบอก ทำซ้ำกับส่วนที่เหลือจนกว่าส่วนผสมจะหมดค่ะ เสร็จแล้วให้นำไปใส่ซึ้งที่รองไว้ด้วยใบตอง
- ตั้งหม้อนึ่งจนน้ำเดือดจัดแล้วนำขนมที่เตรียมไว้ลงไปนึ่งเป็นเวลา 10 – 15 นาที
- ใส่งาขาว งาดำ และเกลือป่นลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันในชามผสม คีบขนมที่นึ่งแล้วมาคลุกเคล้าให้ทั่ว จากนั้นจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ